ตอนที่ 176 เท้าซ้น

เธอพยายามที่จะยืนขึ้น แต่ก็พบว่าข้อเท้าของเธอนั้นเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย หรือว่าเท้าจะซ้นกันนะ?

คืนนี้เธอออกกำลังกายหนักมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ ถึงทำให้เธอไม่มีแรงขนาดนี้

“ดูเธอสิ เธอจะหนีไปไหนได้!” เสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากด้านหลังก็ทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลัง

เสียงนี้ดูเหมือนจะทำให้เธอคิดอยากหนีออกไป ต่อให้เธอต้องคลานก็ตาม แต่สุดท้ายเธอก็คิดจะวิ่งหนีอยู่ดี

แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่แนบมาตรงเอวของเธอ เธอหลับตาและตะโกนออกไปโดยไม่สนใจว่าเป็นใคร “ไอ้บ้า! ไอ้สารเลว! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน! เอามือสกปรกของแกออกจากฉันนะ อาา!!!”

“เธอแน่ใจแล้วเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินกอดเธออย่างระมัดระวัง พลางมองด้วยสายตาที่อ่อนโยน

เขาได้ยินเสียงจากข้างนอกจึงเรียกคนที่ดูแลออกมาดูว่าไม่เห็นจะมีไฟไหม้ตรงไหนเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้เห็นโหรวโหรวที่ล้มลงกับพื้น ทั้งยังแต่งตัวและดูมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกแบบนี้อีก ทันใดนั้นเขาก็รีบกอดเธอแน่นขึ้นและรับเธอไว้

“จิ่งเป่ยเฉิน!” เมื่อเธอได้ยินเสียงของเขาก็แทบจะพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอนั้นกำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขา แขนเขาโอบรัดเข้ามาที่รอบเอวของเธอ ก่อนจะพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ ไปว่า “นะ ผู้ชายคนนั้น….”

“ปะ…ประธานจิ่ง……” เมื่อฮั่วตงเห็นจิ่งเป่ยเฉินจับเธอไว้ ขาของเขาก็อ่อนยวบลงทันที ก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้น!

“คุณคือ?” จิ่งเป่ยเฉินพยายามเค้นสมองคิดถึงความประทับใจกับเขา แต่มันก็ดูคลุมเครือและไม่ชัดเจน

“ประธานจิ่ง ผมคือฮั่วตงจากฮั่วจิวเวลรี่ครับ!” ใบหน้าของฮั่วตงเผยรอยยิ้มให้กับเขา ก่อนจะพูดว่า “คืนนี้พวกเรามาคุยเรื่องการร่วมงานกัน ผู้หญิงคนนั้นมากับเลขาหลิน พวกเราแค่กินข้าวกัน ผมไม่ได้ทำอะไรให้เธอโกรธเคืองแม้แต่นิดเดียว แน่นอนว่าไม่มี!”

สายตาของฮั่วตงยังคงไม่ละสายตาจากเธอ ไม่ใช่ว่าเธอมีลูกสองคนแล้วเหรอ? เท่าที่เขารู้มา จิ่งเป่ยเฉินนั้นยังโสดอยู่

เขาไม่เชื่อว่าจิ่งเป่ยเฉินจะชื่นชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว!

“อ๋อ ถ้าแบบนั้นเรื่องการร่วมมือกันผมว่าน่าจะคุยกันวันอื่น เพื่อที่จะได้คุยรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย อย่าลืมไปที่บริษัทจิ่งล่ะ ผมจะได้ต้อนรับคุณ” คำพูดของจิ่งเป่ยเฉินเผยความอ่อนโยนท่ามกลางใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาที่ไม่แยแสของเขาคือสิ่งที่เขาหมายถึงจริง ๆ

จิ่งเป่ยเฉินอุ้มอันโหรว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่อยู่ด้านหลัง ฮั่วตงมองไปที่พวกเขา ก่อนจะเบิกตากว้าง หรือว่าจิ่งเป่ยเฉินคนนั้นจะชื่นชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว? แล้วตอนไปบริษัทจิ่งคงไม่ใช่เปลี่ยนเธอเป็นเลขาหรืออะไรหรอกนะ?

เมื่อเห็นประตูด้านหน้าถูกปิดลง เขาก็เหลือบตามองรอยฟันที่มือของตน “บ้าเอ๊ย เนื้อกำลังจะเข้าปาก บินไปซะแล้ว!!”

เขาถลึงตาเบิกกว้างก่อนจะหันหลังเดินออกไป คืนนี้เขาจะไปหาผู้หญิงที่พิเศษแบบนี้ได้จากที่ไหนกัน!

โอ้! มีอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องส่วนตัวนี่นา? เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็รีบเร่งฝีเท้าลงบันไดไปทันที

จิ่งเป่ยเฉินอุ้มเธอเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาเองโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเผยสีหน้าเย็นชาออกมา เธอเองก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำพูดใด แต่จะให้เธอพูดอะไรกัน?

ตอนที่เธอเป็นอันอีหาน เธอก็ปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่อันโหรว แล้วตอนนี้เธอเป็นอันโหรว เธอก็คงต้องปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่อันอีหานแน่ ๆ! คงไม่ใช่ว่าจะถูกจับได้เพราะแบบนี้หรอกนะ

ดังนั้นตอนที่จิ่งเป่ยเฉินวางเธอลงไปบนเตียงใหญ่ เธอจึงไม่ได้เอ่ยปากเป็นคนแรก ก่อนจะพูดว่า “ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? ดูน่าจะดูดีอยู่ใช่ไหม”

จิ่งเป่ยเฉินนั่งลงข้างเตียง ก่อนจะกุมเท้าซ้ายที่หลุดออกจากตำแหน่งของเธอ และเงยหน้าไปมองที่ใบหน้าที่ทั้งกลางวันและกลางคืนก็คอยคิดถึงมาตลอดห้าปี ก่อนจะยิ้มเยาะและพูดว่า “ต้องไม่นานสิ ก็แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง”

“สี่ชั่วโมงอะไรกัน? พวกเราไม่ได้พบกันตั้งห้าปีแล้วไม่ใช่เหรอ?” อันโหรวพยายามประคับประคองความคิดที่จะไม่ยอมรับและปฏิเสธจนจบ

“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าเธอจะดื้อขนาดนี้ ถึงตอนนี้ยังจะแกล้งทำต่อไปอีก!” เขาเช็ดฝุ่นออกจากเท้าของเธออย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อย ๆ ลูบข้อเท้าของเธออย่างแผ่วเบา “ทนหน่อยนะ”

“อือ….อืออ……” เธอจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้า เขาคนนี้จะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปแล้ว

เธอทำได้แค่พยักหน้า ก่อนที่วินาทีต่อมาจะค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้น

“เจ็บมากเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะขยับตัวไปตรงหน้าเธอ มองเหงื่อบนใบหน้าของเธอที่ไหลออกมา และพยายามอดทนไม่ให้คิดอยากฆ่าฮั่วตงคนนั้น

ถ้าหากเขาไม่ได้สังเกตว่าเธอเจ็บละก็ เมื่อครู่เขาคงไม่มีทางปล่อยคนคนนั้นไปง่าย ๆ แบบนี้แน่ แต่ในใจเมื่อเขาออกไปแล้ว วันหลังก็คงได้สนุกกับเขาแน่ ๆ

อันโหรวรู้สึกสบายใจมาก เห็นได้ชัดว่าห้าปีก่อนทุกครั้งที่พบกันพวกเขามักจะใช้เย้ยหยันกันและกัน แต่เวลานี้เธอคิดอยากจะพึ่งพาผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า นอกจากโอวหยางลี่ที่ทิ้งเธอไปเมื่อห้าปีก่อน เธอก็แทบจะไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเหมือนเมื่อกี้เลย

เขาบังเอิญเจอเธอสองครั้งในช่วงเวลาลำบาก ทุกครั้งที่เขาได้เห็นเธอก็ต้องพาเธอออกไปทุกครั้ง

เมื่อรู้สึกว่าหัวของเธอถูกวางอยู่บนต้นขาของเขา ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ไปว่า “มันเจ็บ”

“เจ็บก็บอกฉันตรง ๆ เถอะ ดูสิว่าหลังจากนี้เธอจะกล้าทิ้งฉันไปอีกหรือเปล่า ตอนนั้นก็ตั้งห้าปี!” จิ่งเป่ยเฉินยกมือขึ้นลูบผมที่เปียกชื้นของเธอไปมา ก่อนจะไหลมาบนแก้มของเธออย่างช้า ๆ

“แล้วฉันจะทำอะไรได้! นายมาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลกอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากฉันไม่ไป ฉันก็จะติดคุก!” และตอนนั้นเธอก็เพิ่งรู้เรื่องที่โอวหยางลี่แต่งงานกับคนอื่น มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

แม่ของเธอได้เตรียมพร้อมเรื่องตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่เธอก็ไม่ได้จากไปโดยทันที

“มีฉันอยู่ ใครจะกล้าส่งเธอเข้าคุก ฉันจะส่งมันเข้าคุกไปก่อนเลย!” ตอนนี้เขายังจำภาพได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ถูกเธอวาดรูปเต่าตัวใหญ่[1]เป็นข้อความที่เธอทิ้งเอาไว้ก่อนไป

มันน่าขยะแขยงจริง ๆ!

“ฉันรู้ดีจิ่ง….นายมันใหญ่โต เพราะอย่างนั้นแล้ว นี่ถือว่ายังไม่ได้กลับมาพึ่งนายอีกเหรอ? เวลานี้มันยังไม่สายเกินไป ฉันขอไปก่อนได้ไหม? เอาไว้รอนายว่าง พวกเราค่อยมาพบกันใหม่อีกครั้ง!” เมื่อครู่เธอเกือบจะหลุดพูดคำว่าประธานจิ่งออกมา ก่อนจะรู้ตัวว่าก่อนหน้านั้นเธอมักจะเรียกชื่อของเขาอย่างห้วน ๆ

ส่วนเรื่องเรียกคุณชายจิ่ง นายน้อยจิ่งอะไรนั้น เธอไม่เคยเรียกมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงคำว่าประธานจิ่งเลยด้วยซ้ำ

“หึ……” จิ่งเป่ยเฉินเค้นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนจะก้มหน้ามองไปที่แก้มขาวราวกับหิมะของเธอและพูดว่า “อันโหรว อันอีหาน เธอจะแกล้งทำแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน?”

“อันอีหานอะไร? ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายพูดถึงใคร?” จู่ ๆ เธอก็ขยับตัวออกจากต้นขาของเขา พลางดึงผ้าห่มบนเตียงมาและเขยิบชิดเข้าไปข้างใน ดวงตาที่ดูงดงามมองไปที่รอบ ๆ ตัวของเขาและพูดว่า “จิ่งเป่ยเฉิน นายอย่าได้คิดเอาฉันไปเทียบกับผู้หญิงคนอื่น ฉันก็คือฉัน! พวกเรารู้จักกันมานาน นายจำไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือว่านายควรจะไปหาจักษุแพทย์[2]หน่อยดีไหม?”

จิ่งเป่ยเฉินถอดชุดสูทออกจากตัวอย่างช้า ๆ สองมือค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออก ดวงตาสีดำจับจ้องไปที่ตัวเธอ “ไม่เป็นไร เธอแสร้งทำต่อไปสิ”

“นาย นายห้ามถอดนะ! ห้าปีที่แล้วมันเป็นอุบัติเหตุ นายน่าจะรู้นี่ว่าฉันถูกวางยา!” เธอยังคงถอยห่าง จวบจนกระทั่งหลังของเธอชิดกับกำแพงที่เย็นเฉียบ เธอรู้ดีว่าตัวเองคงเสร็จเขาแน่ ๆ!

“ตอนนั้นเธอถามฉันว่าเธอไม่มีความเป็นผู้หญิงเลยเหรอ วันนี้ฉันจะตอบเธอให้ก็ได้ เธอมีความเป็นผู้หญิงมาก และตอนนี้เธอก็เป็นผู้หญิงที่ยิ่งกว่ามีความเป็นผู้หญิงเสียอีก” เขาสาบานในใจมาโดยตลอดว่าเมื่อไหร่ที่เจอเธอละก็ เขาจะจับเธอไว้และไม่ให้ลุกออกจากเตียงได้อีก จะค่อย ๆ มองดูเธอว่าหลังจากนี้จะกล้าทิ้งเขาไปอีกไหม

เธอกลืนน้ำลายและมองไปที่คนตรงหน้าที่กำลังถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นต่อหน้าเธอ เธอแทบจะยกเท้าขึ้นมา เพียงแต่ตัวก็ได้ล้มลงอยู่บนเตียง ให้ตายสิ ตอนนี้เธอแทบไม่มีแรงเหลือแล้ว

“เป็นอะไรไป?” จิ่งเป่ยเฉินกอดเธอไว้ที่กลางเตียงขนาดใหญ่ เขากดร่างของเธอไว้และพูดขึ้นว่า “ไม่หนีแล้ว?”

[1] เต่าตัวใหญ่ 王八蛋 ความหมายคือเต่าหรือตะพาบน้ำ หมายถึงชายที่ภรรยาสวมเขาให้ หรือเรียกอีกอย่างว่าโง่งม โง่เง่า ซึ่งตอนแรกผมไม่ได้ใส่คำอธิบายไว้ ต้องขออภัยด้วยนะครับ

[2] จักษุแพทย์ หมอดวงตา