บทที่ 108 แก้ปัญหา

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 108

แก้ปัญหา

แต่เพราะเขานั้นอ่อนแอมากเกินไป เขาจึงทำได้แค่อ้าปากเท่านั้นและไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา แต่ในขณะที่เขากำลังสิ้นหวังอยู่นั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมา “หยุดก่อน”

แต่ก่อนที่จงซู่เฟิงจะหมดสติไป เขาก็คิดในใจ “เขามาแล้ว ถ้าเป็นเขาล่ะก็จะต้องช่วยช่างช่านได้แน่”

องค์ชายสี่ก็ได้มองเห็นหน้ากากหยกขาวเมื่อเขาได้ยินเสียง เมื่อเขามองดูอย่างตั้งใจแล้วเขาก็พบว่าเป็นเจียงหวายเย่ผู้ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนาวเย็น ถึงแม้ว่าเจียงหวายเย่นั้นจะนั่งรถเข็นและทุพพลภาพ แต่เขาก็ยังมีแข็งแกร่ง บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากตัวของเขานั้นทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม

“วันนี้องค์ชายสี่มาทำอะไรที่ตำหนักของผู้อื่นอย่างนั้นรึ?” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวเย็นเช่นเคย

ฐานะขององค์ชายสี่นั้นต้อยต่ำกว่าเจียงหวายเย่ และเจียงหวายเย่นั้นก็มีกำลังทหารอยู่ในมือ เขาคือคนที่ทุกๆองค์ชายต่างก็อยากที่จะเอาชนะ ดังนั้นองค์ชายสี่จึงได้กล่าวอย่างเชื่อฟัง “ท่านลุงขอรับ ข้าก็แค่มาขอคนจากตัวประกันรัฐจงเท่านั้น”

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตัวประกันรัฐจงนั้นพาคนมาด้วยแค่สองคนเท่านั้น องค์ชายสี่ไม่ควรที่จะแย่งของของคนอื่นไปนะ”

แล้วก็มีแววตาแปลกๆปรากฏขึ้นในดวงตาขององค์ชายสี่ “ข้าว่าท่านลุงจะใจกว้างเกินไปหน่อยนะขอรับ”

“ถึงแม้ว่าจงซู่เฟิงจะเป็นตัวประกันของรัฐเจียงเรา แต่การไปรังแกเขาเช่นนี้จะทำให้รัฐจงของเราเสียชื่อเสียงได้ ข้าจึงอยากให้องค์ชายสี่ช่วยปล่อยมือจากเขาด้วย” สีหน้าของ เจียงหวายเย่กล่าวด้วยเสียงเบาๆโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน

“ในฐานะที่เป็นองค์ชายแล้ว ข้าคิดว่าท่านลุงจะสนิทกับรัฐจงมากเกินไปไหม? หรือว่าท่านลุงคิดที่จะร่วมมือกับศัตรูแล้วช่วงชิงราชบัลลังก์กันแน่ขอรับ?” องค์ชายสี่นั้นเป็นคนที่หยิ่งผยองอยู่ตลอดและไม่ยอมถูกกดขี่ง่ายๆ จนเขาลืมไปแล้วว่าเขาควรที่จะสนิทกับเจียงหวายเย่เพื่อหวังผลประโยชน์ แต่กลับตาต่อตาฟันต่อฟันกับเขาแทน

เจียงหวายเย่ที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “องค์ชายสี่ ยาน่ะสามารถกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ แต่คำพูดน่ะพูดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ ข้ากับองค์ชายจงซู่เฟิงรู้จักกันเพียงผิวเผิน แต่ข้าก็ไม่อาจที่จะทนเห็นเขาทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้”

องค์ชายสี่ก็ได้เงียบไปพักหนึ่ง แล้วจากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “วันนี้ข้าจะเห็นแก่หน้าท่าน และจะปล่อยพวกเขาไปก่อน”

แล้วผู้คนที่ตามองค์ชายสี่เข้ามาในตำหนักนั้นก็ได้พากันออกไปจากตำหนักซู่เฟิง

ช่างช่านกับเหลยถิงก็ได้รีบไปหาจงซู่เฟิงเพื่อตรวจดูอาการของเขา ช่างช่านนั้นพอจะรู้วิชาแพทย์อยู่บ้างก็ได้ถอนหายใจโล่งอก เมื่อพบว่าจงซู่เฟิงนั้นแค่เสียเลือดมากไปเท่านั้น แต่นางก็ยังมีน้ำตาไหลออกมาจากขอบตา

จงซู่เฟิงนั้นเดิมทีก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็อยู่ในสภาพที่แย่มากขึ้นไปอีก

เจียงหวายเย่ก็ได้มองดูอย่างเงียบๆอยู่สักพักหนึ่งแล้วจากนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมา “ถ้าช่างช่านอยากได้ยาอะไรก็บอกกับเปิ่นหวางได้เลยนะ”

“ช่างช่าน ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ” ช่างช่านก้มตัวแล้วกล่าว

เมื่อเจียงหวายเย่ออกมาจากตำหนัก เขาก็ได้ทิ้งคนที่เก่งด้านการต่อสู้ไว้ให้สองคน ให้อยู่ช่วยเหลยถิงคอยปกป้องจงซู่เฟิง นอกเหนือจากนั้นจะไม่ช่วยอะไร

หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้ามืดมิดก็ได้เริ่มสว่าง เจียงหวายเย่ก็กลัวว่าหลินซีเหยียนนั้นจะตื่นได้หากว่ากลับไปที่เรือนเชียนเหยียนในเวลานี้ เขาจึงได้ตัดสินใจกลับไปที่พระราชวังรัตติกาล ตัวเขานั้นวางแผนที่จะไปพบกับหลินซีเหยียนในตอนเช้าตรู่และคอยปกป้องเฉิงเหยียนพร้อมกับนาง

แต่เขานั้นประมาทความใจแคบขององค์ชายสี่มากเกินไป หลังจากที่องค์ชายสี่ออกมาจากตำหนักซู่เฟิง องค์ชายสี่ก็ได้เข้าไปยังพระราชวังหลวงเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้ทราบ

ในเช้าวันต่อมา ฮ่องเต้ก็ได้ส่งคนมาเชิญเขาไปยังพระราชวังเพื่อคุยกันเรื่องนี้ เจียงหวายเย่ก็ไม่คิดหลบเลี่ยง เขาจึงได้สั่งให้อันซานกับอันซื่อไปคอยคุ้มกันหลินซีเหยียน

ที่ด้านหน้าจวนมหาเสนาบดี มหาเสนาบดีหลินมองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี “เยว่เอ๋อถูกเจ้าทำร้ายจนต้องตกลูกไปแล้ว แล้วตอนนี้เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มกริ่มแล้วกล่าวกับมหาเสนาบดีหลินด้วยรอยยิ้ม “ท่านมหาเสนาบดีหลินพูดอะไรกัน วัดต้าเปยนั้นเป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียง วันนี้มีโอกาสได้ไปทั้งทีจะให้ข้าไม่ไปด้วยได้อย่างไร?”

มหาเสนาบดีหลินก็ได้มองไปที่รอยยิ้มของหลินซีเหยียนและรู้สึกว่าที่นางพูดนั้นมันไม่ใช่ แต่เวลาไม่พอให้เขาได้คิด

“ท่านพี่ ได้เวลาที่ท่านจะต้องไปเข้าร่วมการหารือในตอนเช้าแล้วนะเจ้าคะ” ฮูหยินอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆมหาเสนาบดีหลินก็ได้พูดเตือนเขาอย่างอ่อนโยน และสวมเสื้อให้กับมหาเสนาบดี หลิน “ในเวลานี้อากาศช่วงเช้าจะเย็นเป็นพิเศษ ท่านพี่ต้องระวังนะเจ้าคะ”

มหาเสนาบดีหลินก็ได้ผงกหัวแล้วมองดูรถม้าของฮูหยินสี่และหลินซีเหยียนจากไป แล้วจากนั้นตัวเขาก็ได้ขึ้นรถม้าและเดินทางไปยังพระราชวัง ปล่อยให้ฮูหยินอวี้ยืนดุดันอยู่เพียงลำพังอยู่ที่หน้าจวน

“หลังจากวันนี้ไป จะไม่มีใครในจวนมหาเสนาบดีที่จะต่อต้านข้าได้อีกแล้ว” ฮูหยินอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในเวลานี้นางเป็นเหมือนกับงูพิษที่นอนแลบลิ้นอย่างมีความสุขเพราะเพิ่งกินเหยื่อเสร็จ

บนรถม้า หลินซีเหยียนก็ได้หลับตาพักผ่อน แต่นางก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ฮูหยินสี่จ้องมาที่นางได้อย่างชัดเจน

เมื่อถูกจ้องเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็ได้หายง่วงแล้วลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฮูหยินสี่จึงได้รีบหันหน้าหลบอย่างตกใจ แล้วแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงเมื่อเห็นเช่นนั้น แล้วที่มุมปากของนางก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มของนางนั้นก็ได้ถูกเห็นโดยฮูหยินสี่เห็นเข้า นางก็ได้สั่นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วนางก็ได้รีบพูดขึ้นมา “คุณหนูรอง ถึงแม้ว่าข้าจะแต่งกับพ่อของท่าน แต่ข้าก็จะไม่ทำร้ายท่านหรอกนะ”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาและเกิดความสงสัยในใจของนาง นางนั้นยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำไมฮูหยินสี่ถึงได้ดูกลัวนางนัก

เมื่อเห็นว่าหลินซีเหยียนไม่ได้พูดอะไร ฮูหยินสี่ก็ได้สั่นมากขึ้นกว่าเดิม “คุณหนูรอง ข้ารู้ดีว่าท่านนั้นน่าเกรงขามเพียงใด ข้าจึงได้อยากให้ท่านยกโทษให้ข้าด้วย”

“คำพูดของฮูหยินสี่ออกจะผิดไปเสียหน่อย อย่างไรเสียข้าก็เป็นแค่บุตรีจวนมหาเสนาบดีเท่านั้น” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่ในใจของนางนั้นรู้สึกได้ว่าฮูหยินสี่นั้นเป็นคนที่สุภาพและมีวิสัยทัศน์ดีมาก

เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของหลินซีเหยียนนั้นอ่อนโยนลงมาแล้ว ฮูหยินสี่ก็ได้รีบพูดขึ้นมา “ข้ารู้ว่าตัวข้านั้นกำลังมีลูกชาย ฮูหยินอวี้นั้นคงไม่ยอมที่จะปล่อยข้าไปง่ายๆแน่ และท่านมหาเสนาบดีหลินเองก็อีกคนไม่ค่อยสนใจเรื่องของในจวนตัวเองมากนัก ดังนั้นข้าจึงรู้ว่ามีใครที่ข้าพอจะสามารถเชื่อใจได้!”

หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกชื่นชมหญิงสาวท้องโตคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ นางนั้นฉลาดมา แล้วหลินซีเหยียนก็ได้กระแอม “ทำไม ฮูหยินสี่ถึงได้คิดว่าข้าจะช่วยท่าน?”

ฮูหยินสี่ก็ได้กล่าวอย่างมั่นใจ “คุณหนูสี่นั้นเป็นคนมีจิตใจดี และเพราะศัตรูของคุณหนูนั้นคือฮูหยินอวี้ หากว่าคุณหนูยินดีที่จะช่วยเหลือ ข้าจะตอบแทนท่านแน่นอน”

เมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้น ถ้าหลินซีเหยียนยังไม่ตกลงร่วมกับนางแล้ว นางก็คงจะเป็นพวกไม่สนโลกเกินไปหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็คิดที่จะดึงฮูหยินสี่เข้ามาเป็นพวกอยู่แล้ว

หลินซีเหยียนจึงได้คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวกับฮูหยินสี่ “ข้ายินดีที่จะคอยปกป้องเจ้าและช่วยให้เจ้าได้เป็นอนุ แต่ข้าก็อยากให้เจ้าทำอะไรบางอย่างให้ข้าด้วย”

“อย่าว่าแค่อย่างเดียวเลย ข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างที่คุณหนูบอกเลย” ฮูหยินสี่กล่าวอย่างยินดี และมีแววตาที่ซับซ้อนอยู่ในดวงตาของนาง นางรู้ตั้งแต่วันแรกที่นางเข้ามาในจวนแล้ว ว่าคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบดีนั้นไม่ธรรมดา ในแล้วนี่นางจึงได้เสี่ยงดวงหวังว่านางจะไม่ได้เลือกข้างผิด

ในขณะที่รถม้ากำลังแล่นเรื่อยๆอยู่นั้น แต่ยังไม่ทันจะถึงวัดต้าเปย รถม้าก็ได้หยุดกะทันหันเสียก่อน

แล้วฮูหยินสี่ก็ได้ล้มไปข้างหน้าเพราะแรงเฉื่อย ถ้า หลินซีเหยียนไม่ได้รีบหันไปมอง ก็เกรงว่าจะไม่ได้บาดเจ็บแค่ ฮูหยินสี่ แต่อาจจะรวมไปถึงเด็กที่อยู่ในท้องของนางที่อาจจะเป็นอันตรายด้วย