หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.399 – ขั้นตอนแรก

 

ต่อหน้าเหล่าอาวุธทั้งหลาย กู่ฉิงซานได้เอ่ยปากสาบานออกมา

 

“ขอเดิมพันด้วยชีวิตข้า ว่าข้าจะต้องช่วยโลกปรภพให้จงได้ มิฉะนั้นแล้วขอให้กายข้าถูกทำลาย แลจิตวิญญาณตกลงสู่ขุมนรก”

 

สิ้นเสียง สายลมที่มองไม่เห็นก็ลอยเข้ามาเวียนวนรอบร่างจิตของกู่ฉิงซาน เนิ่นนานจึงจะหายไป

 

สวรรค์และโลกเป็นพยาน บ่งบอกว่าคำปฏิญาณได้บรรลุกระบวนการแล้ว

 

ฉานนู่มองไปยังฉากนี้ ด้วยสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน

 

“เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร? เพื่อปรภพ? หรือว่าเพื่อโลกกันแน่?”

 

“หรือจะเป็นเพราะแรงดลใจจากเหตุก่อนหน้า ที่ทำให้เจ้าพาลคิดไปว่าตนเองนั้นเป็นผู้กอบกู้แห่งโชคชะตา ดังนั้นจึงกล้าที่จะเดิมพันชีวิตในครั้งนี้?”

 

เธอเอ่ยถามด้วยความฉงน

 

“จะอะไรก็ช่าง แต่ข้าก็ได้ให้คำมั่นไปแล้ว” กู่ฉิงซานสวนกลับ

 

ฉานนู่ชะงักราวกับถูกแทงลึกเข้าไปในหัวใจ

 

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ตั้งแต่วินาทีที่ข้าได้มาถึงโลกปรภพ ข้าก็เดิมพันด้วยชีวิต – สาบานว่าจักต้อง ‘เปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมด’ ให้จงได้อยู่แล้ว”

 

ว่าจบ สายตาของเขาก็มองไปตามสายธารที่ทอดยาวออกไปไร้ที่สิ้นสุด

 

กระแสน้ำกำลังไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ

 

ขวดไวน์เก่าๆและศพของอสูรกายได้ลอยหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย

 

“วางใจเถอะเหล่าสหาย ข้าจะต้องชนะให้จงได้” เขาเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

 

สมองของอาวุธต่างๆว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง เพราะไม่รู้ว่ามนุษย์ตรงหน้ากำลังพูดอยู่กับใคร

 

ฉานนู่ไตร่ตรองเกี่ยวกับมันสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “งั้นก็ดี ในเมื่อเจ้าสาบานแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะให้ความร่วมมือกับเจ้าอย่างเต็มที่”

 

เธอเปลี่ยนร่างเป็นกลุ่มก้อนหมอกสีขาว แล้วผลุบหายเข้าไปในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา

 

กู่ฉิงซานคว้าจับดาบเล่มนั้น

 

ขณะเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยก็เด้งเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“คุณได้รับอนุญาตในการใช้ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาเป็นการชั่วคราว”

 

“ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา คือดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาในโลกนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะของปรภพ”

 

“ไม่อาจทราบคุณสมบัติของดาบเล่มนี้ได้”

 

ราวกับรู้ว่ากู่ฉิงซานต้องการจะถามสิ่งใด เส้นแสงตัวอักษรจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าต่างทันที

 

“ดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ยิมรับคุณเป็นเจ้านายของเธอ ดังนั้นคุณจึงไม่อาจทราบรายละเอียดคุณสมบัติของดาบเล่มนี้ได้”

 

“ตามการวิเคราะห์จากการรวบรวมข้อมูล ดาบเล่มนี้มีอย่างน้อยหนึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ : ‘อมตะ’ ”

 

“ ‘อมตะ’ : ทุกกฏเกณฑ์ในโลกทั้งสิบ ทุกๆพลังอำนาจจะมิอาจทำลายดาบเล่มนี้ลงได้”

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม เขาอดไม่ได้ที่จะใช้จิตสัมผัสเทวะถามออกไป : ‘นางจะเป็นอมตะได้อย่างไร? ในเมื่อก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างชัดเจน’

 

“ที่ได้รับบาดเจ็บคือจิตอาร์ติแฟค ส่วนตัวดาบยาวเองมิได้รับความเสียหายใดๆ”

 

“จิตอาร์ติแฟคได้รับบาดเจ็บ และดาบไม่อาจลงมือด้วยตนเองได้ แต่ก็ยังสามารถนำมาให้ผู้อื่นใช้ได้”

 

“หากจิตอาร์ติแฟคของดาบเล่มนี้ตกตายลง ตัวดาบยาวจะยังคงอยู่ ทว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะสูญสิ้นไป”

 

ระบบตอบกลับ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว นี่สินะความหมายของคำว่า ‘อมตะ’ ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาวาดดาบยาวในมือออกไป และเอ่ยในใจอย่างเงียบๆ “จะเห็นถึงรายละเอียดคุณสมบัติของมันหรือไม่ก็หาได้สำคัญไม่ เพราะตราบใดที่ดาบเล่มนี้เป็นอมตะ มันก็จะสามารถปัดป้องหอกหลากสีเพื่อข้าได้ … ”

 

ในเวลานั้นเอง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ได้เปล่งเสียงออกมา “ในเมื่อพวกเจ้าตกลงจะร่วมมือกันแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ข้าสมควรจะทำสิ่งใดดี?”

 

กู่ฉิงซานกล่าว “เราจะไปยังปากทางเข้านรก – ข้าจดจำได้ว่านรกซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ภูเขาล้อมเหล็ก เบื้องล่างของสายธาร ถูกต้องหรือไม่?”

 

“ถูกต้องตามนั้น” ตะขอตอบ

 

“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด”

 

……

 

ทั้งหมดบินไปตลอดเส้นทางในเบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

ภายใต้สายธารที่อยู่ใกล้กับฝั่งของภูเขาล้อมเหล็ก กู่ฉิงซานได้ค้นพบถ้ำที่ซ่อนอยู่เบื้องล่างของมัน

 

ที่นี่อยู่ใต้สายธารตลอดทั้งปี และจำต้องดำดิ่งลงไปเพื่อที่จะพบกับปากทางเข้าสู่นรก

 

กู่ฉิงซานกำอาวุธในมือ แหวกว่ายผ่านถ้ำใต้น้ำที่ยาวออกไปหลายสิบลี้ แล้วเขาก็เข้าสู่ภายในใจกลางที่กล่าวได้ว่าเป็นส่วนท้องของภูเขาล้อมเหล็กได้ในที่สุด

 

ในใจกลางของภูเขาล้อมเหล็ก ไม่มีน้ำจากสายธาร เป็นเพียงพื้นที่เปิดโล่ง

 

เวลานี้ ปรากฏถ้ำขนาดใหญ่สูงกว่าร้อยเมตรขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

 

นี่คือทางเข้าสู่ขุมนรก

 

กู่ฉิงซานมองเข้าไปในถ้ำ

 

และเห็นแค่เพียงชั้นแสงสีดำที่คอยปกคลุมตรงทางเข้าถ้ำเอาไว้

 

เมื่อเขาลองเดินเข้าไปใกล้ทางเข้าถ้ำ กลับพบว่าตนถูกผลักกลับมาด้วยแรงที่มองไม่เห็น และไม่อาจต้านทานได้

 

“มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปข้างในได้ ทว่าเจ้าเป็นเพียงจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถเข้าสู่นรกภูมิได้” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว

 

กู่ฉิงซานพยักหน้า และเอ่ยถาม “เช่นนั้นเผ่ามารก็ไม่สามารถเข้าสู่นรกได้เหมือนกัน ใช่หรือไม่?”

 

“ใช่”

 

ในขณะนั้นเอง เสียงของผู้หญิงชุดคลุมฟ้าก็ดังออกมาจากดาบ “เจ้าวางแผนที่จะทำอะไร?”

 

“เริ่มจากแผนขั้นแรก ‘กำจัดมารสะบั้นหัวอสูร’ ” กู่ฉิงซานตอบกลับ

 

—–

 

ณ ภูเขาล้อมเหล็ก

 

ตรงยอดเขา

 

หอกหลากสีที่ถูกผนึกโดยยันต์ทองคำ ก็ยังคงปลดปล่อยแสงและเงาสีสันสดใสออกมาอย่างไม่มีหยุดยั้ง

 

แสงและเงาของหอกพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

ขณะเดียวกันบนท้องฟ้า 36 อาวุธแห่งปรภพก็กำลังปลดปล่อยรังสีแสงสวรรค์ออกมาเช่นกัน

 

ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน สร้างมหาค่ายกลผนึกมารออกไปต้านทานแสงและเงาของหอกนี้

 

และยามเมื่อสองมหาพลังอำนาจปะทะกัน

 

ดั่งแสงสว่างและความมืดถือกำเนิดขึ้นและดับสูญลงนับครั้งไม่ถ้วน

 

36 อาวุธต่างร่ำร้องคร่ำครวญออกมาด้วยปวดร้าวอย่างต่อเนื่อง

 

พวกเขาเกือบจะไม่อาจต้านทานได้อยู่แล้ว

 

การเผชิญหน้าใกล้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า

 

เหล่าอาวุธโบราณกำลังจะพ่ายแพ้และถูกทำลายลงโดยหอกหลากสีซึ่งมีเพียงลำพัง

 

แต่แล้วทันใดนั้นเอง ท่ามกลางสายธารแห่งการหลงเลือนก็บังเกิดรังสีสีเหลืองอ่อนพุ่งทะยานขึ้นมา

 

และรังสีแสงที่ว่าก็พรวดขึ้นไปบนอากาศ มุ่งตรงมายัง 36 อาวุธโบราณอย่างรวดเร็ว

 

ตะขอยาวเผยร่างของตนออกมา

 

“พวกเจ้าทุกคนถอยออกมาก่อน”ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว

 

“ทว่าหากพวกเราถอย ก็จะไม่มีใครสามารถรับมือกับมันได้อีกแล้วนะ” หนึ่งในอาวุธกล่าว

 

“ถอยออกมา ตอนนี้เจ้าจะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีคนอื่นมารับมือกับหอกเอง!” ตะขอเร่งเตือน

 

มันคือหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะจากปรภพ ดังนั้นคำพูดของมันจึงค่อนข้างน่าเชื่อถือเป็นธรรมดาสำหรับเหล่าอาวุธ

 

36 อาวุธโบราณล่าถอยทันที

 

พวกมันยังคงรักษามหาค่ายกล และขณะเดียวกันก็ล่าถอยกลับไปบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ

 

–พวกมันไม่กล้าจริงๆที่จะยกเลิกมหาค่ายกลนี้ในทันที

 

เพราะในกรณีนั้น บางทีหอกหลากสีอาจจะสังหารพวกมันทันทีเลยก็ได้

 

หลังจากที่สรรพวุธล่าถอยไป

 

หอกหลากสีก็กลับคืนสู่ความสงบบอีกครั้ง

 

เผ่ามารและอสูรกายนับไม่ถ้วนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

 

พวกมันแผดเสียงหัวเราะ ชูไม้ชูมืออย่างภาคภูมิเพื่อแสดงถึงชัยชนะอีกครั้ง

 

เว้นไว้แต่เพียงบนยอดของเขาล้อมเหล็ก ในสถานที่อื่นๆ ทั้งหมดได้ถูกครอบครองจนสิ้นแล้วโดยเผ่ามาร

 

หากไม่นับนรกเบื้องล่าง ก็กล่าวได้ว่าในความเป็นจริงพวกมันได้ครองโลกใบนี้ทั้งใบไปแล้ว!

 

ณ ขณะนั้นเอง ภายในสายธารแห่งการหลงเลือน พลันปรากฏร่างๆหนึ่งบินขึ้นมา

 

และร่างที่ว่านั่นคือกู่ฉิงซาน!

 

ในมือของเขาถือดาบขุนเขาเทวะหกโลกา มุ่งหน้าไปยังยอดเขา

 

เขาพุ่งเข้าใส่หอกหลากสีอย่างเต็มกำลัง

 

อีกด้านหนึ่งไกลออกไป เผ่ามารเริ่มส่งเสียงโห่ร้องอีกครั้ง

 

พวกมันเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างใกล้ชิด และแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหอกหลากสีเก็บเกี่ยวเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มุทะลุนี้!

 

กู่ฉิงซานบินตรงไปยังเนินเขาที่ว่างเปล่า

 

หอกหลากสีดูเหมือนจะเกียจคร้านเล็กน้อย แม้จะสัมผัสได้ถึงกู่ฉิงซานแล้วก็ตามที ทว่ามันก็ไม่สนใจและไม่เกิดปฏิกริยาตอบสนองใดๆไปสักพักหนึ่ง

 

จนกระทั่งกู่ฉิงซานบินมาได้ครึ่งทาง-

 

-แสงและเงาก็เร่มเปล่งประกายออกมาจากหอกหลากสี และจ้วง! เข้าตัดกู่ฉิงซาน

 

แสงและเงาของหอกนี้ มีระยะโจมตีกว่าหลายร้อยเมตร และพริบตาเดียวมันก็มาถึงกู่ฉิงซาน

 

ความตาย … ใกล้เข้ามาแล้ว!

 

และในพริบตานั้นเอง ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังจะถูกสังหารลงโดยเงาหอก

 

มองไปยังสีหน้าของกู่ฉิงซานที่ไม่เปลี่ยนแปลง ร่างของเขากระพริบไหว หายไปจากเป้าโจมตีของเงาหอก

 

สกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!

 

กู่ฉิงซานทำการเปลี่ยทิศทาง เขาวาบบบบ! ข้ามผ่านเงาของหอกหลากสี และยังคงพุ่งตรงไปยังยอดเขา

 

และในระหว่างทาง เขาก็ใช้ออกด้วยย่นระยะอีกที

 

ระยะทางที่ยาวได้สั้นลงในฉับพลัน

 

เขาเกือบที่จะไปถึงบนยอดเขาอยู่แล้ว!

 

อีกฝ่ายสามารถใกล้เข้ามาได้อย่างง่ายดายแถมยังเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ! หอกหลากสีดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย

 

คราวนี้มันปลดปล่อยสามเงาหอกออกไปพร้อมกันเพื่อจ้วงตัดร่างกู่ฉิงซาน

 

และการโจมตีดังกล่าวนี้ กระทั่ง 36 อาวุธแห่งปรภพก็ยังมิอาจต้านทานได้!

 

สามเงาหอกเชื่อมต่อกันและกัน ครอบคลุมตลอดทั้งยอดเขาล้อมเหล็กโดยสมบูรณ์

 

แล้วกู่ฉิงซานก็ทำการล็อคจิตสัมผัสเทวะลงในเงาหอกที่สาม ซึ่งอยู่หลังสุด

 

สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!

 

ในพริบตา เขาและเงาหอกเงาหลังสุดก็สลับตำแหน่งกัน

 

กู่ฉิงซานสามารถมาถึงบนยอดเขาได้แล้ว!

 

ทีนี้ก็ถึงเวลาเปิดม่านการแสดงแล้ว!

 

กู่ฉิงซานวูบกายไปยังหอกหลากสี

 

และในเสี้ยววินาที ประกายแสงก็ระเบิดพุ่งออกมาจากหอกหลากสีอย่างรวดเร็ว

 

มันได้ปลดปล่อยเงาหอกหลากเฉดสีออกมาอีกครั้ง แถมยังมากกว่าเก่าเสียด้วย

 

และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกเลยที่กู่ฉิงซานใช้ดาบเข้าสู้!

 

ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาถูกยกสูงขึ้นพร้อมกับรังสีดาบที่ดูบิดเบือนระเบิดออกมา

 

หอกหลากสีไม่น้อยหน้า มันเร่งยิงเงาหอกออกไปตัดมหารังสีดาบนี้ออกเป็นชิ้นๆ!

 

ช่วงพริบตาถัดไป

 

เงาหอกที่สอง

 

เงาหอกที่สาม

 

เงาหอกที่สี่

 

เงาหอกที่ห้า

 

แสงและเงาค่อยๆซ้อนทับกัน สาดกระจายออกไปทั่วบริเวณ

 

ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดนี้ กู่ฉิงซานไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเริ่มต้นใช้ออกด้วยสกิลเทวะ เขาจึงสามารถทำได้เพียงหมุนดาบขุนเขาในมือเป็นแนวนอน แล้วใช้มันต้านทานร่างกายจากเบื้องหน้าเท่านั้น

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน

 

ตรงหอกหลากสี

 

ก็ได้บังเกิดรังสีดาบปรากฏขึ้นจากอีกด้านหนึ่งบนร่างของมันอย่างกระทันหัน

 

เทคนิคลับแห่งดาบ กลืนกินหวนกลับ!

 

กะเวลาได้เหมาะเหม็ง!

 

เห็นแค่เพียงรังสีดาบที่ตัดเข้าด้านข้างของหอกหลากสี

 

ราวกับช่วงเวลาหยุดนิ่ง รังสีดาบค่อยๆตัดเฉือนลงบนหอกอย่างแผ่วเบา

 

และยันต์ทองคำที่ถูกแปะเอาไว้ก็หลุดลอยออกไป

 

หอกหลากสีชะงักงัน เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่สิ่งที่มันทันคาดคิด

 

ในพริบตานั้น หอกหลากสีก็ไม่ได้ปลดปล่อยเงาออกมาโจมตีกู่ฉิงซานอีกต่อไป

 

กู่ฉิงซานหมุนควงดาบขุนเขาที่กำลังใช้ป้องกันตัวอยู่ และระเบิดรังสีดาบออกไป

 

“จังหวะนี้ล่ะ!”

 

ปงงงง!!

 

บังเกิดเสียงอึกทึก แผดก้องไปทั่วฟ้า

 

ดาบขุนเขาปัดป้องแสงและเงาของหอกหลากสีได้สำเร็จ!

 

นี่แหละคือพลังของ ‘อมตะ’ ล่ะ!

 

ด้วยคมดาบนี้ ส่งผลให้พลังตีกลับมายังกู่ฉิงซาน

 

เขาถูกกระแทกกระเด็นออกมาในพริบตาด้วยผลกระทบจากพลังอำนาจของเงาหอก

 

แล้วเนื่องจากถูกกระแทกใส่ในระยะประชิดด้วยพลังอำนาจอันไร้คู่เปรียบนี้ ทั้งคนทั้งดาบจึงพุ่งฟิ้ว! ปลิวลอยไปไกลจากยอดเขา ร่วงตกไปสู่สายธารแห่งการหลงเลือนราวกับดาวหางก็มิปาน

 

และสายธารแห่งการหลงเลือนก็แยกออกทันทีเพื่อเปิดทางให้เขาเข้าไป

 

แต่กู่ฉิงซานก็ยังไม่หยุด เมื่อตกลงสู่สายธารแล้ว เขาก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป แหวกสายธารตรงไปยังทิศทางปากถ้ำเข้าสู่นรก

 

เขาบินเข้าไปภายในส่วนท้องของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับดาบขุนเขา เลี้ยวลดคดเคี้ยวกว่า7-8ครั้งในระหว่างทาง และสุดท้ายก็มาถึงถ้ำปากทางเข้านรกได้ในที่สุด

 

เขาทิ้งตัวกลิ้งลงไปกับพื้นในบริเวณพื้นที่เปิดโล่ง ก่อนจะหยุดลงนอนแผ่แขนขาไปคนละทิศทาง ปากอ้าหอบหายใจหนักหน่วง

 

พลังอำนาจของหอกหลากสีเพียงพอที่จะสังหารเทพและอสูรกายลงได้ ตราบใดที่เขาพลาดพลั้งแม้เพียงน้อยร่างจิตของตนก็จะถูกทำลายลงในจุดนั้นทันที!

 

กระบวนการต่อสู้ทั้งหมดเมื่อครู่ แม้จะดูธรรมดา ทว่าความเป็นจริงแล้วในทุกๆการกระทำมันเชื่อมโยงถึงกันหมดด้วยประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของกู่ฉิงซาน

 

จนถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่านี่คือการต่อสู้ที่สาหัสสุดๆแล้วที่เคยwfhพบเจอสำหรับเขา!

 

ยามเมื่อสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย ร่างที่เขม็งเกร็งของกู่ฉิงซานก็คลายลง จนทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย

 

เหล่าอาวุธเข้ามารายล้อมรอบตัวเขา

 

–มิใช่แค่เหล่าอาวุธกลุ่มเดิมในทีแรก แต่ยังรวมไปถึง 36 อาวุธที่ล่าถอยออกมาก่อนหน้านี้ และพึ่งได้ฟื้นฟูกำลังของตนอีกด้วย

 

ร่างของหญิงชุดคลุมฟ้าปรากฏขึ้น และเตรียมจะเอ่ยถามออกมาไม่กี่คำว่า

 

‘เหตุใดเมื่อครู่เจ้าจึงกระทำเช่นนั้น?’

 

ทว่าไม่รีรอให้เธอเอ่ยถาม ตะขอเกี่ยววิญญาณก็พลันเปล่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้นซะก่อน

 

“มาดูนี่เร็วเข้า!”

 

มันตะโกนลั่น

 

“ทุกท่านจงเชื่อมต่อกับข้าเร็ว มีสิ่งที่น่าสยองเกล้าบังเกิดขึ้นแล้วในภายนอก!”

 

กระแสเสียงในตอนนี้ของมันแทบจะเผยถึงความคลั่งเล็กน้อย

 

เหล่าสรรพวุธแตะลงบนตะขอเกี่ยววิญญาณทันที

 

กู่ฉิงซานเองก็เหยียดมือไปวางลงไปบนมัน

 

แล้วสถานการ์ภายนอกก็ปรากฏขึ้นในจิตสัมผัสเทวะของพวกเขา

 

—-

 

ณ จุดสูงสุดบนยอดเขา

 

เมื่อไม่มียันต์ทองคำคอยยับยั้งพลังอำนาจของหอกหลากสี สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปรไปอย่างฉับพลัน

 

เมื่อกู่ฉิงซานจากไป หอกหลากสีก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจที่จะไล่ตามไปจัดการกับเขาเลย

 

ทว่ามันกลับเลือกที่จะส่งเงาหอกหลากเฉดสีออกมา และตัดยันต์ทองคำที่ลอยล่องอยู่ในอากาศเป็นชิ้นๆ !

 

แต่ถึงกระนั้น การกระทำนี้ก็ยังมิอาจปัดเป่าความโกรธเกลียดของมันออกไปได้ – เงาหอกหลากเฉดสีนับร้อยพันปะทุออกจากตัวหอก และพุ่งเข้าตัดเศษซากยันต์จนเป็นผุยผง!

 

ฟุบๆๆๆๆๆ!

 

จนกระทั่งฝุ่นผงของยันต์ทองคำมิมีหลงเหลือ หอกหลากสีจึงค่อยเปล่งเสียงฮึมฮำด้วยความสุขออกมา

 

และวินาทีต่อไป

 

เฉดเงานับพันหมื่นก็พรั่งพรูออกมาจากหอกหลากสี แพร่กระจายกวาดออกไปตลอดทั้งส่วนพื้นดินของภูเขาล้อมเหล็ก

 

“แบบนี้โลกปรภพก็คงจะจบสิ้นลงแล้ว” ฉานนู่มองไปยังกู่ฉิงซานและกล่าว

 

“ดูต่อไปเถอะ” กู่ฉิงซานสวนกลับ

 

“ดูนั่น! เห็นหรือไม่!” ตะขอเกี่ยววิญญาณร้องกระตุ้นเตือน

 

ฉานนู่จึงหันสมาธิไปแช่จิตสัมผัสเทวะของเธอลงในตะขอเกี่ยววิญญาณต่อ

 

เดิมทีกองทัพเผ่ามารได้ยึดครองทั่วทั้งพื้นดินในส่วนบนภูเขาล้อมเหล็ก ทว่ามีเพียงส่วนเดียวที่มิได้ยึดครอง นั่นคือบริเวณที่ใกล้เคียงกับหอกหลากสี

 

ทว่าตอนนี้ ยันต์ทองคำหลุดออกไปแล้ว ดังนั้นพลังอำนาจทั้งหมดของหอกหลากสีจึงได้ถูกปลดปล่อยออกมาโดยสมบูรณ์!

 

เห็นแค่เพียงในสวรรค์และโลก ทุกๆสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ล้วนถูกบดบังด้วยเฉดเงาเหล่านี้

 

เงาหอกกระจายออกจากยอดเขาอย่างฉับไว และพวกเผ่ามารบนภูเขาในระยะไกลก็ตกตายลงทันที

 

โดยปราศจากซึ่งการต่อต้านใดๆ กองทัพมารหลายสิบล้านตน! หลายสิบล้านตนก็ถูกสังหารลงในพริบตาโดยเฉดเงาหลากสีนี้!

 

ตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็ก บัดนี้เอ่อท่วมไปด้วยเลือดสดๆ พวกมันไหลนองเป็นคลื่น ม้วนลงรวมกับกระแสน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน

 

มีเพียงอสูรกายที่ทรงพลังที่สุดไม่กี่ตนเท่านั้นที่รอดมาได้จากการกวาดโจมตีในคราแรกนี้ พวกมันร้องโหยหวนและเริ่มวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

 

อย่างไรก็ตามที่นี่คือปรภพ และนอกเหนือไปจากภูเขาล้อมเหล็กก็มีเพียงสายธารแห่งการหลงเลือนและนรกเบื้องล่างเท่านั้น แต่ทว่า-

 

-นรกเบื้องล่าง อสูรกายมิอาจย่างกรายเข้าไปได้

 

สำหรับสายธารแห่งการหลงเลือน คงมิต้องกล่าวถึง

 

อสูรกายที่ทรงอำนาจมากที่สุดกระจุกรวมตัวกัน อสูรกายที่เพียงหนึ่งตนก็สามารถสั่นสะเทือนทั้งโลกหล้า บัดนี้จำใจต้องร่วมมือกันต้านทานพลังของหอกหลากสี

 

แต่ก็ไร้ประโยชน์

 

ด้วยการกระทำที่คิดหมายจะต้านทานดังกล่าวนี้ ยิ่งกระตุ้นให้ตัวหอกหลากสีปลดปล่อยจำนวนเฉดเงาโถมเข้ากดอีกฝ่ายมากขึ้น

 

เฉดเงาหอกมากมายระเบิดโจมตีออกมา ส่งผลให้บังเกิดลมกรรโชกแรงราวกับพายุคลั่ง!

 

ร่วมมือกันได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ อสูรกายร่างใหญ่ก็สิ้นใจล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น

 

พวกมันเป็นอสูรกายที่ทรงพลังอำนาจที่สุด ที่สามารถปกป้องโลกปรภพ หรือกระทั่งยึดครองโลกมนุษย์โดยลำพังตนเดียวเลยก็ยังได้

 

อย่างไรก็ตาม บัดนี้ พวกมันมิแตกต่างไปจากมดปลวก ที่ถูกบี้แบนจนตายลงอย่างง่ายดายโดยหอกหลากสี

 

เพียงสิบลมหายใจ

 

หลังจากสิบลมหายใจ เผ่ามารทั้งหมด กระทั่งอสูรกายก็ตกตายลงจนสิ้น!

 

“จบซักที” กู่ฉิงซานบรรเทาลมหายใจอย่างแผ่วเบา