ตอนที่ 90.4 ระบำอันงดงาม (4) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เมื่อมองชายหนุ่มน่าชังตรงหน้า ต้องเอ่ยว่าเสียงขลุ่ยเมื่อครู่นี้ของเขาไพเราะอย่างยิ่ง

ดังนั้น หลังจากเล่อเหยาเหยาได้สติ รีบเผยอริมฝีปากแดงขึ้นเอ่ยว่า

“ไม่เลว!”

เธอเอ่ยออกมาเบาๆ ทว่าเมื่อหนานกงจวิ้นซีได้ยินกลับตะลึงในใจเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้นมีความประหลาดใจแวบขึ้นมา

ตั้งแต่ที่เขาพบกับขันทีน้อยตรงหน้านี้มา ยังไม่เคยได้ยินประโยคที่ไพเราะออกมาจากปาก ‘เขา’ เลย!

เดิมทีเขาคิดว่าขันทีน้อยนี้คงจะเอ่ยประชดประชันออกมาหลายประโยคเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่า ‘เขา’ กลับเอ่ยประโยคนี้ออกมา

ไม่เลวหรือ!

นี่คงเป็นการเอ่ยชมเขาสินะ!

เมื่อได้ยินหนานกงจวิ้นซีประหลาดใจ ในใจกลับรู้สึกเบิกบานมากยิ่งขึ้น

มุมปากน่ามองนั้น ปรากฏรอยยิ้มจางๆ น่าหลงใหลขึ้นมา ก่อนเอ่ยว่า

“ฮ่าๆ ย่อมแน่นอน!”

หนานกงจวิ้นซียิ้มอย่างโอหัง รอยยิ้มนั้นน่ามองชวนหลงใหลยิ่งนัก

แต่เขามีรอยยิ้มได้ไม่นาน ก็ได้ยินเล่อเหยาเหยาเอ่ยอีกครั้งว่า

“เสียงขลุ่ยไพเราะ คนกลับงดงามยิ่งกว่า! ช่างเหมาะสมกับภาพลักษณ์ขององค์ชายเจ็ดเวลานี้อย่างที่สุดเลย! ฮ่าๆ”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ ก็ไม่สนใจหนานกงจวิ้นซี เดินตัวปลิวขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว เพียงทิ้งให้หนานกงจวิ้นซีที่เพิ่งได้สติ เมื่อเข้าใจความหมายแล้วก็กัดฟันกรอดเอาไว้

“เจ้าบ่าวน่าตาย! เจ้าสิงดงาม! เจ้าพูดเช่นนี้หมายความเช่นไร!”

งดงามใช้อธิบายกับสตรี เจ้าบ่าวน่าตายนี้กลับเอ่ยประชดประชันว่าเขาเป็นสตรี น่าตายนัก!

ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่โมโหอย่างหนัก เล่อเหยาเหยากลับยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเดินขึ้นไปบนเวที

หากเอ่ยว่าการปรากฏตัวของหนานกงจวิ้นซีเมื่อครู่ ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปทั่วลาน เช่นนั้น เมื่อเล่อเหยาเหยาปรากฎตัวขึ้น ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง

เมื่อเทียบกับรูปร่างสูงโปร่ง งดงามไม่เป็นรองผู้ใดของหนานกงจวิ้นซี

ความงดงามของเล่อเหยาเหยา กลับดูเป็นธรรมชาติ ผิวขาวอมชมพูราวหยก งดงามโดดเด่นไร้เทียมทาน!

สวมชุดกระโปรงสีชมพู เข้ากับผิวขาวผ่อง นุ่มนิ่มบอบบางของเธอ

ยิ่งขับเน้นรูปร่างประณีตงดงามนั้นของเธอออกมาอย่างเต็มที่

ยังมีใบหน้าเล็กที่ไร้เครื่องประทินโฉมนั้น มีอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าที่ประณีต พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวาน

เมื่อเธอปรากฎตัวขึ้น เสียงสูดหายใจหน้าเวทีก็ดังขึ้นไม่หยุด สายตาของทุกคนมองมาที่เธออย่างพร้อมเพรียงกัน รวมถึงสายตาของบางคนก็เช่นกัน!

เห็นชัดว่าหลังจากเดินขึ้นเวที เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าพญายมก็นั่งอยู่ในแถวด้านหน้าเช่นกัน

เมื่อครู่เธอไม่สังเกตถึงเรื่องนี้ และในใจก็ไม่กังวลเช่นกัน

แต่เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ สูงศักดิ์อย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้

หัวใจพลันเต้นระรัว และเริ่มกังวล

ความรู้สึกกังวลเช่นนี้ เกิดขึ้นหลังจากการยืนบนเวทีในการแสดงครั้งแรก การแสดงอื่นๆ เธอราวปลากระดี่ได้น้ำ ไม่เคยกังวลแม้แต่นิดเดียว

 แต่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเขานั่งอยู่ด้านล่าง หรือการที่เขามองตนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เธอใจเต้นเร็วขึ้น กังวล ตื่นเต้น แต่ว่าในใจกลับคาดหวัง

เธออยากจะแสดงด้านที่สมบูรณ์แบบของตนออกมาต่อสายตาของเขาอย่างยิ่ง

ไม่รู้ว่าเมื่อเขาได้เห็นจะชื่นชอบหรือไม่!

เล่อเหยาเหยาทั้งคาดหวังและกังวลในใจ ทว่าเธอยังสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงเพลงอันไพเราะก็ดังขึ้น เล่อเหยาเหยายืดกายอย่างอ่อนโยนไปตามเสียงเพลง ก่อนเริ่มเต้นรำอย่างช้าๆ

ก้าวเท้าอย่างสวยงาม เยื้องกรายดุจห่านป่า บินอย่างตกใจ ลดเลี้ยวดุจมังกรเจียวหลงว่ายไปมา มือขาวโบกสะบัด ชายเสื้อยาวแผ่กระจาย

การเต้นของเล่อเหยาเหยา เธอเป็นคนสร้างสรรค์ขึ้นเอง! เมื่อรวมเข้ากับพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมของร่างนี้ ทำให้เธอเต้นออกมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด!

การหมุนตัวอย่างเบาๆ นั้น ดูงดงามอ่อนช้อยสง่างาม

นัยน์ตาฉ่ำคู่สวยนั้น งดงามตราตรึง ยามกระพริบไปมา  ช่างดึงดูดน่าหลงใหลเสียจริง

ตามมาด้วยการเต้นดุจห่านป่าบินอย่างตกใจของเล่อเหยาเหยานั้น ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างมองอย่างลุ่มหลง รวมไปถึงคนบางคนในนั้น!

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งเงียบอยู่บนที่นั่ง กำลังใช้นิ้วเรียวยาวน่ามองจับที่ถ้วยชา

ท่าทางดูสง่างาม แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่า หลังจากคนบนเวทีปรากฎตัวขึ้น เขาอยู่ในท่วงท่านี้มาโดยตลอด

อาจเป็นเพราะกระทั่งตัวเขาเองก็ลืมเรื่องนี้ไป เวลานี้สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในสายตาและใจของเขา มีเพียงคนบนเวทีที่งดงามผู้นั้น

สตรีจะงดงามหรือไม่ เขาไม่เคยให้ความสนใจมาก่อน

เพราะในสายตาของเขาสตรีมีเพียงสองคำ นั่นคือ น่าเกลียด!

แต่เหตุใดเวลานี้ เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่แต่งกายเป็นสตรีบนเวทีนั้น ใจเขากลับถูก ‘เขา’ ดึงดูดไปทั้งหมด!

เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของ ‘เขา’ ในใจเขาเกิดความชอบ

เมื่อเห็นการเต้นดุจห่านป่าบินหนีอย่างตกใจของ ‘เขา’ เขาตกตะลึง

เมื่อเห็น ‘เขา’ หมุนตัวอย่างง่ายดาย เขาใจเต้นระรัว

คล้ายกับทะเลสาบอันนิ่งสงบถูกคนโยนหินขนาดเล็กเข้าไป จนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น

ยังมีความรู้สึกที่ค่อยๆ พรั่งพรูขึ้นมาในใจอีก นี่คือสิ่งใดกันแน่!

ความแปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้เขาสับสนและไม่เข้าใจ

แต่ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับรู้ว่าเวลานี้ ตนถูกคนบนเวทีดึงดูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่า ‘เขา’ จะเป็นบุรุษหรือสตรี

ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้นไม่ละไปจากเล่อเหยาเหยาเลย

จนกระทั่งเล่อเหยาเหยากระโดดลงอย่างสง่างามสมบูรณ์แบบ จบการการเต้นนี้

เมื่อเพลงค่อยๆ หยุดลงตามการเต้นของเธอ ทุกคนที่ตกตะลึงกับการเต้นเมื่อครู่พลันได้สติ

เสียงปรบมือดุจอัสนีบาติกัมปนาทก้องหูดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และดังกังวานกว่าหนานกงจวิ้นซี อยู่เป็นเวลานาน

เมื่อได้รับความชื่นชมจากทุกคนและเสียงปรบมืออันอบอุ่น เล่อเหยาเหยาเงยใบหน้าเล็กที่ประดับด้วยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนย่อกายอย่างมีมารยาทให้กับผู้ชมด้านล่างเวที พลันหมุนกายอย่างสง่างามลงจากเวทีไป

และด้านหลังของเธอยังมีเสียงปรบมือดังตามมาไม่ขาดสาย

กระทั่งเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เคร่งขรึม ไม่แสดงความคิดเห็นแม้แต่น้อย หลังจากเล่อเหยาเหยาเต้นจบ ยังอดปรบมือเบาๆ ไม่ได้

และภาพนี้ถูกเล่อเหยาเหยาที่มองมาอย่างไม่ตั้งใจตอนลงจากเวทีเห็นเข้าพอดี

เธอจึงตะลึงเล็กน้อย พลันสุขใจขึ้นมาทันที กระทั่งรอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างขึ้น

ฮ่าๆ พญายมกำลังปรบมือหรือ!

เช่นนั้นแสดงว่าพญายมก็ชื่นชอบการเต้นเมื่อครู่ของเธอใช่หรือไม่!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาดีอกดีใจอย่างยิ่ง

สีหน้าผ่อนคลายลง ยิ้มอย่างสดใสน่าหลงใหล

เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ทุกท่วงท่าเมื่อครู่ของเธอ เมื่อตกอยู่ในสายตาของบางคน กลับทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ

และคนผู้นั้นย่อมเป็น หนานกงจวิ้นซี!

เพราะหลังจากเล่อเหยาเหยาขึ้นเวที สายตาของเขาอยู่ที่เล่อเหยาเหยาตลอดเวลา

ดังนั้นเมื่อเห็นการเต้นดุจห่านป่าบินหนีอย่างตกใจของเล่อเหยาเหยา ต้องเอ่ยว่าทำให้เขาตกตะลึง

จนแทบไม่เชื่อสายตา หวั่นไหว ตกตะลึงในใจ

เพราะเขาไม่รู้มาก่อนว่าจะมีคนเต้นระบำ ได้อย่างมีเอกลักษณ์และน่ามองเช่นนี้!

‘เขา’ เมื่อยืนอยู่บนเวที งดงามดุจปีศาจ

ยังมีการเต้นระบำของ ‘เขา’ ทั้งพริ้วไหว น่าตกตะลึง

ไม่ว่าจะเป็นการหันมอง การหมุนตัว ดุจภาพอันตราตรึงใจ ค่อยๆ ซึมเข้าไปในใจของเขา

แม้ไม่อยากยอมรับ แต่การเต้นเมื่อครู่นั้น ตั้งแต่เขาเกิดมาเป็นการเต้นงดงามที่สุด น่าชมที่สุด!

และเขายังถูกดึงดูดไว้ ก่อนจะลุ่มหลงอย่างช้าๆ จนไม่อาจถอนตัว

อีกทั้งในใจพลันเกิดความแปลกประหลาดขึ้นมา นั่นคือ…

เขาคล้ายอยากนำตัวคนบนเวทีไปหลบซ่อน

เพราะความงดงามของ ‘เขา’ การเต้นระบำของ ‘เขา’ ตนอยากเก็บมันไว้เพียงผู้เดียว ไม่อยากแบ่งปันกับผู้อื่น

หลังจากหนานกงจวิ้นซีรู้ถึงความคิดนี้ของตน ก็สะท้านในใจ ตื่นตระหนกทันที

สวรรค์!

เขาเสียสติไปแล้วหรือ!

เหตุใด เหตุใดเขาจึงมีความคิดเช่นนี้!

หรือว่าเขาเริ่มไม่ปกติ!

พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีก็ตกตะลึง

แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อเห็นคนบนเวทียิ้มให้กับศิษย์พี่ใหญ่ เขาก็อิจฉาในใจ

สวรรค์!

หรือเขาชมชอบขันทีผู้นั้น!

พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเพียงร่างกายโอนเอียงราวแผ่นดินไหว ตะลึงอยู่ตรงนั้น

กระทั่งเล่อเหยาเหยาปรากฎตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา ยิ้มอย่างโอหังพลางเอ่ยบางสิ่ง เขาจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา

“เป็นเช่นไร! การเต้นของบ่าวเมื่อครู่ ถูกใจองค์ชายเจ็ดหรือไม่!”

เล่อเหยาเหยากอดอก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ความจริงแม้หนานกงจวิ้นซีไม่พูด เธอก็เดาจากสีหน้าของเขาได้

อีกทั้งรู้สึกดีใจภาคภูมิใจอย่างยิ่ง!

เธอไม่ได้ชมตัวเอง แต่เพราะการเต้นของเธอ ก่อนหน้านี้เคยได้รับรางวัลจากโรงเรียน รวมถึงร่างในตอนนี้มีพื้นฐานที่ดี แม้จะเป็นท่วงท่าที่ยากเพียงใด สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงพอใจกับการเต้นครั้งนี้ของตนอย่างมาก

เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึง เลื่อนลอยของหนานกงจวิ้นซี เห็นชัดว่าช่างสร้างความสุขให้เธอยิ่งนัก!

เล่อเหยาเหยาจึงยิ้มกว้างอย่างถือดี!

เธอรู้นิสัยของหนานกงจวิ้นซีดี แม้การเต้นเมื่อครู่ของเธอจะยอดเยี่ยม แต่เขาไม่ยอมรับเป็นแน่ คงจะเอ่ยประชดประชันออกมาหลายประโยด เช่นเธอก่อนหน้านี้

คิดไม่ถึง หลังจากหนานกงจวิ้นซีได้ยินคำพูดของเธอ เพียงมีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย พลันก้มหน้าจ้องมองเธออย่างเรียบเฉย

สำหรับสีหน้าเช่นนี้ของหนานกงจวิ้นซี ทำให้เล่อเหยาเหยาตกตะลึงและแปลกใจ

 โดยเฉพาะสายตาของหนานกงจวิ้นซีที่มองเธอเวลานี้ ดูลึกล้ำ แปลกประหลาด ทำให้เธออดหนังศีรษะชาวาบชั่วขณะไม่ได้

สวรรค์!

ชายหนุ่มผู้นี้ เหตุใดถึงใช้สายตาแปลกประหลาดเช่นนี้มองเธอ!

เธอมองอย่างกังวลใจ หนังศีรษะก็ชาวาบ

หรือเมื่อครู่เขาถูกการเต้นของเธอจู่โจมเข้าไป!

เล่อเหยาเหยาคาดเดาความคิดของหนานกงจวิ้นซีไม่ออก เพียงสามารถคิดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่มั่นใจ

น่าแปลกที่สุดคือ หนานกงจวิ้นซีเพียงจ้องมองเธออย่างลึกล้ำแวบเดียว พลันหมุนตัวจากไป อีกทั้งไม่พูดอันใด

เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่นั้นค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของตน เล่อเหยาเหยาจึงขมวดคิ้วดำสนิทเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนพึมพำกับตนเองว่า

“ชายผู้นี้ ดูแปลกยิ่งนัก! หรือกินยาผิด!”

สำหรับท่าทีแปลกประหลาดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาไม่คิดมากอีกแล้ว เพราะหลังจากเต้นระบำเสร็จ เธอก็หมดแรง จึงนั่งดูการแสดงบนเวทีพร้อมกับคนอื่นที่ทำการแสดงเสร็จสิ้นแล้ว

ไม่นาน ก็ลืมเลือนเรื่องของหนานกงจวิ้นซีไป

ดังนั้นเธอจึงไม่รู้เลยว่า หนานกงจวิ้นซีหลังออกจากเวทีการแสดง ก็มองหาสถานที่ไร้ผู้คน ขมวดคิ้วกำหมัดแน่น ชกที่ต้นไม้เพื่อระบายบางสิ่งออกมา

“น่าตายนัก! ข้าเหมือน เหมือนชื่นชอบบ่าวน่าตายนั้นเข้าจริงๆ! ทำเช่นไรดี! ข้าควรทำเช่นไร! สวรรค์!”

……………………………………………