ตอนที่ 219 ทหารราชสำนัก / ตอนที่ 220 เครื่องเพิ่มแรงบีบมือที่ทำจากยาง

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 219 ทหารราชสำนัก

เดิมทีเมืองชิงหยวนไม่ใช่สถานที่รับผู้ประสบภัย แต่วิธีขึ้นราคาข้าวเช่นนี้ ชาวเมืองที่ซื้อเสบียงอาหารไม่ได้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับผู้ประสบภัยที่หนีความลำบากมา ต่างหิวโหยด้วยกันทั้งสิ้น

เมิ่งหนานร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วถาม “เช่นนั้นก่อนหน้านี้หนึ่งหรือสองเฉียนซื้อข้าวได้มากเท่าใด”

ไป๋จื่อตอบ “มีคนบอกว่าตอนที่เก็บเกี่ยว หนึ่งหรือสองเฉียนสามารถซื้อข้าวได้สี่ตั้น หรือซื้อข้าวกล้องได้ห้าตั้น หลังจากผ่านฤดูเก็บเกี่ยวไปแล้ว ราคาทุกอย่างจะเพิ่มสูงขึ้น ข้าวที่ข้าซื้อมาก่อนที่ผู้ประสบภัยจะเข้าเมืองนั้น หนึ่งหรือสองเฉียนซื้อได้สามตั้น แต่ตอนนี้กลับซื้อได้เพียงโต่วเดียวเท่านั้น ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าขึ้นราคาไปกี่เท่าแล้ว”

เมิ่งหนานไม่มีความรู้เรื่องราคาข้าวและการชั่วตวงข้าวเลยสักนิด หนึ่งตั้นคือเท่าใด แล้วหนึ่งโต่วคือเท่าใด เขานับไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ทว่าฟังคำพูดของไป๋จื่อแล้ว ชัดเจนว่าหนึ่งตั้นมากกว่าหนึ่งโต่วนัก

องครักษ์จินทำหน้าตาลำบากใจ “แม่นางไป๋ ข้าขอไม่ปิดบังเจ้า หลายวันนี้ที่พวกข้าออกไปข้างนอก มีชาวบ้านมาแจ้งข่าวเรื่องนี้กับพวกข้าไม่น้อย บอกว่าราคาข้าวตามร้านเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว พวกเขาซื้อไม่ไหวโดยสิ้นเชิง ตอนนี้จึงแทบจะไม่มีข้าวลงหม้อแล้ว”

“พวกข้าบอกเรื่องนี้กับใต้เท้ากู้แล้วเช่นกัน แต่ใต้เท้ากู้แค่รับปากพวกข้าเท่านั้น ยังไม่ได้ลงไปจัดการเสียที ภายหลังข้าส่งคนไปสอบถามแล้วถึงได้รู้ ว่าร้านขายข้าวในเมืองเหล่านี้เป็นร้านที่เปิดโดยญาติของใต้เท้ากู้ พวกเขาอาศัยความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับใต้เท้ากู้ ขึ้นราคาข้าวอย่างเหิมเกริม ทำให้ชาวบ้านต่างโอดครวญไม่ขาดปาก แต่พวกข้าเองก็หมดหนทางจะแก้ปัญหาเช่นกัน”

ไป๋จื่อแค่นหัวเราะเบาๆ “จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เรื่องเช่นนี้ช่างมีอยู่ทั่วทุกที่จริงๆ พูดกันตามตรง หากไม่มีใต้เท้ากู้คอยให้ท้าย ถึงแม้จะเป็นญาติของใต้เท้ากู้เอง ก็เกรงว่าจะไม่กล้าเหิมเกริมเช่นนี้กระมัง”

เมิ่งหนานหมดคำพูด เรื่องบางเรื่องทุกคนรู้อยู่แก่ใจดี เพียงแต่จัดการเองไม่ได้ ทำได้แค่ปล่อยวางไว้เท่านั้น

เด็กสาวถามอีกว่า “ผู้ประสบภัยล้วนมาที่เมืองชิงหยวน ข้าไม่เชื่อว่าใต้เท้ากู้จะไม่รายงานต่อราชสำนัก ปกติแล้วราชสำนักควรจะจัดสรรเสบียงอาหารและเงินให้ผู้ประสบภัยไม่ใช่หรือ”

เมิ่งหนานพนักหน้า “ถูกต้อง ราชสำนักมีการจัดสรรเสบียงอาหารมาจริงๆ เพียงแต่เสบียงอาหารนี้เจอโจรป่าดักปล้นก่อนที่จะเข้าเมือง พวกมันนำทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือข้าวแม้สักเมล็ด”

ไป๋จื่อแค่นหัวเราะเสียงเย็น “บนโลกนี้ไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญเช่นนั้น สถานที่เกิดเหตุห่างจากเมืองหลวงถึงพันลี้ ตลอดทางมาล้วนไม่มีปัญหา แล้วอย่างไร ครั้นใกล้ถึงเมืองชิงหยวนกลับเจอโจรป่าอย่างนั้นหรือ แต่โจรป่าที่อื่นล้วนตายไปหมดแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร”

เมิ่งหนานตะลึงงัน ก่อนจะถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร พูดให้ชัดเจนได้หรือไม่”

“ข้าว่าข้าพูดชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ แม้โจรป่าจะดุร้าย ทว่าแต่ไหนแต่ไรพวกเขาเพียงแค่ปล้นพ่อค้าและชาวบ้านธรรมดา ท่านเคยได้ยินว่าโจรป่าปล้นขบวนรถของทางการหรือไม่ แล้วใต้เท้ากู้ของพวกท่านได้ส่งคนไปปราบโจรหรือไม่ จับโจรได้สักหนึ่งหรือสองคนหรือไม่?” ไป๋จื่อกล่าว

องครักษ์จินที่อยู่ข้างๆ ตบเข่าฉาดอย่างแรง กล่าวด้วยความตื่นตะลึงว่า “แม่นางไป๋นับว่ากล่าวเตือนสติข้าแล้ว หลังจากโจรป่าปล้นขบวนรถ คุณชายก็ส่งข้าออกนอกเมืองไปตรวจดู พบว่านอกจากรอยล้อรถที่สะเปะสะปะแล้ว บริเวณที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยของการต่อสู้เลย แม้แต่รอยเลือดสักนิดเดียวก็ไม่มี ตอนนั้นข้ารู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่มีหลักฐาน และไม่มีผู้ใดให้ข้าสอบถามได้ จึงทำได้เพียงกลับมาก่อน ระหว่างทางกลับมา ข้าผ่านสถานพักม้าแห่งหนึ่ง ในนั้นมีคนอยู่มากมาย คนเหล่านั้นดูท่าทางเป็นทหาร มีดาบเหน็บไว้ตรงเอว แต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป ดูไม่ออกว่าพวกเขามาทำอะไร กระนั้นเมื่อข้าเงยหน้ามองไป ข้าเห็นเสื้อผ้าทหารราชสำนักแขวนอยู่นอกหน้าต่าง เดิมทีข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก”

……….

ตอนที่ 220 เครื่องเพิ่มแรงบีบมือที่ทำจากยาง

“แต่ใครจะรู้ บุรุษที่กำลังตากเสื้อผ้าคนหนึ่งเห็นข้ามองเสื้อผ้าของเขาอยู่ข้างนอก เขาก็รีบร้อนเก็บเสื้อผ้าของตนกลับไปทันที”

สีหน้าของเมิ่งหนานเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง “เจ้าแน่ใจว่านั่นคือเสื้อผ้าของทหารราชสำนักใช่หรือไม่”

องครักษ์จินกล่าว “ข้าแน่ใจว่านั่นเป็นเสื้อผ้าของทหารราชสำนัก ข้ามีญาติผู้น้องคนหนึ่งเป็นทหารชั้นผู้น้อยในเมืองหลวง ทุกครั้งที่ข้าพบเขา เขาล้วนสวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ญาติผู้น้องเคยบอกว่า เสื้อผ้าประเภทนี้ทำขึ้นเพื่อเมืองหลวงโดยเฉพาะ มีรูปแบบและลวดลายเหมือนกันทั้งหมด”

หูเฟิงที่ฟังอยู่ข้างๆ พูดต่อ “เช่นนั้นหมายความว่า โจรป่าปล้นไปแต่เพียงเสบียงอาหารและเงินตรา แต่กลับปล่อยทหารจากเมืองหลวงที่มาคุ้มครองขบวนรถไป ทั้งยังเหลือเงินให้พวกเขาพักที่สถานพักม้าด้วย”

เมิ่งหนานไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่เข้าใจคำพูดถากถางของหูเฟิงได้อย่างไร ในใจของเขาหวนนึกถึงพฤติกรรมอันผิดปกติของใต้เท้ากู้ต่อหน้าเขาในหลายวันมานี้ เดิมทีเขาเกิดความสงสัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความสงสัยนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ไป๋จื่อกล่าว “พี่เมิ่ง ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านอย่างแน่นอน แต่พวกชาวบ้านไม่มีทางคิดเช่นนั้น ราชสำนักจัดสรรเสบียงอาหารมาให้แท้ๆ อีกทั้งเดิมทีเป็นเสบียงอาการที่ใช้สำหรับช่วยชีวิตคน แต่กลับถูกคนบางจำพวกฮุบเอาไว้ด้วยวิธีการบางอย่าง แม้กระทั่งเสบียงอาหารที่เดิมทีพวกชาวบ้านควรจะได้รับโดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ ก็กลับนำมาขายในราคาแพง สร้างวิกฤตการณ์ทางการเงินขึ้นมา”

“พวกชาวบ้านแยกไม่ออกว่าผู้ใดเชื่อถือได้ หรือผู้ใดชั่วร้าย พวกเขารู้เพียงว่าคนที่มอบหนทางมีชีวิตรอดให้กับพวกเขาได้ก็คือคนดี ส่วนคนที่บังคับให้พวกเขาต้องพบจุดจบของชีวิต นั่นล้วนเป็นคนเลว”

“ส่วนพี่เมิ่ง บัดนี้ท่านเป็นผู้ตัดสินคดีของเมืองชิงหยวน ในสายตาของชาวบ้าน ท่านและนายอำเภอไม่มีอะไรแตกต่างกัน ล้วนเป็นขุนนางของราชสำนัก มีความสามารถช่วยพวกเขาให้พ้นวิกฤติได้อย่างชัดเจน แต่กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”

เมิ่งหนานส่ายหน้า “ข้า..” เขาอยากพูดว่าเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่การกระทำของเขาทุกอย่างหลายวันมานี้ มีความแตกต่างใดกับการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กัน

อิงครักษ์จินเห็นเมิ่งหนานรู้สึกผิด ในใจก็รู้สึกร้อนใจเช่นกัน เขาจึงรีบถามว่า “แม่นางไป๋ เจ้าก็รู้ว่าคุณชายของข้าเป็นคนอย่างไร เขาไม่ใช่คนเลือดเย็นและไร้น้ำใจ เพียงแต่เรื่องบางเรื่อง คุณชายของข้าก็ออกหน้าไม่ได้เช่นกัน”

สิ่งที่องครักษ์จินพูด ไป๋จื่อย่อมเข้าใจ นางเห็นเมิ่งหนานเป็นสหายจริงๆ ถึงอย่างไรเขาก็เคยช่วยนางไว้มากกว่าหนึ่งครั้ง

“ข้ามีความคิดหนึ่ง” นางยิ้มจาง ในดวงตาปรากฏความเจ้าเล่ห์สายหนึ่ง

จินเสี่ยวอันและเมิ่งหนานก็ตาเป็นประกายเช่นกัน พวกเขาถามอย่างพร้อมเพรียงว่า “ความคิดอะไรหรือ”

ไป๋จื่อเข้าไปใกล้ ก่อนจะก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูของเมิ่งหนาน

องครักษ์จินได้ยินสิ่งใดไม่ชัดเจนสักนิด จึงรู้สึกร้อนรนอย่างยิ่ง “แม้แต่ข้าก็รู้ไม่ได้หรือ”

เมิ่งหนานฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก ชื่นชมว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยมนัก

ฝ่ายองครักษ์จินมีแต่จะร้อนใจมากยิ่งขึ้น ทว่าแม้กระทั่งหูเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไร ขืนเขาถามต่อไปอีกก็คงจะไม่ดี จึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้

หลังจากไป๋จื่อช่วยเมิ่งหนานวางแผนแล้ว นางก็ส่งเครื่องเพิ่มแรงบีบมือที่ทำจากยางให้เขา เดิมทีของชิ้นนี้ไม่ควรอยู่ในกล่องปฐมพยาบาล แต่ดูท่าทางหลินหยางจะเคยใช้รักษาคนไข้บางราย เขาจึงใส่มันไว้ในกล่องด้วย และยังไม่ทันได้นำมันออกไป

บัดนี้นางได้ใช้มันพอดี ย่อมไม่ต้องสิ้นเปลือง

“นี่คืออะไร” เมิ่งหนานมองสิ่งของรูปทรงประหลาด และมีสีสันสดใสในมือ ไป๋จื่อช่างหยิบสิ่งของที่เขาไม่เคยเห็นออกมาจากในกระเป๋าผ้าเสมอเลย

ไป๋จื่อหยิบเครื่องเพิ่มแรงบีบมือกลับมา แล้วสาธิตวิธีการใช้ให้เขาดูอยู่หลายครั้ง “นี่คือเครื่องเพิ่มแรงบีบมือ ท่านว่างก็ฝึกแรงบีบที่นิ้วและข้อมือเช่นนี้ทุกวัน เช้า เที่ยง เย็น เป็นเวลาสองก้านธูป[1] นานกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ไม่ได้ หากต้องการเห็นผลลัพธ์จากการฝึกฝน เช่นนั้นก็ต้องอดทนนะเจ้าคะ”

เมื่อพูดจบ นางก็ส่งเครื่องเพิ่มแรงบีบมือคืนให้เมิ่งหนาน ให้เขาลองใช้ดูสักหน่อย

[1] หนึ่งก้านธูปเท่ากับเวลา 20-30 นาที (ตามความยาวของธูป) ฉะนั้นสองก้านธูปก็จะเท่ากับราวๆ หนึ่งชั่วโมง