เล่ม 1 ตอนที่ 94 การต้อนรับอย่างดีของพระชายาลู่

ราชินีพลิกสวรรค์

ไอ้คน…^&*()! 

 

 

กรอดๆ! 

 

 

เจียงหลีกัดฟันจนแทบจะแตกร่วงออกจากปาก 

 

 

ลู่เจี้ยไอ้ระยำคนนี้ จงใจทำให้เข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสอง! เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก เพียงแค่นางจูบเขาแรงๆ ไปหนึ่งครั้ง ราวกับว่านางได้หลับนอนกับเขาแล้ว จึงต้องรับผิดชอบ 

 

 

เรื่องเข้าใจผิดนี้ค่อนข้างหนัก ถ้านางได้กินลู่เจี้ยจนหมดแล้วจริงๆ มันก็ไม่สำคัญหรอก แต่ปัญหาคือนางยังไม่ได้กินเลย! แล้วจะต้องอะไรนะ 

 

 

ได้ยินสิ่งที่พระชายาลู่พูดชัดเจนหรือยัง 

 

 

จะต้องสืบเชื้อสายของตระกูลลู่ คือการมีลูก! มีหลาน! สืบสกุล! 

 

 

ตัวนางเองก็ยังเป็นเด็กอยู่นะ! 

 

 

เจียงหลีโกรธมากจนปวดหัว นางยิ้มให้แก่พระชายาลู่ “พระชายาเพคะ ท่านดูรูปร่างที่ผอมแห้งของหม่อมฉันสิเพคะ ไม่เหมาะจะรับภารกิจนี้และไม่คิดว่าจะทำให้มันสำเร็จได้เพคะ!” พูดเป็นเล่นไป การมีลูก! แค่คิดก็รู้สึกเจ็บแล้ว! 

 

 

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากให้เจ้ากินให้มากขึ้น ดื่มให้มากขึ้น ดูแลร่างกายของเจ้าให้ดี” พระชายาลู่จูงนางไป และตรัสสอนอย่างมีความอดทน “ข้ารู้ ว่าเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการมีลูก แต่ว่าเจี้ยเอ๋อร์ชอบเจ้า สาวงามมากมายแต่เขากลับไม่ชอบ ชอบเพียงแต่เจ้า ยินดีที่จะอุปถัมภ์เจ้า ดังนั้น ก็ลำบากเจ้าแล้วสินะ” 

 

 

อุปถัมภ์นาง…. 

 

 

เหอะๆ! 

 

 

มุมปากของเจียงหลียังคงกระตุก นางแอบมองลู่เจี้ยที่เดินตามหลัง ได้เห็นใบหน้าที่ภาคภูมิใจแล้ว นางอยากจะฉีกรอยยิ้มนั้นด้วยมือของนางเองเสียจริง! 

 

 

“พระชายา เรื่องนี้ขอคุยในภายหลังเถิดเพคะ” เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ และฝืนยิ้ม 

 

 

เนื่องจากลู่เจี้ยจงใจทำให้ทุกคนเข้าใจผิด เพื่อต้องการปกปิดความลับเฉพาะของพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถคัดค้าน 

 

 

“ได้ๆๆ ข้าจะคุยเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปที่เรือนของเจ้า” พระชายาลู่รู้สึกตื่นเต้น หลังจากที่ได้พบเจอกับเจียงหลีแล้ว นางก็ลืมลูกชายของนางเองไปเสียแล้ว 

 

 

เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย 

 

 

ตระกูลลู่ที่ซูหนาน นางมีเรือนของตัวเองซึ่งก็พิเศษมากอยู่แล้ว ไม่คาดคิดว่าเมื่อมาถึงที่ซั่งตูแล้ว ยังจะมีเรือนของตัวเองในจวนของอ๋องลู่อีกหรือ 

 

 

นี่ยังคงเป็นการปฏิบัติต่อทาสอยู่หรือไม่ 

 

 

ดูเหมือนว่า … เจียงหลีครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว แม้ว่านางจะเป็นทาสสาว แต่นางก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ทาสสาวควรทำเลย 

 

 

อืม…เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากการทำให้เตียงของลู่เจี้ยอุ่นขึ้นแล้ว ที่ทำให้คนรู้จักนางกันทั้งบ้าน 

 

 

“พระชายาเกรงใจเกินไปแล้วเพคะ” คำพูดที่สวยงาม เจียงหลียังคงต้องพูดบ้าง 

 

 

“เจ้าต่างหากที่เกรงใจเกินไป ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทำเป็นคนนอกเลย ตราบใดที่เจ้าดูแลเจี้ยเอ๋อร์แทนข้าให้ดี แน่นอนว่าข้าก็ต้องดูแลตัวเจ้าให้ดีด้วยเช่นกัน” รอยยิ้มของพระชายานั้นมองไม่เห็นว่ามีการเสแสร้งเลย 

 

 

เจียงหลีถูกพาไปที่เรือนอันสง่างามโดยพระชายาตระกูลลู่ 

 

 

แม้จะไม่ใหญ่โต แต่วิวทิวทัศน์ก็สวยงามมาก อีกทั้งละเอียดอ่อนและเงียบสงบ นอกจากมีต้นไผ่เขียวเป็นแถวแล้ว ยังปลูกดอกไม้บางชนิดด้วย ทำให้เรือนนี้มีชีวิตชีวา 

 

 

“หลีเอ๋อร์ ชอบหรือไม่” พระชายาตระกูลลู่มองไปที่เจียงหลีด้วยสายตาที่อบอุ่นและจริงใจ 

 

 

ตลอดทาง นางที่มีเกียรติในฐานะพระชายา และเกียรติในฐานะนายหญิงของตระกูลลู่ นางไม่ยอมปล่อยมือของเจียงหลีเลย  

 

 

เจียงหลีมองไปรอบๆ และพยักหน้า โดยไม่ได้ละเมิดความเมตตาของพระชายา “เจียงหลีชอบมาก ขอบพระทัยพระชายาเพคะ “ 

 

 

“เจ้าชอบก็ดีแล้ว แต่นี้ไปไม่ต้องเกรงใจนะรู้ไหม” น้ำเสียงของพระชายาตระกูลลู่ดูมีการตำหนิเล็กน้อย ในตอนนี้ นางปล่อยมือของเจียงหลี แล้วมองไปที่ลานกว้าง และพูดด้วยเสียงที่ดังว่า “ยังไม่เข้ามาพบนายหญิงของพวกเจ้าอีก” 

 

 

น้ำเสียงนี้ ค่อนข้างมีกลิ่นอายของพระชายาอยู่ และไม่ใจดีเหมือนอย่างที่มีต่อเจียงหลี 

 

 

ในไม่ช้า เด็กหนุ่มและเด็กสาวอย่างละคนเดินออกจากลาน 

 

 

“หลีเอ๋อร์ ในวันธรรมดเจ้าต้องรับใช้เจี้ยเอ๋อร์ ข้างๆ เจ้าไม่มีใครรับใช้ไม่ได้ สองพี่น้องนี้ได้รับการฝึกฝนในเรือนมาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่เชื่อถือได้ ฉลาดคล่องแคล่ว และมีอายุที่ใกล้เคียงกับเจ้า จากนี้ไปพวกเขาจะอยู่กับเจ้า คอยดูแลเจ้าอยู่ข้างๆ นี่คือพี่สาวมีชื่อว่าอวี้ซู ส่วนน้องชายของนางมีชื่อว่าอวี้เฉิน” พระชายาลู่แนะนำ 

 

 

เจียงหลีตะลึง 

 

 

นางคิดว่าพระชายาลู่จะต้อนรับนางอย่างดีมากไปแล้ว แม้ว่านางจะรักลู่เจี้ยและเป็นผู้ที่ลู่เจี้ยพามา แต่ก็ไม่ควรเป็นมากเช่นนี้! 

 

 

แน่นอนว่า ในขณะที่นางยังตกตะลึงอยู่นั้น อวี้ซูและอวี้เฉินพี่น้องคู่นี้ได้เข้ามาหานาง และคุกเข่าเอนตัวลงโค้งคำนับ “ข้าน้อยขอคำนับนายหญิง” 

 

 

“พวกเจ้า… ลุกขึ้นเถอะ” สีหน้าของเจียงหลีดูแปลกไปเล็กน้อย นางมองไปที่ลู่เจี้ยซึ่งยิ้มอยู่ตลอดเวลา นางต้องกาที่จะสื่อสารคุยกับเขา 

 

 

“ขอบพระคุณนายหญิง” 

 

 

สองพี่น้องยืนขึ้นอย่างเชื่อฟัง และพวกเขาก็ดูเป็นเด็กที่น่ารักมีน้ำใจ ซึ่งทำให้คนที่มองดูสบายใจมาก ในที่สุด หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านของงธูป และส่งพระชายาผู้กระตือรือร้นไปแล้ว 

 

 

“ช้าก่อนนายน้อย” เมื่อเห็นลู่เจี้ยกำลังจะจากไป เจียงหลีจึงรีบพูด 

 

 

นอกจากนี้ นางสั่งหม่าหยวนเจีย ให้นำกระเป๋าของนางไปที่เรือนเล็กก่อน 

 

 

 “หลีเอ๋อร์ เรียกข้ามีอะไรหรือ” ลู่เจี้ยยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ 

 

 

ความงามของลู่เจี้ยนั้นอันตรายถึงตาย เจียงหลีสังเกตเห็นว่า ทาสตัวน้อยทั้งสองของนาง รู้สึกทึ่งและหลงใหลกับรอยยิ้มของหลู่เจี้ยในขณะนี้ 

 

 

ทำอะไรไม่ถูก นางทำได้แค่พูดว่า “ข้าจะไปส่งนายน้อย” 

 

 

ดวงตาสดใสของลู่เจี้ยกะพริบ และเขาก็ไม่ปฏิเสธ “ในเมื่อหลีเอ๋อร์เสนอขึ้นมาแล้ว ก็ทำตามที่ใจเจ้าต้องการเถอะ” 

 

 

ทั้งสองออกจากลานเรือนเล็กของเจียงหลี 

 

 

แต่เมื่อมาถึงเรือนของลู่เจี้ย เจียงหลีก็เข้าใจถึงความพยายามอย่างอุตสาหะของพระชายาลู่! ที่ที่นางอาศัยอยู่นั้น อยู่ข้างๆ และติดกับเรือนของลู่เจี้ย! 

 

 

หรืออย่าเรียกว่าเรือนเล็กของนางเลย ให้เรียกว่าเรือนเล็กที่อยู่ในเรือนใหญ่ของลู่เจี้ยจึงจะถูก 

 

 

“ท่านแม่จัดการมาเช่นนี้แล้ว เพื่อให้เจ้ารับใช้ข้าได้ง่ายขึ้นและเพื่อความสะดวก” ลู่เจี้ยอธิบาย 

 

 

เจียงหลีไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามนางจะไปรายงานตัวที่สถาบันไป๋หยวนในเร็วๆ นี้ “แค่ปล่อยให้บ่าวใช้เข้าใจผิดก็แล้วไป แต่เจ้าทำให้พระชายาข้าใจผิดไปด้วย” นางกระซิบบอก มีความโกรธเล็กน้อยในน้ำเสียงของนาง 

 

 

โดยที่ไม่รู้ตัว ลู่เจี้ยก็ก้าวไปข้างหน้าและเข้ามาใกล้นาง ทันใดนั้นกลิ่นหอมโชยโอบล้อมนางไว้ ทำให้เจียงหลีหายใจไม่ออก ก่อนที่จะได้ยินเสียงของชายคนนั้นเหนือศีรษะของนาง “หรือว่าหลีเอ๋อร์ไม่ได้จ้องมองข้าอย่างเสือที่หิวกระหาย แล้วรอจังหวะตะครุบกินเสียล่ะ” 

 

 

วูบบ! 

 

 

แม้จะเป็นราชินีที่ไม่ว่าจะมีผิวหน้าหนาแค่ไหน และด้วยคำพูดที่ดูหน้าด้านของชายคนนี้ ก็ทำให้แก้มของนางร้อนผ่าวได้ 

 

 

นางก็แค่จูบแรงๆ ไปทีหนึ่งเองไม่ใช่หรือ จะตระหนี่ขนาดนั้นเชียว ถึงได้คอยจิกนางทุกทีเลย 

 

 

“เหอะๆ นั่นมัน… ไม่เหมือนกัน …” เจียงหลีก้มศีรษะและพูด 

 

 

“จะเล่นทั้งทีก็ต้องเล่นให้สุด” ลู่เจี้ยพูดอย่างกะทันหัน 

 

 

“หือ” เจียงหลีเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขา สีหน้าที่ใกล้กันแค่เอื้อม มันสวยงามมาก แต่คราวนี้นางไม่สับสน นางจ้องมองเขา ในแววตาที่สงบและไม่แยแสนี้ กลับมองเห็นบางอย่าง 

 

 

ความลับของร่างกายเขา ความลับของร่างกายนาง เป็นสิ่งที่ไม่อาจเปิดเผยต่อโลกภายนอกได้ 

 

 

มิฉะนั้น มันจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซึ่งกันและกัน และเมื่อมันเป็นที่รู้จักของศัตรูแล้ว ทั้งคู่ก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกโจมตี 

 

 

ความมุ่งมั่นของลู่เจี้ย คือทำให้เจียงหลีรู้สึกถึงเจตนาของเขา แม้ว่าถูกเข้าใจผิดว่าได้กินพ่อหนุ่มรูปงามของตระกูลลู่ไปแล้วก็ตาม แต่ในตอนนี้ ต้องจำใจแบกความเข้าใจผิดนี้เอาไว้ 

 

 

“แม่ของท่านรักท่านมากจริงๆ” เจียงหลีพูดอย่างกะทันหัน