ตอนที่ 73 การประมูลเครื่องประดับ (4)

ยอดนักรบจอมราชัน

“อะไรนะ ?” เย่เชียนผงะก่อนจะพูดต่อ “พวกสารเลวนั่นไม่เจ็บไม่จำเลยสินะ พวกมันอยากตายมากถึงขนาดมายุ่มย่ามในธุรกิจของพวกเราเชียวเหรอ ?! ขโมยเครื่องประดับอะไรกัน ?”

หลี่เหว่ยยี่ยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

น้ำเสียงของเขาฟังดูราวกับว่าเขาสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก และถ้าไม่ใช่เพราะต้องคุ้มกันจ้าวหยาแล้วล่ะก็ เขาคงออกไปไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามนานแล้ว

มีหลายคนที่เชื่อว่าเขี้ยวหมาป่าเป็นกลุ่มกองกำลังทหารรับจ้างโดยตรงเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ในช่วงเวลาที่เย่เชียนเป็นผู้นำกลุ่มเขี้ยวหมาป่า ไม่เพียงแต่ทำการกวาดล้าง ‘เสือดำโลหิต’ ที่เคยถูกขนานนามว่า ราชาแห่งโลกทหารรับจ้าง ได้ แต่เขี้ยวหมาป่ายังขยายอำนาจไปยังอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

สำหรับเหตุผลต่าง ๆ นั้นมันค่อนข้างซับซ้อน แต่ผลลัพธ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่อนข้างดีเยี่ยม ด้วยกำลังและความสามารถของเขี้ยวหมาป่า ทำให้ผลประโยชน์อุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจที่อยู่ในนั้นมันเกี่ยวข้องกับการลงทุนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การทำเครื่องประดับ ภาพยนตร์ และสื่อบันเทิงต่าง ๆ

กล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมของบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปคือทรัพย์สมบัติของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าเลยก็ว่าได้

ในทวีปแอฟริกาใต้ กลุ่มเขี้ยวหมาป่ามีเหมืองเพชรของตัวเอง และสำหรับแมรี่ นักออกแบบชื่อดังระดับโลกคนนั้น นอกจากเธอจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับราชวงศ์ของสหราชอาณาจักรแล้ว เธอยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของน่านฟ้ากรุ๊ปอีกด้วย ดังนั้นเครื่องประดับทั้งหมดในการประมูลครั้งนี้จึงเป็นของบริษัทน่านฟ้ากรุ๊ปทั้งหมด

…นี่หมายความว่าของที่พวกสารเลวเหล่านั้นกำลังวางแผนจะปล้น มันก็คือทรัพย์สินของพวกเย่เชียนนั่นเอง

เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าความตั้งใจของพวกนั้นคืออะไรกันแน่ หากพวกเขาบอกว่าพวกเขาทำเช่นนี้เพื่อยักยอกเงินประกันของบริษัทก็ไม่น่าจะใช่ พวกบริษัทประกันภัยจะไม่เชื่อพวกนั้นอย่างแน่นอน

กลุ่มเขี้ยวหมาป่าไม่ได้ยากจนถึงขนาดที่พวกเขาจะหันไปพึ่งบริษัทประกันเพื่อหาเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้วางแผนเอาไว้แล้วและเย่เชียนก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะเข้าไปแทรกแซงเพราะเขาได้มอบหมายสิ่งต่าง ๆ ของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าให้แจ็คไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าแจ็คเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มเขี้ยวหมาป่าและทางการทหารเลยก็ว่าได้

ทันใดนั้น เย่เชียนรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอย่างรุนแรง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ความรู้สึกนี้เหมือนกับในคืนนั้น ในตอนที่เขากินข้าวอยู่กับฉินหยู มีใครบางคนตามดูพวกเขาอยู่ซึ่งคนคนนั้นเป็นผู้หญิงที่เย่เชียนยังไม่รู้ว่าคือใคร

หรือเธอคนนั้นยังคงคอยตามดูฉินหยูอยู่ และตอนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง ?

หลี่เหว่ยยี่เองก็รู้สึกได้เช่นกันเพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแห่งการนองเลือดได้รวดเร็ว

ทั้งคู่หันมองหน้ากันเพียงชั่วพริบตา จากนั้นหลี่เหว่ยยี่ก็หันกลับมาและหายตัวไปท่ามกลางฝูงชน พวกเขาทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใด ๆ ก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอย่างไร

ครั้งสุดท้ายที่เธอคนนั้นหนีไปได้ก็เพราะเย่เชียนพยายามหลอกล่อเธอ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันเพราะระดับแนวหน้าของหน่วยเขี้ยวหมาป่าได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว หากปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไปได้ ชื่อเสียงของหน่วยเขี้ยวหมาป่าคงจะพังพินาศ และหากเป็นเช่นนั้นหน่วยเขี้ยวหมาป่าก็คงไม่เหมาะสมกับคำที่คนอื่นกล่าวขานกันว่า ‘เป็นกลุ่มกองกำลังทหารรับจ้างแนวหน้าของโลก’

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นมันค้ำศักดิ์ศรีของพวกเขาอยู่ ถ้าพวกเขาทำพลาด พวกเขาก็อาจจะถูกลบออกไปจากรายชื่อกองกำลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็เป็นได้

ถึงแม้ว่าหลี่เหว่ยยี่จะเป็นคนที่ขี้เกียจ เลอะเทอะ และชอบพูดจาเหลวไหลไปเรื่อย แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เขาจะไม่ประมาทเลย

เย่เชียนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าหลี่เหว่ยยี่จะไม่ทำให้เขาผิดหวังและที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยผิดหวังมาก่อน อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีกันกี่คนและเขารู้สึกว่าเขาจะต้องพาฉินหยูกับจ้าวหยาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยวางแผนต่อไป สถานที่นี้มีผู้คนเข้าออกมากเกินไปจึงไม่เอื้ออำนวยที่จะปกป้องผู้หญิงทั้งสองคนที่นี่

“เข้าไปกันเถอะ” เย่เชียนเดินไปข้าง ๆ ฉินหยูและบอกเธอให้เข้าไป

เมื่อฉินหยูเห็นท่าทางจริงจังของเย่เชียน ก็ราวกับว่าเธอสามารถรู้สึกถึงบางอย่างได้เช่นกันและหลังจากชะงักไปชั่วครู่ เธอก็พูดขึ้นว่า “การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เราไปกันเถอะ…” ฉินหยูบอกเย่เชียนและไม่ลืมที่จะหันไปเรียกจ้าวหยา “หยาเอ๋อร์ เธอก็ต้องมากับเราด้วย”

จ้าวหยาทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย “แต่เค่อเอ๋อร์ยังอยู่ที่นั่นอยู่เลยนะเจ๊”

“หืม… หูวเค่อก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ ? บอกให้เธอมากับเราสิ เร็ว ๆ ด้วยนะ” ฉินหยูพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังมาก ตอนนี้เธอดูตื่นตกใจเล็กน้อย เห็นชัดแล้วว่าเธอสามารถรับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติจากการแสดงออกของเย่เชียนได้

จ้าวหยามองฉินหยูด้วยความหวั่นเกรง สาเหตุที่เธอแอบมาร่วมงานประมูลครั้งนี้กับหูวเค่อโดยไม่ให้ฉินหยูรู้ก็เป็นเพราะเมื่อเธออยู่กับฉินหยู เธอมักจะไม่สามารถทำตัวได้อย่างอิสระเหมือนตัวเองในโหมดปกติและรู้สึกเหมือนถูกเจ๊ใหญ่ควบคุมเอาไว้ตลอด

แต่ในเมื่อตอนนี้ฉินหยูได้ออกคำสั่งกับเธอแล้ว อย่างไรเธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาและส่งข้อความถึงหูวเค่อ จากนั้นก็กวักมือเรียกอยู่ไกล ๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ ก็เดินเข้ามา เธอคนนี้มีรูปร่างผอมเพรียวและมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังมีลักยิ้มที่น่ารักอยู่ข้างแก้มขาว ๆ เล็ก ๆ วันนี้เธอมาในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ที่ทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าตัวน้อยน่ารักคนหนึ่ง

ช่างเป็นเหล่านางฟ้าที่พากันลงมาเยือนโลกจริง ๆ คนรู้จักที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดของฉินหยูล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีทุกคน

เย่เชียนจ้องมองหญิงสาวที่ฉินหยูกับจ้าวหยาเรียกเธอว่า หูวเค่อ โดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขายืนนิ่งเหมือนท่อนไม้โง่ ๆ ที่กำลังจ้องมองความงดงามของพวกเธอทั้งสามคน

ความสวยของฉินหยูเปรียบเสมือนราชินีน้ำแข็งที่แสนเย็นชา…

ความสวยของจ้าวหยานั้นดั่งราชินีสิงโตที่มีเสน่ห์อันเหลือร้าย…

ส่วนหูวเค่อ ความสวยของเธอเสมือนนางฟ้าตัวน้อยที่ลอยละล่องผ่านสายลมในฤดูใบไม้ผลิอันแสนสดชื่นแจ่มใส ทั่วทั้งร่างกายดูบริสุทธิ์ยากจะหาใครมาเปรียบเทียบ…

ฉินหยูเห็นแววตาที่เย่เชียนมองหูวเค่อ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดจึงจ้องหน้าเขาอย่างดุร้าย จากนั้นก็โอบเอวและบีบเนื้อส่วนเอวที่เดิมของเขาอย่างแรงจนทำให้เขาแสดงสีหน้าเสมือนรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะกระโดดดิ้น จากนั้นเธอก็หันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขาที่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา

เย่เชียนไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าฉินหยูจะแม่นยำขนาดนี้ เธอจะหยิกไปที่จุดเดิมทุกครั้งได้อย่างไรกัน ? แต่ก็เห็น ๆ อยู่ว่าเธอทำได้ เฮ้อ… หากเขายังอยู่กับเธอและใช้ชีวิตอยู่กับเธอแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ไม่ช้าก็เร็วเซลล์เนื้อเยื่อที่เอวตรงนั้นของเขาก็คงจะตายหมด

“อย่าได้คิดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับหูวเค่อนะ!” ฉินหยูกระซิบข้างๆ หูของเย่เชียน

เย่เชียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขามองฉินหยูพลางปั้นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาราวกับว่าเขากำลังจะบอกว่า ‘ผมไม่ได้คิดอะไรเลย คุณกำลังกล่าวหาผมอย่างผิด ๆ’

สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเย่เชียนที่มีต่อหูวเค่อ เพราะอันที่จริงเขาแค่คิดว่าผู้หญิงคนนี้สวยดีเฉย ๆ เขาไม่ได้รู้สึกถึงแรงดึงดูดหรือความน่าหลงใหลที่โรแมนติกจากหูวเค่อเลยแม้แต่นิด เขาแค่รู้สึกถึงความปรารถนาดี เขาเอ็นดูเธอและอยากจะปกป้องเธอก็เท่านั้นเอง

ฉินหยูยักไหล่ เธอมองเย่เชียนด้วยแววตาที่ยังเจือความหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

“พี่ฉินหยูคะ” หูวเค่อเรียกฉินหยูอย่างอ่อนหวาน จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเย่เชียนและเห็นได้ชัดว่าเธอประหลาดใจมากที่เห็นฉินหยูอยู่กับชายแปลกหน้าคนนี้

ทันใดนั้นจ้าวหยาก็โน้มตัวเข้าไปหาพลางกระซิบข้าง ๆ หูของหูวเค่อ และก็ซุบซิบอะไรบางอย่าง โดยที่บางครั้งพวกเธอก็จะมองเย่เชียนขณะที่ซุบซิบกัน

เห็นได้ชัดว่าจ้าวหยากำลังพูดถึงเย่เชียนในทางที่ไม่ดีให้หูวเค่อฟังอย่างแน่นอน

แต่สำหรับหูวเค่อ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของจ้าวหยามากนัก เธอเดินไปหาเย่เชียนและยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก็ทักทาย

“สวัสดี ฉันชื่อหูวเค่อ… ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” แล้วเธอก็ยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมือกับเย่เชียน

เย่เชียนก็ไม่ได้อยากพลาดโอกาสนี้ เขารีบยืนมือเพื่อไปจับมือกับหูวเค่อและพูดอย่างสุภาพ

“ผมเย่เชียนครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกันครับ” ในขณะที่เขาพูด เขาก็ค่อย ๆ จับมือของหูวเค่ออย่างอ่อนโยนและใช้นิ้วหัวแม่มือค่อย ๆ ลูบไล้มือของเธอเบา ๆ

ทันใดนั้นเอง เย่เชียนก็เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมคนในสมัยโบราณถึงเปรียบผู้หญิงดั่งเกสรดอกไม้ และเมื่อเย่เชียนสัมผัสกับมือของหูวเค่อที่นุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับว่ามือของเธอไร้ซึ่งกระดูก เขาก็รู้สึกแสนจะฟิน~

…เธอช่างเหมือนผู้หญิงในสมัยก่อนที่งดงามไร้มลทินดีจริง ๆ

สำหรับฉินหยู เมื่อเธอเห็นท่าทางและพฤติกรรมของเย่เชียนที่เป็นแบบนั้น เธอก็เงียบและไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองเย่เชียนด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย

ส่วนปฏิกิริยาของจ้าวหยานั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เธอเข้าไปดึงมือของหูวเค่อออกจากมือเย่เชียนและจ้องหน้าเขาอย่างเดือดดาล

“ไอ้ลามก! นายต้องการจะทำอะไรกับเค่อเอ๋อร์ห๊ะ ?”

“อะไรของเธอ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันแค่ทำตัวอย่างสุภาพและจับมือกับเค่อเอ๋อร์แค่นั้นเอง” เย่เชียนตอบอย่างใจเย็น เขาไม่รู้สึกผิดเลยกับการสัมผัสมือเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนั้น เพราะเขาคิดว่าตนเองแค่ฉวยโอกาสเพียงน้อยนิดในการสัมผัสมือของหูวเค่อ และถือโอกาสพูดกับเธอเสมือนว่าคุ้นเคยสนิทสนมกับเธอแล้ว