ตอนที่ 171 ตัวตนของเขา? + ตอนที่ 172 ท่านอาหลิง!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 171 ตัวตนของเขา?

“ข้าจำได้ว่า เหมือนพวกท่านจะเชิญข้ามาช่วยงาน?”

เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ไยต้องทำคล้ายว่าข้าจะไม่อยากช่วยพวกท่านเองบ้างไม่ได้เล่า?”

เธอดึงๆ เสื้อคลุมลุกยืนขึ้น กล่าวว่า “ในเมื่อเชื่อถือข้าไม่ได้ งั้นพวกท่านไปเชิญยอดฝีมือผู้อื่นเถอะ! ว่าตามตรง สำหรับเรื่องนี้ จริงๆ ข้าก็ไม่สนใจสักเท่าไหร่”

สิ้นสุดน้ำเสียง ไม่รอให้พวกเขาพูดอะไรมาก ก็สาวก้าวเดินออกไป

“ขอใต้เท้าภูตหมออยู่ก่อน”

คนตรงที่นั่งอาวุโสเอ่ยปาก หทารอารักขาด้านนอกห้องรับรองรีบขวางคนไว้ทันที แต่พอจะขวางไว้ กลับถูกเฟิ่งจิ่วสะบัดแขนเสื้อโจมตีกระเด็นออกไป

“ไสหัวไป!”

เสียงตะโกนชัดเจนเยือกเย็นเปล่งออกมา ทหารอารักขาสองนายลอยออกไปล้มลงบนพื้นส่งเสียงอู้อี้

ส่วนคนอื่นๆ ในห้องรับรองพลันลุกยืนขึ้นเพราะการลงมืออย่างกะทันหันของนาง มีคนตะคอกอย่างโมโห ชี้ไปที่นาง “ตามคนมา! จับเจ้าเด็กอวดดีนี่ไว้!”

“ทุกคนหยุด!”

ชายวัยกลางคนตรงที่นั่งอาวุโสแผดเสียงเข้ม พวกทหารอารักขาที่ล้อมเข้ามาต่างพากันเก็บมือ และหันมองเขา แม้แต่ทุกคนในห้องรับรองยังมองไปเหมือนๆ กัน

“ออกไปให้หมด!”

ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ตะโกนใส่ทหารอารักขาพวกนั้น ถึงจะมองไปหาเฟิ่งจิ่ว กล่าวอย่างขออภัยว่า “ใต้เท้าภูตหมอ ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

“แต่การทดสอบครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ตลาดมืดแคว้นเหินเวหาเราแพ้ติดต่อกันมาสามปีแล้ว จะปล่อยท่านผู้นี้ไปอีกไม่ได้จริงๆ หนำซ้ำ เบื้องบนมีคำสั่งลงมา หากปีนี้แพ้อีก ตำแหน่งประมุขนี้ต้องหมดวาระ ดังนั้น…” เขาบอกด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“ท่านประมุขเคอ”

เฟิ่งจิ่วมองไปที่เขา เอ่ยว่า “เดิมทีข้าเข้ามาช่วยงาน เพราะเห็นว่าเป็นชื่อเสียงของตลาดมืด แต่พอมาถึงที่นี่ ท่านประมุขเคอกลับทำให้ข้าไม่พอใจนัก หากยังอยากให้ข้าช่วย เช่นนั้น พวกเราก็ต้องคุยกันเรื่องค่าตอบแทน”

ประมุขเคอนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า “เรื่องนี้แน่นอน ขอแค่ชนะการทดสอบครั้งนี้ได้ ข้าจะไม่เอาเปรียบใต้เท้าภูตหมอแน่นอน”

ฟังเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วถึงจะเผยรอยยิ้มอย่างพอใจ “งานแข่งปรุงยาทิพย์จะจัดขึ้นเมื่อไหรรึ?”

“อีกสามวันให้หลังขอรับ”

เฟิ่งจิ่วเดินเข้าไปอีกครั้ง กล่าวว่า “งั้นก็เล่าเรื่องราวให้ข้าฟังอย่างชัดเจนเถอะ! ข้าจะได้เข้าใจเสียหน่อย”

“ได้ขอรับๆๆ” ประมุขเคอเห็นคำพูดเขามั่นใจ ก็สงบใจลง ก่อนจะนำเรื่องการแข่งปรุงยาทิพย์มาเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด

สามวันต่อมา

วันนี้เป็นการแข่งขันของนักปรุงยาจากแต่ละถิ่นในแคว้นเหินเวหาที่จัดขึ้นปีละครั้ง เพราะนักปรุงยาที่ตลาดมืดแคว้นเหินเวหาส่งมาแพ้ติดต่อกันสามปี ด้วยเหตุนี้ จึงให้ความสำคัญกับการแข่งปรุงยาทิพย์ปีนี้อย่างมาก

เมื่อเฟิ่งจิ่วนั่งรถที่ลากด้วยสัตว์บินได้มาถึงสถานที่แข่งขัน… บริเวณยอดเขาเวหาใต้ ก็เห็นได้ว่าทั่วภูเขาล้วนเต็มไปด้วยผู้คน

เพราะมาเข้าร่วมการแข่ง จึงตรงมายังยอดเขาถึงจะลงไป เพื่อหลบเลี่ยงคนด้านล่างที่กรูกันแน่นขนัด

เฟิ่งจิ่วเดินลงจากรถ ดวงตาหลักแหลมเห็นเงาร่างคุ้นเคยกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัดบนเวที เห็นเช่นนี้ นัยน์ตาก็ฉายแววประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ ใช้คางส่งสัญญาณ เอ่ยถามกับท่านประมุขเคอข้างกาย

“ท่านอาเคราดกนั่นเป็นใครรึ?”

“ท่านอา… เคราดก?”

ประมุขเคอผงะ หันมองไปตามสายตาเฟิ่งจิ่ว สายตาจับจ้องบนร่างชายผู้นั้นที่ร่างกายสูงโปร่งและเก็บซ่อนกลิ่นอายไว้ พอเห็นก็เผยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ ส่ายหน้า “ใต้เท้าภูตหมอเพิ่งมาแคว้นเหินเวหาครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าตัวตนท่านผู้นั้นไม่ธรรมดา”

“โอ้? ว่ายังไงนะ?” เธออยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย

………………………………

ตอนที่ 172 ท่านอาหลิง!

“เขาแซ่หลิง ชื่อโม่หาน เป็นอาจารย์ของสำนักศึกษาหมอกดาราผู้มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเหินเวหา ที่มาลึกลับ เป็นผู้ฝึกเซียน หนำซ้ำระดับวรยุทธ์พลังวิญญาณยังบรรลุถึงขั้นหลอมแก่นพลัง ที่สำคัญยิ่งกว่า คือเขาอายุยี่สิบห้า ดังนั้น ท่านสามารถเรียกเขาว่าท่านที่เคารพ หรือผู้อาวุโส แต่ท่านอานี่ เหอะๆ… เดาว่าน้อยคนนักจะเรียกกัน!”

“เพิ่งอายุยี่สิบห้ารึ?”

สีหน้าเธอประหลาดใจ กล่าวว่า “อายุยี่สิบห้าจะไว้เคราดกไปทำไมกัน? ข้านึกว่าอย่างน้อยเขาต้องอายุสักสามสิบห้าแล้วกระมัง!”

“เหอะๆ ดังนั้นถึงบอกว่าที่มาลึกลับ เพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าจริงเขา”

เขาพูดยิ้มๆ สายตาจับจ้องบนร่างหลิงโม่หาน “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมาที่นี่ รอประเดี๋ยว ข้าจะเข้าไปคารวะเสียหน่อย ใต้เท้าภูตหมอไปด้วยกันหรือไม่ขอรับ?”

“อาจารย์สำนักศึกษาหมอกดาราผู้ลึกลับรึ?”

เธอพยักหน้าในทันที ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ พอได้ยินเขาบอกว่าจะไปคารวะ ก็พลันยิ้มขึ้น “แน่นอน ได้รู้จักผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ถือว่าดียิ่งนักเป็นธรรมดา”

ดังนั้น ประมุขเคอจึงพาเธอเดินไปหาหลิงโม่หานทางด้านนั้น

และเมื่อพวกเขาปรากฏตัว หลิงโม่หานสังเกตเห็นชายหนุ่มชั่วร้ายในชุดแดงแพรวพราว คุ้นเคยกับชุดสีแดงและหน้ากากลายดอกลำโพงนั่น เพราะคืนนั้นในบ่อน้ำพุร้อน สองสิ่งนี้ก็วางอยู่ข้างๆ กัน

นึกถึงตรงนี้ แววตาเฉียบคมก็จับจ้องบนร่างชายหนุ่มอย่างพิเคราะห์

คืนนั้นเพราะละอองน้ำในบ่อน้ำพุร้อนจึงไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน ทว่าใบหน้าที่ถูกทำลายกลับสะท้อนสู่ดวงตาเขาอย่างแจ่มชัด และตอนนี้ จะไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าคุณชายชุดแดงแวววาวราวกับแสงแดดบนท้องฟ้า ท่าทางสูงศักดิ์ร้ายกาจ โดยเฉพาะดวงตาสงบนิ่งที่มีรอยยิ้มนั่น ทำให้คนเห็นไม่อาจลืม…

แต่พอมองดวงตาคู่นั้น ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยอยู่นิดหน่อยนะ?

“ท่านอาจารย์หลิง ไม่ได้พบกันเสียนาน นึกไม่ถึงว่าจะได้พบท่านที่นี่ ช่างโชคดี โชคดีจริงๆ ขอรับ” ประมุขเคอรีบร้อนออกหน้าประสานมือคารวะ พลางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม หากท่านประมุขเคอรู้ว่าคนที่ขโมยยาทิพย์จิตวิญญาณอันล้ำค่าไปคือท่านอาหนวดเคราเฟิ้มตรงหน้านี้ เดาว่าคงไม่ร้องโชคดีอยู่ตรงนั้นแน่

“ที่แท้ก็เป็นท่านประมุขเคอ” เขายืนขึ้นมาประสานมือทำความเคารพ สายตาจับจ้องไปบนร่างเฟิ่งจิ่ว เอ่ยถาม “ท่านนี้คือ?”

“เหอะๆ เขาคือนักปรุงยาที่ตลาดมืดเราเชิญมาเข้าร่วมงานแข่งปรุงยาทิพย์ขอรับ นี่… อืม เขาคือภูตหมอขอรับ” เขากล่าวด้วยหน้าเหยเก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าภูตหมอผู้นี้ชื่ออะไรกันแน่ จึงไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวเช่นไรไปชั่วขณะ

“ท่านอาหลิง”

เฟิ่งจิ่วขานเรียกเสียงใส ดวงตานั้นฉายประกายเจ้าเล่ห์แวววาว มุมปากอมยิ้มยียวน กล่าวอย่างเป็นกันเอง “ท่านอาหลิงหากคิดว่าภูตหมอเรียกยาก งั้นเรียกข้าภูตน้อยก็ได้นะขอรับ”

ฟังคำเรียกท่านอาหลิง หลิงโม่หานก็ลูบเคราใต้คางขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองคุณชายชุดแดงตรงหน้าอย่างมีความนัย สีหน้ามีความเคลือบแคลงและแปลกใจอยู่บางส่วน

“ท่านอารึ?”

เขาไว้เครามาก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่คนอื่นๆ ก็ไม่เคยมีคำเรียกเช่นนี้ แต่แม่สาวน้อยร้อยเล่ห์ผู้นั้นที่พบกันในป่าเก้าหมอบคำแรกก็เรียกเขาว่าท่านอา คุณชายชุดแดงผู้นี้พอปริปากก็เรียกท่านอา หรือว่าเขาดูแก่มากจริงๆ?

แววตาเธอหรี่ลง คลี่ริมฝีปากยิ้ม “จริงด้วย! ปีนี้ข้าเพิ่งสิบห้า ได้ยินว่าท่านอาอายุยี่สิบห้า งั้นก็โตกว่าข้าสิบปี หากไม่ใช่ท่านอาจะเป็นอะไรได้อีกเล่า?”

“สิบ สิบห้ารึ?” ท่านประมุขเคอข้างๆ เบิกดวงตา สีหน้าตกใจ

……………………………