ตอนที่ 135 คุณย่าของเธอมาแล้ว / ตอนที่ 136 สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 135 คุณย่าของเธอมาแล้ว 

 

 

ภายในห้องน้ำ เฉินฝานซิงยืนอยู่ด้านหน้าของอ่างล้างมือ มือขาวสะอาดวางลงบนวาวก๊อกน้ำแล้วปล่อยให้น้ำเย็นไหล่ผ่านเรียวนิ้วของเธอลงมา 

 

 

เธองอนิ้วเข้าหากันเพื่อลองจับมันดูทว่าสายน้ำก็ไหลลอดหว่างนิ้วของเธอออกไป 

 

 

เธอขำออกมาอย่างไม่มีเสียง ควรไปได้แล้วถึงยังไงก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ 

 

 

เธอถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะทำความสะอาดคราบไวน์ที่กระเซ็นมาโดนตัวเธออย่างลวกๆ 

 

 

ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำ เธอสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านเข้ามาจนทำให้เธอต้องหยุดลง เมื่อหันไปมองก็พบกับดาดฟ้าที่อยู่ไม่ไกลกันกับทางเดินนัก 

 

 

เมื่อนึกถึงเสียงจอแจในห้องจัดเลี้ยงแล้ว เธอเองก็อยากออกไปสูดอากาศตรงดาดฟ้าสักหน่อย 

 

 

สายลมสดชื่นพัดผ่านเข้ามาพร้อมกับความเหน็บหนาวเพียงเล็กน้อย 

 

 

คืนนี้ชุดราตรีชุดนี้ตบแต่งอย่างเรียบหรูและยังคงบุคลิกเฉียบแหลมและภูมิฐาน รูปร่างสูงโปร่ง สัดส่วนได้รูปเอวและไหล่ตั้งตรง 

 

 

นัยน์ตาสุกใสราวกับดวงดารานั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับความเฉยเมยและดูสูงส่ง 

 

 

เบาบางดั่งสายลม 

 

 

“ฝานซิง…” 

 

 

น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง เธอขมวดคิ้วขึ้นก่อนหันหน้ามา มือคู่นั้นของซูเหิงสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงชุดสูทของเขา กำลังมองมายังเธอด้วยสายตาที่สับสน 

 

 

สีหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่แล้วของเฉินฝานซิงก็ดูเยือกเย็นลงทันตา เธอเหลือบมองดาดฟ้าที่ไร้ผู้คนทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินจากไป 

 

 

“ฝานซิง…” 

 

 

ดูเหมือนว่าซูเหิงจะตั้งใจมาหาเธอ เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงกำลังจะจากไปเขาก็รีบรุดไปขวางเธอเอาไว้ 

 

 

ในชั่วพริบตาที่ระยะห่างของเขาได้ใกล้ชิดกัน ซูเหิงจึงสามารถได้กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ที่ลอยมาจากร่างของเธอได้อย่างชัดเจน 

 

 

เธอจึงต้องชะงักเท้าลงอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา 

 

 

“เพราะงั้น…นายเลยจะเข้ามาคิดบัญชีให้ยอดรักของนาย?” 

 

 

เขาส่ายหน้าอย่างหม่นหมอง เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยของอีกฝ่ายหัวใจของเขาก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวจนพูดอะไรไม่ออก 

 

 

“ไม่ใช่ ฉันรู้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ” 

 

 

เธอแค่นเสียงหัวเราะเย็นออกมา 

 

 

ครั้งนี้ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ใช่สินะ! 

 

 

“งั้นนายคิดจะทำอะไร” 

 

 

“คืนนี้…ฉันประมูลให้เฉินเชียนโหรว…เพราะฉันตกลงกับเชียนโหรวเอาไว้แล้ว แต่ฉันนึกไม่ถึงว่าเป็นเธอ…” 

 

 

“พอเถอะซูเหิง ไม่คิดว่าจะเป็นฉัน แต่สุดท้ายนายก็รู้ว่าเป็นฉัน แต่นายก็เลือกเธออยู่ดี ฉันไม่เคยหวังให้นายต้องมาประมูลให้ฉันหรอกนะ แต่ฉันนึกไม่ถึงเลย ขนาดนายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอก็ยังกล้าหวานกันออกสื่อ…” 

 

 

เสียงของเธอว่าไปอย่างเนิบนาบและเยือกเย็น นัยน์ตาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ นิ่งเงียบราวกับผิวน้ำที่เงียบสงบ 

 

 

ทว่ายิ่งเป็นเช่นนั้น เขากลับรู้สึกว่านั่นกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนถูกเธอยิ้มหยัน 

 

 

“…ฉัน…ขอโทษแทนเชียนโหรวด้วย” 

 

 

“ไม่ต้อง…ฉันคงรับไว้ไม่ได้” 

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาอย่างเย็นชา แล้วเดินเฉียดร่างของเขาออกไปอย่างเฉยชา 

 

 

– 

 

 

ตอนที่เธอกลับมายังห้องจัดเลี้ยงสีหน้าของสวี่ชิงจือดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก 

 

 

“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” 

 

 

สวี่ชิงจือกวาดตามองไปยังสถานที่ที่ไม่ไกลนัก “คุณย่าของเธอมาแล้ว” 

 

 

หัวคิ้วของเฉินฝานซิงขมวดเข้าหากัน มองตรงไปยังข้างหน้าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจียงหรงหรงเองก็มองมาทางนี้เช่นกัน 

 

 

ตามด้วยร่างของเจียงหรงหรงที่ถือแก้วไวน์แล้วก้าวเดินเข้ามาหาเธออย่างมั่นใจ 

 

 

เธอกวาดตามองเฉินฝานซิงอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า ความเฉียบแหลมในดวงตาถูกฉาบทับไปด้วยความปลื้มใจ 

 

 

“ไม่เลว” 

 

 

เฉินฝานซิงมองเธออย่างราบเรียบ ก่อนจะกวาดตามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เจียงหรงหรงหนึ่งครั้ง 

 

 

เจียงหรงหรงจึงถือโอกาสนี้เอ่ยปากแนะนำ “นี่คือคุณติงห้าวติงทายาทของบริษัทเหิงติ่ง!” 

 

 

“คุณชายติง นี่เฉินฝานซิงเป็นหลานสาวของฉัน! ฝานซิงรีบทักทายคุณชายติงเร็วเข้าสิ!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 136 สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น 

 

 

สีหน้าและท่าทีของเจียงหรงหรง ดูธรรมดาอย่างถึงที่สุด 

 

 

แต่จู่ๆ เรียวคิ้วของเธอก็ต้องกระตุกขึ้นสองครั้งอย่างไม่อาจห้ามได้ 

 

 

“คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเหรอครับ อย่างที่ใครเขาว่า…สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ!” 

 

 

จู่ๆ ติงเฉิงอวี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยปากชมขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม 

 

 

กิตติมศักดิ์ของคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเป็นเช่นไรเขารู้ดี 

 

 

ทว่าไม่คิดเลยว่าจะเป็นหญิงสาวจะงดงามขนาดนี้ 

 

 

ดวงตาหลังกรอบแว่นสีทองคู่นั้นของติงเฉิงอวี่ หรี่มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณาตามอำเภอใจ 

 

 

สวย! 

 

 

สวยมากจริงๆ! 

 

 

โดยเฉพาะความดูสบายตาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่สามารถเลียนแบบเธอได้ 

 

 

ความสูงค่าที่สามารถมองได้แต่ไม่สามารถครอบครองได้แทบทำเอาคนมองคันยุบยิบที่หัวใจ 

 

 

เจียงหรงหรงที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นแววตาของติงเฉิงอวี่ รอยยิ้มได้ผุดขึ้นมาจากนัยน์ตา 

 

 

แต่ว่าเฉินฝานซิงกลับยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมพูดไม่จา จนสีหน้าของเจียงหรงหรงเริ่มดูอึมครึมอีกครั้ง 

 

 

“ฝานซิง! คุณชายติงกำลังคุยกับแกอยู่ไม่ได้ยินรึไง!” 

 

 

เธอตำหนิเสียงเข้ม ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเฉียบแหลมคู่นั้นบัดนี้เต็มไปด้วยสัญญาณเตือน 

 

 

ทันใดนั้นสายตาเยือกเย็นคู่นั้นของเฉินฝานซิงก็ได้ตวัดไปยังเจียงหรงหรงอย่างจิกกัด 

 

 

สายตาเช่นนั้นทำเอาเจียงหรงหรงเย็นวาบไปทั่วกาย! 

 

 

ติงเฉิงอวี่มองใบหน้าที่งดงามและสูงส่งนั้นที่จู่ๆ ก็ฉาบไปด้วยความเยือกเย็นยิ่งทำให้ความสนใจจากส่วนลึกของดวงตาของเขานั้นยิ่งชัดขึ้น 

 

 

“อ่าย ประธานเจียงไม่ต้องเคร่งขนาดนั้นหรอก” 

 

 

เจียงหรงหรงคลี่มุมปากที่แข็งทื่อออก “ทำขายหน้าคุณชายติงจนได้เจ้าหลานสาวคนนี้นิสัยแก้ไม่หายสักที” 

 

 

“อะไรกัน นี่แหละสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของคุณหนูใหญ่” 

 

 

เจียงหรงหรงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะผินหน้าไปมองหลานสาวของตนที่ตอนนี้ได้ถูกเพื่อนรักของเธอลากไปอีกทาง 

 

 

ติงเฉิงอวี่มองไปยังแผ่นหลังของเธอ ความสง่าและภูมิฐานบนใบหน้านั้นแอบเผยความชั่วร้ายที่ดูขัดกับเขา 

 

 

– 

 

 

เฉินเชียนโหรวต้องสอบถามจากบริกรถึงได้รู้ว่าจะสามารถหาซูเหิงได้ที่บนดาดฟ้า 

 

 

เธอค่อยๆ เดินมาหยุดลงข้างหลังเขา แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไปกอดพร้อมแนบกายลงกับแผ่นหลังของเขา 

 

 

“พี่เหิง…” 

 

 

ซูเหิงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับหันไปมองมือคู่นั้นที่โผล่มาอย่างกะทันหัน เขาเม้มปากก่อนจะค่อยๆ หันกลับมา 

 

 

“ทำไมพี่ถึงมารอตรงนี้ล่ะ ไม่หนาวเหรอ” 

 

 

เฉินเชียนโหรวถามเขาอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย 

 

 

“พี่เหิง พี่รักฉันรึเปล่า” 

 

 

เฉินเชียวโหรวขบกรามแน่น หยาดน้ำตาเอ่อล้มขึ้นมาทั่วกรอบตา 

 

 

ดวงตาของเขาผงะไปชั่วขณะเพราะนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะมาถามแบบนี้ 

 

 

“…พี่รู้อะไรไหม ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าพี่กับพี่สาวหมั้นกันแล้ว แต่กลับห้ามใจไม่ให้ไปรักพี่ไม่ได้ ฉันอยากจะเป็นคนที่ดีที่สุด ให้ทุกคนเห็นว่าฉันคู่ควรที่จะยืนเคียงข้างพี่” 

 

 

ฉันคิดว่าคืนนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวทั้งหมด แต่ฉันไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะมาปรากฏตัวในงานอย่างสวยหรูแบบนั้น 

 

 

ทุกคนต่างก็หลงใหลเธอรวมทั้งพี่ด้วย! 

 

 

พี่รู้รึเปล่าว่าสายตาที่พี่มองเธอคืนนี้มันเป็นยังไง ทุกสายตาของพี่ราวกับเอามีดกรีดลงมากลางใจของฉัน 

 

 

ฉันต้องการพี่จนไม่ลืมหูลืมตา ฉันไม่อยากเสียพี่ไปง่ายๆ อีก พี่เหิงฉันกลัว ฉันกลัวจริงๆ นะ…” 

 

 

เฉินเชียนโหรวพูดเช่นนั้น น้ำตาก็ร่วงรินลงมาราวกับลูกปัดที่ขาดออกจากสาย 

 

 

ความรักใคร่เอ็นดูผุดขึ้นในหัวใจเขาอย่างไม่ต้องสงสัย 

 

 

เมื่อกี้ในห้องจัดเลี้ยงแม้เธอจะถูกทำให้เจ็บใจถึงขนาดนั้นเธอก็ไม่ยอมเผยน้ำตาออกมาให้เห็นสักหยด 

 

 

ทว่าตอนนี้รอบด้านไม่มีใครเธอกลับร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดและน้อยเนื้อต่ำใจ 

 

 

ทุกๆ ถ้อยคำค่อยๆ ร่วงลงสู่หัวใจของเขา ทำให้เขารู้สึกทั้งสงสารและรู้สึกละอายในเวลาเดียวกัน 

 

 

เขาจนหนทางจะปฏิเสธทุกคำกล่าวของเฉินเชียนโหรวเมื่อสักครู่ เขายอมรับว่าวันคืนนี้เฉินฝานซิงทำให้เขาใจสั่นได้จริงๆ 

 

 

เขายื่นมือออกไปปาดน้ำตาให้เฉินเชียนโหรวก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา “ไม่ร้องนะ เครื่องสำอางหลุดหมดแล้ว เดี๋ยวไม่สวยนะ” 

 

 

เธอกัดปากพร้อมทั้งส่ายหน้า “ไม่สวยตั้งนานแล้ว คืนนี้… คืนนี้…สมควรขายหน้าแล้วคนที่ไม่สมควรขายหน้ามันหายไปตั้งนานแล้ว แม้แต่พี่ฉันก็กำลังจะเสียไปแล้ว สวยไม่สวยจะไปมีความหมายอะไร” 

 

 

“ไร้สาระน่า ฉันบอกตอนไหนว่าต้องการเธอ” ซูเหิงเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ ทุกถ้อยคำเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น 

 

 

เฉินเชียนโหรวกลับก้าวเข้ามา สองแขนเรียวสวยคว้าหน้าท้องของเขาเข้ามาแล้วแนบร่างอันเย้ายวนของตัวเองแนบชิดกับอกแกร่ง เธอแหงนหน้ามองเขาด้วยน้ำตานองหน้าและเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตลงไปบนริมฝีปากของเขา…