ตอนที่ 175 ไม่ได้เรื่อง! + ตอนที่ 176 ทำให้สลบแล้วแบกไป!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 175 ไม่ได้เรื่อง!

เสื้อคลุมสีแดงสะบัดขึ้น ทุกคนเห็นเพียงเงาสีแดงแวบผ่าน เงาร่างหนึ่งร้องอุทานล้มลงล่างเวที

“อ๊ะ!”

นักปรุงยาท่านหนึ่งล้มไปบนพื้นอย่างน่าอับอาย ถูกก้อนหินปลายแหลมครูดเสียจนบาดเจ็บ และเพราะลงพื้นผิดท่า พอล้มลงก็ยืนขึ้นมาไม่ไหว

ส่วนบนเวทีนั้น คุณชายผู้อ่อนวัยในชุดสีแดงยืนอยู่ทั้งชุดคลุมพลิ้วขึ้นเบาๆ หน้ากากที่มีดอกลำโพงผลิบานสะท้อนแสงวาววับจับตาอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ผู้คนเห็นเพียงริมฝีปากอมรอยยิ้มที่เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ทั่วร่างมีกลิ่นอายชั่วร้ายเย็นเยียบกระจายอยู่ สายตาเหลือบมองเหยียดนักปรุงยาวัยกลางคนที่ทรุดนั่งอยู่ล่างเวทีอย่างเสียหน้า

หลิงโม่หานที่นั่งอยู่บนเวทีเห็นภาพนี้เข้า ดวงตาดำอันลึกล้ำที่เป็นประกายจ้องมองเงาร่างอันร้ายกาจเยือกเย็น ก็เห็นว่าร่างนั้นหันตัวมาทันใด ก่อนจะสบกับดวงตาเขาที่แฝงด้วยความดุร้ายโดยไม่ทันระวัง

ในช่วงเวลานั้นเอง ประกายในดวงตาเขาสลายไป นั่งอยู่เงียบๆ ใบหน้าแข็งทื่อ ท่าทางมั่นคง

เฟิ่งจิ่วมองเขาอย่างแปลกใจ คิดว่าท่านอาผู้นี้ช่างเป็นคนที่เก็บซ่อนตัวได้ลึกล้ำยิ่งนัก แม้เคยพบปะกันหลายครั้ง แต่คล้ายว่าทุกครั้งจะได้พบเห็นเขาแตกต่างกันไป ตัวตนแท้จริงจะเป็นคนเช่นไรกันแน่นะ?

ผู้คนบนเวทีแค่มองนักปรุงยาท่านนั้นที่ล้มลงไปแวบหนึ่ง ก็มายืนบนเวทีกันเรียบร้อยอย่างไม่สนใจ ชายวัยกลางคนแอบผลักคุณชายชุดแดง มีคนเห็นไม่น้อยเลย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงโดนถีบลงไป และไม่มีอะไรน่าตื่นตกใจ

ส่วนผู้นำตระกูลของนักปรุงยาวัยกลางคนผู้นั้นก็ใบหน้าหมองลง โบกมือเป็นสัญญาณ “ส่งคนลงเขาไปซะ!”

แววตาดำมืดจ้องมองเงาร่างสีแดง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของตลาดมืด พวกเขาจึงไม่กล้าตามอีกฝ่ายไปอย่างโจ่งแจ้งได้

ชายวัยกลางคนบนเวทีข้างกองสมุนไพรส่งใบสั่งยาแผ่นหนึ่งให้ทุกคน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เก็บสมุนไพรในรายการมา สิบคนแรกสุดที่เก็บครบเดินออกมาเข้ารอบต่อไป คนอื่นๆ ตกรอบ เริ่มได้!”

สิ้นสุดน้ำเสียง พวกนักปรุงยาบนเวทีก็เก็บยาตามรายการในมือ พลางกอบโกยยาบนโต๊ะ เมื่ออาจารย์สำนักศึกษาหมอกดาราเก็บยาเดินออกมาเรียบร้อย สายตาเหลือบมองไปข้างกายอย่างอดไม่ได้ กวาดมองคุณชายชุดแดงที่ในมือถือตะกร้ายา ขมวดคิ้วเบาๆ

เฟิ่งจิ่วหันหน้าไปเล็กน้อย ผุดรอยยิ้มส่งให้อีกฝ่าย เวลาไม่นาน หลังจากชนะสิบคน ที่เหลือตกรอบ ไม่ทันไรก็เข้าสู่การทดสอบรอบสุดท้าย ต้องปรุงยาบนเวที ระดับยิ่งสูงประเภทยิ่งหายากถึงจะชนะ

เห็นสมุนไพรหลายสิบชนิดที่จัดวางไว้บนโต๊ะ เฟิ่งจิ่วก็ลงมือปรุงยา วิธีการปรุงของเธอไม่เหมือนใคร ต่อให้คนอื่นเห็น ก็เรียนไปไม่ได้

เพราะมันคล้ายกับการทดลองสมัยใหม่ ผ่านการจัดการและสกัดไปแต่ละขั้นตอน สุดท้ายถึงจะปรุงได้เป็นรูปเป็นร่าง หลังจากเธอปรุงน้ำยาสีเขียวขวดหนึ่งออกมา ก็เดินมายังเบื้องหน้าผู้ตัดสินของสมาคมนักปรุงยาทั้งแปดท่าน แล้วนำยาวางไว้ตรงหน้า

“เชิญตรวจสอบได้”

“นี่คือยารึ? สีสันสวยงามนัก” หนึ่งในนั้นผู้ตัดสินหญิงอายุราวสามสิบกว่ามองน้ำยาครึ่งขวดโปร่งใสนั้นอย่างตกตะลึง และเหลือเชื่อนิดหน่อย

“พี่สาวผู้สวยสง่างาม นี่คือยาแน่นอน ด้วยความสัตย์จริงไม่มีเท็จ”

เฟิ่งจิ่วขยิบตาให้นาง รอยยิ้มชั่วร้ายและดวงตาสดใสพร้อมรอยยิ้มทำให้นักปรุงยาหญิงอายุสามสิบกว่าสีหน้าแดงน้อยๆ ความอึดอัดใจเผยอยู่บนใบหน้า

เห็นภาพเช่นนี้ หลิงโม่หานก็ขมวดคิ้ว แอบคิดว่า ‘เด็กคนนี้ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!’

……………………………

ตอนที่ 176 ทำให้สลบแล้วแบกไป!

เวลานี้ เฟิ่งจิ่วหันข้างเล็กน้อย มองถามหลิงโม่หานยิ้มๆ “ท่านอาหลิง ไยท่านถึงเอาแต่จ้องข้าล่ะขอรับ?”

ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้านักปรุงยาหญิงก็เอ่อล้นออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ สายตาที่มองเฟิ่งจิ่วมีความอ่อนโยนอยู่บางส่วน “เจ้าหนุ่มน้อย บอกหน่อยสิ ว่ายาขวดนี้มีสรรพคุณอะไร?”

“ยาขวดนี้คือน้ำยาเร่งความเร็วขั้นสาม ขอแค่ดื่มมันเข้าไป ในยามที่ต้องหนีเอาตัวรอด ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้เป็นสิบเท่า ต่อให้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณถูกปรมาจารย์พลังวิญญาณตามฆ่า แค่ดื่มยาขวดนี้ ก็สามารถมีความเร็วในการหนีที่มากพอขอรับ”

ฟังคำพูดนี้ ผู้คนทั้งบนล่างเวทีต่างสูดหายใจ ดวงตาแต่ละคู่ล้วนจ้องมองยาสีเขียวขวดนั้นอย่างมีประกายละโมบ หากเป็นอย่างที่เขาบอก นี่ก็ไม่ใช่ยาธรรมดา แต่เป็นน้ำยาทิพย์ที่ช่วยชีวิตได้ในเวลาคับขัน!

“หึ! ไร้สาระ!”

อาจารย์นักปรุงยาสำนักศึกษาหมอกดาราเดินเข้ามา นำยาวางบนโต๊ะ เหลียวมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ช่างน่าขันเสียจริง! ข้าคลุกคลีกับยามาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยได้ยินว่ามียาเร่งความเร็วอะไรนี่ พูดจาเหลวไหลสิ้นดี!”

“นั่นเพราะท่านอายุมากเพียงนี้ก็ยังเป็นแค่ยอดนักปรุงยาระดับสาม จึงรู้แค่ว่าระดับการกลั่นยานั้นมีขีดจำกัด”

คำพูดลอยชายกลับทำให้ผู้อาวุโสท่านนั้นโกรธเสียจนสีหน้าแดงฉาน ชี้เฟิ่งจิ่วด้วยความโมโห “เจ้า เจ้าเด็กสามหาวนี่! ช่างหยิ่งผยองจริงๆ! ไม่รู้ความเอาเสียเลย!”

“เอาล่ะ พวกท่านไม่ต้องเถียงกันแล้ว ยาขวดนี้เป็นยาระดับสูงขั้นสามจริงๆ”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ตรงกลางเอ่ยปาก คนอื่นๆ ล้วนเงียบไป แม้แต่อาจารย์สำนักศึกษาหมอกดารายังเบิกสองตาขึ้น “ท่านประมุขอวี๋ ท่านดูผิดหรือไม่? เด็กนี่จะกลั่นปรุงยาระดับสูงขั้นสามออกมาได้รึขอรับ?”

ได้ยินเช่นนี้ ประมุขอวี๋ผู้นั้นก็ไม่พอใจ “เฉินเหล่า เจ้าตั้งคำถามกับความสามารถในการวินิจฉัยของข้ารึ?”

เห็นหน้าเขาไม่สบอารมณ์ อาจารย์นักปรุงยาสำนักศึกษาหมอกดาราถึงจะรีบร้อนจัดการอารมณ์ กล่าวด้วยความเคารพ “ไม่กล้าขอรับ ท่านประมุขอวี๋คือประมุขของสมาคมนักปรุงยา ผู้มีอำนาจในแวดวงการยา ย่อมมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางเป็นธรรมดา ข้าเสียสติไปเอง ขอท่านประมุขอวี๋อย่าได้ถือโทษ”

ขณะพูด เขามองไปที่เฟิ่งจิ่วข้างๆ แววตาสับสน ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะแพ้พ่ายแก่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

แววตาหลิงโม่หานสั่นไหวน้อยๆ หลังจากสายตาจับจ้องบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดง ก็หรี่ดวงตาลงเล็กน้อย

ประมุขตลาดมืดล่างเวทีฟังคำพูดประมุขอวี๋ ก็ตื่นเต้นเสียจนแทบจะร้องไห้ออกมา “เป็นน้ำยาทิพย์ขั้นสาม! เป็นยาทิพย์ขั้นสาม!” เดิมที่คิดว่าไม่มีหวังแล้ว แต่ใครจะรู้ ว่าสุดท้ายจะมีเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไรเล่า?

ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ คนชุดดำสิบหกคนก็โผล่พรวดออกมา สิบคนในนั้นมีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด หกคนที่เหลือเป็นระดับหลอมแก่นพลัง พอพวกเขาปรากฏตัว แรงกดดันมหาศาลกระจายออกมาทันใด และปกคลุมทั่วทั้งภูเขานี้ไว้

“ซี๊ด! คนของตำหนักยมราช!”

“อะไรนะ! คนของตำหนักยมราชรึ? หนีเร็ว!”

“อ๊ะ! หนีเร็วเข้า! คนตำหนักยมราชมาแล้ว!”

ชั่วขณะหนึ่ง ฝูงชนแตกตื่นวิ่งหนีกันโกลาหล เสียงอุทานและกรีดร้องกึกก้องอยู่บนภูเขาไม่ขาดสาย เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี แรงกดดันอีกฝ่ายแกร่งเกินไป วินาทีแรกเฟิ่งจิ่วจึงพุ่งลงไปล่างเวที พลางตะโกนว่า “เหลิ่งซวง รีบหนีลงเขาไป!”

เพิ่งสิ้นสุดคำว่าไป แรงกดดันทรงพลังก็โจมตีมา ทำทั้งร่างเธอแข็งทื่อ เวลาต่อมา เพียงรู้สึกเจ็บหลังต้นคอ ร่างกายหมดสติล้มลงไป

“นายท่าน!”

เหลิ่งซวงเห็นนางถูกทำให้สลบแล้วแบกไป ตกใจเสียจนพุ่งตัวไปด้านหน้า ทว่าสุดท้ายพละกำลังมีขีดจำกัด กระแสลมแข็งแกร่งโจมตีมา จึงถูกกระแทกออกไปเสียดื้อๆ พอมองไปอีกครั้ง ก็ไม่เห็นเงาร่างนายท่านและสิบหกคนนั้นแล้ว…

……………………………