ตอนที่ 91.2 ความผิดปกติขององค์ชาย (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ค่ำคืนอันมืดมิด โคมไฟเปล่งแสงเรืองรอง ทำให้รอบด้านของบ้านพักตากอากาศสว่างไสว

แสงจันทร์หนาวเย็นสีขาวนวลที่สาดส่องลงมาบนทั่วพื้นดิน ทำให้บนพื้นดูละมุนละไมและลึกลับยิ่งขึ้น

แต่ว่าในค่ำคืนที่เงียบเหงาเช่นนี้ เห็นเพียงคนชุดดำมากมายนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างราวกับปีศาจ กระโดดเข้ามาภายในบ้านพักตากอากาศอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็เข้าไปในห้องพัก

เล่อเหยาเหยาทราบว่าห้องนั้น คือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันพักผ่อน

แต่นั่นเป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น เพื่อให้เหล่าลัทธินอกรีตพวกนี้เข้ามาติดกับ

คิดไม่ถึง แผนการแรกของเธอจะสามารถดึงดูดเหล่าลัทธินอกรีตนี้ได้จริง

ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังคิดอยู่ ทันใดนั้น ภายในบ้านพักตากอากาศที่เงียบสงบ พลันก็เกิดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ภายในห้องที่เงียบสงบที่ชายชุดดำคิดจะกระโจนเข้าไปนั้น ปรากฎเงาร่างคล่องแคล่วทำลายหน้าต่างภายในห้องออกมา ก่อนจะเริ่มต่อสู้กับชายชุดดำเหล่านั้น

ส่วนชายชุดดำเหล่านั้น เมื่อเห็นเหล่าองครักษ์ที่ฝีมือคล่องแคล่ว ก็รู้ว่าครั้งนี้พวกเขาหลงกลเสียแล้ว

คิดหลบหนี แต่องครักษ์เหล่านั้นจะทำให้พวกเขาสมปรารถนาได้เช่นไร

เพราะเวลานี้คือเวลาที่พวกเขารอคอย จัดการกับลัทธินอกรีตเหล่านี้ที่เข้ามาติดกับด้วยตนเอง!

ดังนั้นในคืนที่เงียบสงัด ก็เปลี่ยนเป็นดุเดือดรุนแรงขึ้นมา

เวลานี้เล่อเหยาเหยาที่ซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์อันมืดมิด กำลังมองภาพทั้งหมดนี้อยู่ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

เมื่อเห็นเหล่าชายชุดดำดุจปีศาจและองครักษ์ที่ฝีมือคล่องแคล่วนั้นต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือด

เสียงดังของอาวุธกระทบกัน ในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ดังกังวานมากยิ่งขึ้น

และเสียงอาวุธที่เชือดเฉือนเข้าไปร่างกายนั้น ทำให้คนฟังขนลุกชันทั่วร่าง

เล่อเหยาเหยาจึงมองอย่างอกสั่นขวัญแขวนไม่หยุด

แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นการสังหาร แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้อีกครั้ง ทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวสั่นเช่นเดิม

อีกทั้งเวลานี้ เธอมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสองร่างอยู่ในการต่อสู้อันดุเดือดนองเลือดนั้น

นั่นคือพญายมและหนานกงจวิ้นซี!

เห็นเพียงเงาร่างดุจกระบี่ของพญายมที่วรยุทธสูงส่งไร้เทียมทาน ในมือใหญ่งามยามนั้นถือกระบี่คมกริบเล่มหนึ่งไว้ ขณะที่เขากวัดแกว่ง ลำแสงหนาวเย็นดุจดวงดาว แฝงไปด้วยพลังแข็งแกร่งอันสะเทือนโลก

ไม่ว่าไปที่ใดก็สาดกระเซ็นไปด้วยเลือด เสียงกรีดร้องดังสนั่น

เป็นไปตามคาด วรยุทธสูงส่ง ไร้คู่ต่อสู้

เช่นเดียวกับพญายมที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม วรยุทธของหนานกงจวิ้นซีก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน

เพราะเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน จึงลงมืออย่างรวดเร็ว แม่นยำ และโหดเหี้ยม!

กระบี่ถูกกวัดแกว่งออกมาไม่ขาดสาย อ่อนช้อยทว่าหนักแน่น เงาร่างสง่างามนั้นรวดเร็วดุจสายฟ้า กระบี่ยาวในมือ เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ เกิดตาข่ายกระบี่ที่ผสมผสานกันออกมาไม่หยุด ทำให้ศัตรูเสียชีวิตในกระบี่เดียว

นี่เป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยาเห็นการสังหารคนของหนานกงจวิ้นซี วิธีการสังหารของเขายังดูชำนิชำนาญอย่างยิ่ง

เมื่อมีคนสองคนที่ราวกับเป็นพญายมที่ขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด เหล่าลัทธินอกรีตที่เข้ามาที่นี่แม้จะมีจำนวนมาก แต่ไม่นาน ก็ถูกคนของพญายมกำจัดไปมากกว่าครึ่ง

อาจเป็นเพราะครั้งนี้เหล่าลัทธินอกรีตคาดการณ์ผิดพลาด

อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้แม้แต่น้อยว่าการแข่งขันความสามารถด้านศิลปะครั้งนี้เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น ดังนั้นคนที่มาที่นี่จึงมีไม่มาก

รวมทั้งยังมีพญายมและหนานกงจวิ้นซีอยู่เพื่อกำจัดลัทธินอกรีตเหล่านี้ ปัญหาจึงมีเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เล่อเหยาเหยาคิดถอยกลับเข้าไปในอุโมงค์ ถือโอกาสที่คนเหล่านั้นกำลังต่อสู้กันรีบหนีไป

เพราะเธอตอนนี้ไม่เป็นวรยุทธแม้แต่นิดเดียว หากถูกเหล่าลัทธินอกรีตเจอตัวเข้า ต้องตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่

พอคิดถึงเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาหนาวเหน็บ ก่อนหมุนตัวคิดจากไปอย่างเงียบๆ

แต่น่าเสียดายที่สวรรค์กลับไม่เมตตา เธอจึงช้าไปหนึ่งก้าว

เล่อเหยาเหยาเพียงหมุนตัว ยังไม่ทันก้าวเท้าไปยังอุโมงค์ ก็รู้สึกว่าคอเสื้อด้านหลังรัดแน่นขึ้น แล้วร่างก็พลันลอยขึ้นไปในอากาศ

สำหรับการเคลื่อนไหวที่กะทันหันนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก จนแทบหยุดหายใจ!

สวรรค์!

เธอกำลังบินใช่มั้ย!

ไม่ใช่! เธอไม่ได้กำลังบิน แต่เธอถูกคนจับขึ้นมา!

เมื่อดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีดของเล่อเหยาเหยาหันกลับไป ก็มองเห็นมือข้างหนึ่งของชายชุดดำร่างสูงใหญ่ กำลังดึงคอเสื้อเธอขึ้นอยู่ ทำให้เธอดูราวกับลูกไก่ที่ถูกจับ เล่อเหยาเหยาจึงตกใจจนแทบหมดสติ

เพราะเธอเจอปัญหาที่หนักอย่างยิ่งเข้าแล้ว!

นั่นคือเธอถูกพวกเหล่าลัทธินอกรีตจับตัวได้!

สวรรค์!ผู้ใดก็ได้ช่วยเธอที เธอไม่อยากตาย!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็อกสั่นขวัญแขวน จนแทบวิญญาณออกจากร่าง

เธอคิดจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ภายในลำคอกลับคล้ายมีก้อนสำลีอุดเอาไว้ สุดท้ายทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ดุจยุงออกไป

ทว่าโชคยังดี เธอยังไม่ได้ตะโกนออกไป ก็มีคนรับรู้ถึงสถานการณ์ทางนี้ของเธอ พลันรีบพุ่งเข้ามาที่เธอ

เล่อเหยาเหยาเห็นเงาร่างสง่างามนั้น ในใจอดรู้สึกปลาบปลื้มและสงบลงไม่ได้ สุดท้ายก็อดร้องตะโกนออกมาไม่ได้ว่า

“ท่านอ๋อง ช่วยบ่าวด้วย!”

ใช่!

ชายหนุ่มที่พุ่งเข้ามาหาเธอในตอนนี้ ก็คือพญายม!

หลังจากพญายมเห็นเธอถูกจับกุม ก็รีบร้อนเข้ามาหาเธอ

เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของพญายม แม้เขาไม่เอ่ยพูดออกมา แต่จากท่าทีที่รีบร้อนกังวลของเขา เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกสงบและปลาบปลื้มไม่ได้

อย่างน้อย เวลานี้ยังมีคนเข้ามาช่วยเหลือเธอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาซาบซึ้งในใจ แต่กลับหวาดกลัวมากที่สุด

ไร้สาระ ตอนนี้เธอถูกคนจับกุมไว้ เธอจะไม่หวาดกลัวได้หรือ!

อีกทั้งเธอเวลานี้ ไม่รู้ว่าชายชุดดำที่จับตัวเธอนี้คิดทำเช่นไรกันแน่

เธอรู้เพียงว่าตนคล้ายกับลูกไก่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ถูกนกอินทรีย์ทรงพลังหิ้วบินพุ่งไปที่ภูเขาทางด้านหลัง

วรยุทธของชายชุดดำผู้นี้ต้องสูงส่งแน่นอน เพราะเล่อเหยาเหยารู้สึกว่าทิวทัศน์ข้างกาย เคลื่อนผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว

เห็นชัดว่าถึงจะเป็นฤดูร้อน แต่ค่ำคืนนี้กลับหนาวเย็นยิ่งนัก

ลมที่พัดผ่านนั้น คล้ายกับกระบี่แหลมคมฟาดฟันผิวหนังที่อ่อนนุ่มของเธอไม่หยุด จนผิวหนังเธอเจ็บปวด

และความหนาวเหน็บรวมกับความกังวลนั้น ก็ทำให้เล่อเหยาเหยาเริ่มทำตัวไม่ถูก

เธอไม่รู้ว่าชายชุดดำผู้นี้คิดทำสิ่งใด

เพราะเธอพบว่าเขาเพียงพาเธอมุ่งหน้าไปที่ภูเขาทางด้านหลัง

หรือว่าเขาคิดจะใช้เธอเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับพญายม!คล้ายไม่ถูกต้อง

เพราะบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าพญายมเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่มีสิ่งใดสามารถบีบบังคับเขาได้

เพียงแต่หากชายชุดดำไม่คิดใช้เธอบีบบังคับพญายม  เช่นนั้นเขาตั้งใจจับตัวเธอมาทำไมกันแน่!

เพราะหากเขาคิดหลบหนี หนีไปคนเดียวดีกว่าพาเธอไปด้วยมากมาย

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาทั้งหวาดกลัวและสงสัย ทันใดนั้นดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ก็จ้องมองไปยังชายชุดดำที่อยู่ด้านข้าง

เห็นเพียงเวลานี้ชายชุดดำสีหน้าเคร่งขรึม อาจเพราะเขาทราบว่าพญายมไล่ประชิดติดตามมาทางด้านหลัง

แต่เขากลับไม่หันไปมอง และไม่ยอมปล่อยตัวเธอ

เมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นเส้นทางที่ชายชุดดำหลบหนี จึงรู้ว่าด้านหน้าคือหน้าผา ไม่มีทางหนีต่อไป ในใจคิดว่า

หรือชายชุดดำรู้ว่าวันนี้ตนยากที่จะหลบหนีพ้น จึงคิดพาเธอตายไปด้วย!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาก็ร้องไห้ออกมา พลางร้องไห้อ้อนวอน

“ฮือๆ พี่ชายข้ายังไม่อยากตาย! โปรดปล่อยข้าไปเถิด”

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้อ้อนวอนของเล่อเหยาเหยา ในที่สุดชายชุดดำนั้นก็หันกลับมามองเล่อเหยาเหยา

เมื่อชายชุดดำเห็นหน้าตาของเล่อเหยาเหยา คล้ายตกตะลึงกับบางอย่าง

ดวงตาเดิมทีเปี่ยมด้วยไอสังหาร พลันเบิกกว้าง ก่อนเอ่ยปากว่า

“ฮู…”

ชายชุดดำเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว ยังไม่ทันเอ่ยอะไรต่อ เห็นเพียงเขาส่งเสียงฮึออกมา คล้ายถูกบางสิ่งเข้าจู่โจม

เล่อเหยาเหยาเห็นท่าทีเช่นนี้ของชายชุดดำ ในใจเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่น้อย

ฮู อะไร!

ชายชุดดำผู้นี้ เมื่อครู่คิดเรียกเธอว่าเช่นไรกันแน่!

อีกทั้งเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของชายชุดดำ คล้ายกับว่าเขาเคยรู้จักเธอมาก่อน!

หรือว่าชายชุดดำผู้นี้ เธอเคยรู้จักมาก่อนหรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหัวใจบีบแน่น ดวงตาเบิกกว้าง ลืมเลือนแม้กระทั่งความหวาดกลัว

เพราะเธอฉุกคิดได้ว่า หลังย้อนเวลามาที่นี่ เธอไม่หลงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับสถานะของร่างนี้ อีกทั้ง

เจ้าของร่างนี้ก็คล้ายไม่มีครอบครัวมาเยี่ยมเยียนเลย

ดังนั้นเธอจึงตรวจสอบสถานะที่แท้จริงของร่างนี้ไม่ได้

เมื่อก่อนเธอไม่คิดว่าร่างนี้จะเคยประสบเรื่องร้ายแรงอันใดมาก่อน แต่เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของชายชุดดำผู้นี้ คล้ายกับว่าเขาเคยรู้จักเธอมาก่อน

แต่ชายชุดดำนี้ยังเอ่ยพูดไม่จบ ก็ถูกกระบี่ของพญายมแทงเข้าที่หัวไหล่

เห็นชัดว่าพญายมใช้กำลังภายในซัดกระบี่เล่มนี้ออกมา

จากมุมของเล่อเหยาเหยาเห็นว่า กระบี่เล่มนี้ได้แทงเข้าไปที่ไหล่ของชายหนุ่มชุดดำ

ทันใดนั้นเลือดก็สาดกระเด็นไปรอบทิศ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงใบหน้าร้อนผ่าว

ความสงสัยที่มีทั้งหมดพลันถูกโยนทิ้งไป

เพราะในที่สุดเธอก็จำได้ว่าเวลานี้ตนยังถูกจับตัวไว้อยู่!

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงหวาดกลัวในใจขึ้นอีกครั้ง ก่อนกวาดสายตาไปมา มองไปยังพญายมที่ไล่ตามประชิดอยู่ด้านหลัง

เห็นเพียงพญายมมีกำลังภายในที่ยอดเยี่ยม เพราะระยะห่างของพวกเขาค่อยๆ เริ่มกระชั้นชิดกันมากขึ้น

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ก็ไม่สนใจว่าเมื่อก่อนจะหวาดกลัวพญายมมากเพียงใด

เวลานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อมองเห็นพญายมพลันเกิดความรู้สึกสงบอย่างมากขึ้นมา

คล้ายเพียงมีพญายม แม้ฟ้าจะถล่มลงมา เขาก็สามารถต้านทานไว้ได้

“ท่านอ๋อง ช่วยบ่าวด้วย รีบช่วยบ่าวเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

เล่อเหยาเหยาตะโกนเสียงดังอย่างอกสั่นขวัญแขวน เพราะเส้นทางที่คนชุดดำหลบหนีเป็นทางตัน

ขณะที่พวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบเมตร ตรงนั้นก็คือหน้าผาสูงชัน!

ลมจากยอดเขาพัดกระหน่ำเข้ามาไม่หยุด จนรู้สึกเจ็บที่แก้ม เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้หน้าผาสูงชันขึ้นเรื่อยๆ เล่อเหยาเหยาตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน

เพราะอายุเธอยังน้อย จึงไม่อยากตายตอนนี้!

………………………………