เล่มที่ 4 บทที่ 101 นางขายความรู้ที่นางมี

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ซ่งฉางชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สตรีตรงหน้าที่มีรูปโฉมน่าตกตะลึงผู้นี้ เขาไม่มีความทรงจำใดๆ ถึงแม้เขาไม่ได้มีความจำดีเยี่ยมชนิดที่เพียงเห็นครั้งเดียวแล้วไม่มีทางลืม แต่ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ คนปกติเคยพบเห็น ย่อมไม่มีทางลืมเหมือนกัน!

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เมื่อครู่มีคนเรียกท่านเช่นนี้”

ซ่งฉางชิงจึงกระจ่างแจ้ง จริงด้วย เมื่อครู่ช่วงที่เขามอบเงินให้คนที่มาส่งผัก มีคนเรียกเขาเช่นนี้

มุมปากของเขายังคงไม่มีรอยยิ้ม เพียงประสานมือตรงอกคำนับเป็นการทักทาย “ฮูหยินมีอะไรงั้นหรือ? ”

เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าสองก้าว ยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านซ่ง ข้าก็มีของอยากขายให้เซียนจวีโหลว”

นางหิ้วตะกร้าไว้บนแขน และใช้ผ้าสีฟ้าปิดไว้

ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ รีบกล่าว “ขออภัยด้วย ฮูหยิน เพื่อรับประกันความปลอดภัย วัตถุดิบของเซียนจวีโหลว ล้วนแต่รับจากคนที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ…”

เซี่ยยวี่หลัวย่อมรู้ เปิดภัตตาคารใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนคู่แข่งเล่นสกปรก วัตถุดิบที่พวกเขาจะใช้ โดยทั่วไปล้วนได้จากการจัดหาแบบเฉพาะเจาะจง คนที่มาส่งผัก ล้วนแต่เป็นคนคุ้นเคยที่ภัตตาคารรู้ตื้นลึกหนาบางดีอยู่แล้ว หากตัวผักมีปัญหาอะไร สืบสาวไปยังต้นตอ ย่อมหนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว

ดังนั้น เซียนจวีโหลวย่อมไม่ซื้อของจากคนที่ไม่รู้จักส่งเดช ต่อให้เป็นเกลือหนึ่งก้อนหรือกระเทียมหนึ่งหัว ก็ไม่มีทางซื้อโดยง่าย แต่จะเจรจากันอย่างละเอียด จากนั้นจึงทำข้อตกลงการจัดหาวัตถุดิบ

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านซ่งเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะขายของเหล่านี้ให้เซียนจวีโหลว สิ่งที่ข้าจะขาย อยู่ตรงนี้…”

นางไม่ขายผัก นางจะขายความรู้ที่นางมี

นางใช้มือชี้ไปที่ขมับตัวเอง คิ้วงามโก่งโค้ง แววตาฉายประกายแสงสีสะดุดตา

ดูสว่างพร่างพรายประหนึ่งดวงดาราสุดขอบฟ้า

ในเสี้ยววินาทีนั้น จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของคนตรงหน้าว้าวุ่น

ถึงแม้ซ่งฉางชิงจะเข้มงวด แต่ก็มีอารมณ์ความปรารถนาแบบคนทั่วไป มีรักโลภโกรธหลง สตรีตรงหน้ายิ้มอย่างงดงามไร้ที่ติ เบื้องลึกจิตใจซ่งฉางชิงมีความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นมา

เขาตกตะลึงเล็กน้อย เพราะความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น และเป็นเพราะวาจาของเซี่ยยวี่หลัวด้วย

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “หากท่านซ่งเชื่อใจข้า สิ่งของที่ข้าจะขายให้ภัตตาคารแห่งนี้ ต้องทำให้เซียนจวีโหลวมีลูกค้าอุ่นหนาฝาคั่งแน่นอน”

สีหน้าซ่งฉางชิงดูเคร่งขรึมขึ้น

เปิดภัตตาคาร เรื่องที่กังวลที่สุดคือแหล่งที่มาของลูกค้า

ถึงแม้เซียนจวีโหลวจะเป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองโยวหลัน มีวัตถุดิบสดใหม่ที่สุด มีสภาพแวดล้อมดีเยี่ยมที่สุด มีพ่อครัวฝีมือดีที่สุด แต่ก็เหมือนกับภัตตาคารเล็กแห่งอื่นๆ ที่ต้องกังวลว่าลูกค้าของภัตตาคารจะเบื่ออาหารของภัตตาคารหรือยัง และกังวลว่าจู่ๆ ภัตตาคารอื่นจะมีอาหารชนิดใหม่หรือไม่ ซึ่งจะดึงดูดลูกค้าของเซียนจวีโหลวไปได้

ซ่งฉางชิงยื่นส่งสมุดบัญชีในมือให้ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ มองไปทางเซี่ยยวี่หลัว ยังคงรู้สึกใจสั่น

“ฮูหยินอยากขายอะไร? ” ซ่งฉางชิงพยายามสงบคลื่นที่ถาโถมอยู่ภายในใจ ในที่สุดก็ฝืนยิ้มเบาบาง

เซี่ยยวี่หลัวยกตะกร้าในมือขึ้น ยิ้มจนคิ้วโก่งโค้ง “รบกวนท่านซ่งจัดเตรียมเตาปรุงอาหารหนึ่งเตา วัตถุดิบที่ต้องใช้ข้านำมาด้วยแล้ว”

ซ่งฉางชิงมองดูเซี่ยยวี่หลัว ก่อนจะมองไปที่มือนาง

ปลายนิ้วของนางเรียวยาวขาวเนียน ขาวผ่องประหนึ่งเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดี

เขากำลังครุ่นคิดอยู่

ว่าจะให้นางอยู่ต่อหรือให้นางไป!

ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ เห็นคุณชายขมวดคิ้ว จึงรีบกล่าว “คุณชาย ข้าจัดการเองขอรับ! ”

ปกติหากมีคนมาขายของ คุณชายจะไม่สนใจด้วยซ้ำ ให้เขาเป็นคนจัดการโดยตรง

ครั้งนี้ เขาไม่รอให้ซ่งฉางชิงตอบ เดินขึ้นหน้าจะคุยกับเซี่ยยวี่หลัวเอง ซ่งฉางชิงกลับยื่นมือออกมา ขวางเขาไว้

ซ่งฝูถอยไปด้านหลัง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

หลังจากสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ซ่งฉางชิงได้ตัดสินใจทำในเรื่องที่กลายเป็นพันธนาการที่เขาไม่อาจดิ้นหลุดไปชั่วชีวิต

เขาถอยหลังหนึ่งก้าว ยามที่คนอื่นมอง ต่างก็คิดว่าเขามีบุคลิกสง่า มีเพียงซ่งฉางชิงที่รู้แก่ใจ ว่าขาของเขาที่ยื่นออกไปแข็งทื่อเสียแล้ว

“เชิญฮูหยิน…”

เขาให้นางอยู่ต่อ

ณ เวลานี้ซ่งฉางชิงยังไม่รู้ ว่าสตรีตรงหน้า จะมีอิทธิพลต่อเขาไปชั่วชีวิต

นับแต่นี้เขาจะได้พบกับทัศนียภาพอันงดงามไร้ที่สิ้นสุด แต่ความเงียบเหงาโดดเดี่ยวก็จะตามติดเหมือนเงาเช่นกัน

เซี่ยยวี่หลัวหิ้วตะกร้าสองใบ พาเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเข้าไปในสวนด้านหลังของเซียนจวีโหลว

ทางห้องครัวจัดเตรียมเตาปรุงอาหารให้หนึ่งเตาอย่างรวดเร็ว เซี่ยยวี่หลัวนำผักตี้เอ่อที่ตนเองเตรียมไว้ออกมาหนึ่งจาน เซียวจื่อเซวียนนำไปล้างน้ำอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวตบกระเทียมและขิงที่มีในห้องครัวอยู่แล้ว ก่อนจะหั่นต้นหอมสีเขียวมรกตเป็นท่อนๆ

ซ่งฉางชิงยืนดูการเคลื่อนไหวของนางอยู่ข้างๆ

เขาจ้องมองนิ้วเรียวงามทั้งสิบที่งดงามประหนึ่งเครื่องกระเบื้องเคลือบ เห็นมือคู่นั้นจับสิ่งของต่างๆ เพียงชั่วครู่นางก็ทำให้รูปร่างของสิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนไป

เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวทุ่มเทความคิดทั้งหมดไปกับงานในมือ

อุ่นกระทะที่เย็นชืดให้ร้อน ใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันร้อนแปดส่วนจึงใส่ขิงและกระเทียมเจียวให้หอม แล้วจึงใส่พริกแห้ง จากนั้นใส่ผักตี้เอ่อ ผัดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเทไข่ที่กวนไว้แล้วลงไปในกระทะ หลังจากผัดไข่จึงเกาะตัวกัน จากนั้นจึงใส่ซีอิ๊วและเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ เสร็จแล้วจึงตักขึ้นจากกระทะ

ผักตี้เอ่อสีดำ ประกอบกับขิงและกระเทียมสีขาวกับไข่สีเหลือง โรยต้นหอมสีเขียวก่อนจะตักขึ้นจากกระทะ สีเหลือง สีดำ สีขาว สีเขียว เมื่อรวมกันแล้วมีทั้งสีสันกลิ่นหอมและรสชาติครบถ้วน

ซ่งฉางชิงรู้สึกจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย

เขาไม่คาดคิดเลยว่าสตรีที่มีรูปโฉมงดงามไร้ที่ติเช่นนี้จะเข้าครัวด้วยตัวเอง และรูปลักษณ์ของอาหารที่ปรุงขึ้นมา ไม่ด้อยกว่าพ่อครัวที่ดีที่สุดในร้านของตนเองเลยด้วย

เซี่ยยวี่หลัวยกผักตี้เอ่อไปวางบนโต๊ะ ผายมือเชิญ “ท่านซ่งลองชิมดู…”

ซ่งฉางชิงไม่เคลื่อนไหว

เซี่ยยวี่หลัวนึกว่าเขากลัวว่าในอาหารจะมีของไม่สะอาด จึงหยิบตะเกียบขึ้น คีบอาหารขึ้นมาชิมเองหนึ่งคำ จากนั้นนางจึงป้อนสองพี่น้องเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งอีกหนึ่งคำ

เด็กสองคนกินอาหารที่นางป้อนให้ หลังจากกลืนลงท้องไป ซ่งฉางชิงเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของเด็กสองคนลุกวาว “พี่สะใภ้ใหญ่ อร่อยเหลือเกินขอรับ”

พี่สะใภ้ใหญ่…

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ อร่อยจริงๆ เจ้าค่ะ”

เซี่ยยวี่หลัววางตะเกียบลง

ซ่งฉางชิงมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง หยิบตะเกียบขึ้น

คนผู้นี้นิ้วมือเรียวยาว ข้อกระดูกเรียบสม่ำเสมอ ขณะหยิบตะเกียบขึ้น ดูสง่างามเหมือนกำลังหยิบพู่กันก็มิปาน เม้มริมฝีปากบางเบาๆ หลังจากชิมคำหนึ่ง ดวงตาพลันลุกวาว

ภายในใจก็รู้สึกสั่นไหว สีหน้ากลับยังคงแสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดและจริงจังของเขาที่ฝังลึกถึงกระดูก

เพราะเขาไม่ยิ้มเลย!

ซ่งฉางชิงกินต่ออีกคำหนึ่งด้วยความตกตะลึง

เมื่อเคี้ยวผักตี้เอ่อ ในปากเขาก็เกิดรสสัมผัสที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

นี่เป็นครั้งที่สองของวันนี้

อาหารจานนี้มีทั้งสีสันกลิ่นหอมและรสชาติครบถ้วน เมื่อใส่ปากก็มีกลิ่นหอมของไข่ รสสัมผัสเหนียวนุ่มแฝงเร้นด้วยความอ่อนละมุน ดุจมีผ้าไหมกำลังพลิ้วไหวไปมาอยู่บนต่อมรับรส

ซ่งฉางชิงวางตะเกียบลง นิ้วมือสีขาวเรียวยาวสัมผัสตะเกียบสีขุ่น ทำให้ดูขาวจนสะดุดตา

เขานำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปากที่ไม่มีคราบสกปรกอย่างสง่างาม ริมฝีปากบางสีแดงชุ่มฉ่ำตวัดขึ้น “ไม่เลวจริงๆ ”

มุมปากตวัดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม คิ้วงามโก่งโค้ง “นี่คือผักตี้เอ่อ รสชาติหอมสดชื่นเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม มีวิธีปรุงหลายรูปแบบ อุดมไปด้วยสารอาหาร ไม่เพียงสามารถล้างตับและปอด ทั้งยังบำรุงสายตาและหัวใจ”

มือของซ่งฉางชิงที่กำลังพับผ้าเช็ดหน้าหยุดชะงักเล็กน้อย “ฮูหยินรู้หลักการใช้ยาด้วยงั้นหรือ? ”