บทที่ 175 พวกเจ้าทุกคนมาทำอะไรกันที่นี่
เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ต่างไม่ชอบเฉียวเทียนอวี๋ เพราะคนอย่างเขาไม่มีจุดยืนของตนเอง และเอาแต่ทำตามคำสั่งของเฉียวเจิ้งหงเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วจนมีรอยย่น “เฉียวเทียนอวี๋รึ”
“ใช่ ถ้าให้พูดตรงๆ แล้ว พวกเราเองก็สงสัยเช่นกันว่าเฉียวเจิ้งหงทำให้เฉียวเทียนอวี๋กลายเป็นหุ่นเชิดได้เช่นไรกัน” หลินจือโยวและเซียวฉีเทียนต่างส่ายศีรษะ
เฉียวเทียนช่างเย้ยหยัน “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า มีวิธีตั้งมากที่จะบังคับควบคุมผู้คน”
เขาอาจจะใช้ยาหรือวิธีอื่นๆ ทุกวิถีทาง เพื่อทำให้เป้าหมายของตนเองนั้นประสบความสำเร็จ
ส่วนเฉียวเทียนอวี๋นั้นยอมเชื่อฟังเขาอย่างเต็มใจไหมน่ะหรือ เฉียวเทียนช่างเชื่อว่าเขาอยากจะกำจัดมือที่คอยควบคุมเขาอยู่เช่นกัน
“เจ้าหมายความว่าอะไรรึ”
“เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนเช่นไรกันเล่า” เฉียวเทียนช่างมองชายทั้งสองและเอ่ยถามอย่างเรียบง่าย และมิได้กังวลเลยว่าเฉียวเทียนอวี๋นั้นกำลังจะมาจัดการตนเอง
เซียวฉีเทียนและหลินจือโยวมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาจึงตอบกลับพร้อมกันว่า “เขาเป็นคนที่มีฝีมือดีทีเดียวเลย”
“ถูกต้อง เขามีฝีมือชั้นยอด แล้วทำไมคนมีฝีมือเช่นเขาจะต้องยอมจำนนอย่างเต็มใจด้วยเล่า” เฉียวเทียนช่างเอ่ยถามอย่างประชดประชัน
บางทีเฉียวเจิ้งหงอาจจะมิได้ระวังตัว แต่เฉียวเทียนอวี๋นั้นเริ่มจะก่อกบฏแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว…ถ้าเช่นนั้น การมาของเขาในครั้งนี้ก็…”
“เขาจะทำตามคำสั่งของเฉียวเจิ้งหงและมาที่นี่ แต่เขาจะไม่กระทำการใดๆ จนกว่าจะรับฟังอะไรจากข้าก่อน แล้วคำสั่งของเฉียวเจิ้งหงก็จะไร้ค่า ใช่ไหมเล่า” เฉียวเจิ้งหงนั้นมิใช่แม่ทัพอีกแล้ว และเฉียวเทียนอวี๋ก็อยากจะใช้เขาในการไต่เต้าขึ้นตำแหน่ง ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นจากการถูกควบคุมได้โดยที่ไม่ต้องไต่เต้าขึ้นไป นอกจากนี้เฉียวเทียนช่างยังมีลางสังหรณ์ว่าเฉียวเทียนอวี๋นั้นมิใช่ลูกชายของเฉียวเจิ้งหงอีกด้วย
อีกอย่าง ลูกคนอื่นๆ ของเฉียวเจิ้งหงนั้นมิใช่ว่าจะเทียบชั้นกับเฉียวเทียนอวี๋ไม่ได้ แต่ทำไมเฉียวเทียนอวี๋จึงเป็นหุ่นเชิดเพียงคนเดียวของเฉียวเจิ้งหงเล่า
แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงสมมติฐานของเฉียวเทียนช่างเท่านั้น
ใบหน้าของเซียวฉีเทียนซีดเผือดเมื่อมองหน้าชายหนุ่ม ‘มิใช่ว่าเขาออกมาจากที่นั่นนานแล้วหรือ แล้วเขาจะรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนได้เช่นไรกัน’
“เทียนช่าง เจ้าไม่กังวลเลยหรือ”
“ข้าไม่ได้กังวลจนเกินควร อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างที่ข้าเคยพูดมาก่อนหน้านี้ เหยาเหยามิใช่จุดอ่อนของข้า” หนิงเมิ่งเหยาเองก็มีศักดิ์ศรีของนาง เมื่อเขาใกล้ชิดกับหนิงเมิ่งเหยา เขาจะปฏิบัติตัวกับนางอย่างเท่าเทียม ความกังวลใจของชายหนุ่มนั้นเกิดจากความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อนางเท่านั้น
หากหนิงเมิ่งเหยาต้องการจริงๆ ลานบ้านขนาดเล็กนี้ก็สามารถกลายเป็นถังเหล็กกล้าที่ไม่มีผู้ใดสามารถทะลุทะลวงเข้ามาได้
เซียวฉีเทียนพูดไม่ออก และเมื่อเขาคิดถึงทงเป่าไจ ก็ยิ่งไม่มีอะไรจะพูดในทันที มีคนทรงอำนาจจำนวนมากอยู่ท่ามกลางทงเป่าไจ และหนิงเมิ่งเหยาเองก็มีคนจำนวนมากอยู่รอบข้างตนเองเช่นกัน บางทีนางอาจจะไม่อยากถูกรบกวนก็ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินจือโยวมองพวกเขาพูดคุยกัน และรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง “ข้าว่าข้าไม่เข้าใจเรื่องที่ท่านทั้งสองกำลังพูดคุยกันเท่าไหร่นัก” ‘ตอนนี้เขาต้องเป็นกังวลมิใช่หรอกรึ แล้วทำไมจู่ๆ เขาจึงบอกว่าตนเองเข้าใจแล้วเล่า’
“นั่นเพราะว่าเจ้าเป็นคนโง่เง่าเช่นไรเล่า”
“เจ้า…”
“นายท่าน พวกเรามาหาขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น เหลยอันก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนอีกจำนวนหนึ่ง รวมแล้วมีไม่ต่ำกว่าสิบคน
เฉียวเทียนช่างรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่เห็นคนจำนวนมากเดินเข้ามาในบ้านของตน เขาจึงขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก “พวกเจ้าไม่มีอะไรทำหรือไร มาทำอะไรกันที่นี่รึ”
เหลยอันยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “นายท่านแจ้งว่ากำลังจะแต่งงานมิใช่หรือขอรับ ดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือน่ะขอรับ ท่านบอกว่าการจัดเตรียมงานแต่งงานนั้นเหน็ดเหนื่อยใช่ไหมเล่า เพราะฉะนั้นท่านคงจะต้องการความช่วยเหลือ จริงไหมขอรับ” พวกเขาทั้งหมดเพิ่งมาถึง ชายหนุ่มจึงมิอาจจะขับไล่ไสส่งพวกเขาได้ มิเช่นนั้น นั่นจะทำให้เขาดูเป็นคนใจร้ายจนเกินไป!
เฉียวเทียนช่างมองพวกเขาอย่างเมินเฉย “พวกเจ้ามากันเร็วเกินไป”
เหลยอันและคนอื่นๆ มองดูชายหนุ่มอย่างไร้เดียงสา “ท่านคงจะไม่กล่าวโทษพวกเราที่มาเร็วเกินไป ก็นายท่านมิได้ระบุให้ชัดเจนว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ จริงหรือไม่ขอรับ”
เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วใส่เหลยอัน “ถ้าเช่นนั้น นี่จึงเป็นความผิดของข้าสินะ”
เหลยอันส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว ‘เขาจะกล้าพูดได้อย่างไรเล่าว่ามันเป็นความผิดของเฉียวเทียนช่าง เขายังอยากจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้นะ!’
บทที่ 176 เด็กที่เอาแต่ใจกลุ่มหนึ่ง
เมื่อหนิงเมิ่งเหยากลับมาและเห็นว่ามีคนมาเป็นกลุ่มใหญ่ นางจึงอึ้งไปและหันมองเฉียวเทียนช่าง “พวกเขาเป็นใครกันหรือ” นางเพิ่งออกไปเพียงครู่เดียว แล้วจู่ๆ ตอนนี้ที่บ้านก็มีคนมามากมาย
เฉียวเทียนช่างถูจมูก ก่อนจะอธิบาย “นี่คืออดีตลูกน้องของข้าน่ะ”
“อ้อ ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นก็ไปพูดคุยกันที่บ้านของเจ้าสิ” คนงานกำลังจะเริ่มทำงานเร็วๆ นี้ พวกเขาคงไม่สบายใจนักหากเห็นกลุ่มคนเยอะแยะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้กลุ่มคนรอบข้างยังส่งเสียงดังอีกด้วย
เฉียวเทียนช่างครุ่นคิดและเข้าใจความหมายที่หญิงสาวต้องการจะสื่อ ดังนั้นเขาจึงตอบ “ตกลง ไปกันเถอะ”
“ตกลง ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปขึ้นเขาดูว่าพอจะมีอะไรให้เราเอามาทำปิ้งย่างกันคืนนี้ดีหรือไม่” การทำอาหารให้คนจำนวนมากนั้นค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นหากพวกเขาใช้วิธีปิ้งย่างก็จะง่ายดายและสะดวกกว่า
“แน่นอน เดี๋ยวข้ากลับมานะ” เขาตอบตกลงและพาคนของตนเองจากไป
หลังจากเหลยอันและคนอื่นๆ ออกจากลานบ้านของหนิงเมิ่งเหยา เหลยอันก็เอ่ยถาม “นายท่าน พี่สะใภ้ไม่ชอบเราหรือขอรับ”
เฉียวเทียนช่างมองเขาแปลกๆ “ทำไมเจ้าจึงพูดเช่นนั้นเล่า”
“ก็แค่รู้สึกเช่นนั้นน่ะขอรับ”
“พอดี หลังจากนี้ที่บ้านจะมีงานบางอย่างต้องทำน่ะ หากมีคนมากมาย มันจะดูไม่ดีเอา เข้าใจไหม” เฉียวเทียนช่างจ้องมองเหลยอันเขม็ง และเอ่ยอย่างคลุมเครือ
เหลยอันตบอกของตนเอง และเกือบจะร้องไห้ ‘นายท่าน โปรดอย่ามองข้าเช่นนั้นสิขอรับ ท่านไม่รู้หรือว่าดวงตาของท่านทำให้ข้าหวาดกลัวน่ะ’
เหลยอันและคนอื่นๆ มีฝีมือด้านการล่าสัตว์อย่างยิ่ง ในเวลาไม่นานพวกเขาสามารถล่าเหยื่อได้มากมาย ทั้งยังจับหมูป่าได้ถึงสองตัวอีกด้วย
หนิงเมิ่งเหยาชอบเนื้อกวางมาก เพราะมันค่อนข้างเหนียวนุ่ม ดังนั้นเฉียวเทียนช่างจึงล่ากวางมาสองตัว รวมถึงกระต่ายและไก่ฟ้าอื่นๆ อีกด้วย
“กลับกันเถอะ”
หนิงเมิ่งเหยาถึงกับปวดศีรษะหลังจากเห็นสัตว์ป่าที่ชายหนุ่มรวบรวมมาได้ ‘แล้วพวกเขาจะทำความสะอาดพวกมันทั้งหมดเช่นไรกันเนี่ย’
“ชิงเซวียนและพวกเจ้าสองสามคนช่วยถลกหนัง จากนั้นก็มาที่นี่เพื่อช่วยหั่นเนื้อนะ” จนสุดท้าย หนิงเมิ่งเหยาก็ขอให้ชิงเซวียนและคนอื่นๆ เข้าไปช่วยเฉียวเทียนช่างและกลุ่มชายหนุ่ม
นับว่าเป็นโชคดีที่เหล่าชายหนุ่มมักออกล่าสัตว์ตอนที่อยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นพวกเขาจึงทำความสะอาดสัตว์ที่ล่ามาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ทุกอย่างก็เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพวกเขาเตรียมของเสร็จ เฉียวเทียนช่างก็เริ่มหั่นเนื้อ ไม่นานหลังจากนั้น หม้อขนาดใหญ่ใบหนึ่งก็เต็มไปด้วยชิ้นเนื้อ
เมื่อเซียวฉีเทียนและหลินจือโยวเห็นความช่ำชองของชายหนุ่ม ทั้งคู่ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าบางทีเขาอาจจะทำอาหารเป็นจริงๆ ก็ได้
พวกเขาตระเตรียมพวกเนื้อสัตว์ ในขณะที่หนิงเมิ่งเหยานั้นกำลังเตรียมผักต่างๆ อย่างเช่น ผักกาด มันฝรั่ง และข้าวโพด เป็นต้น
เมื่อทุกคนเตรียมวัตถุดิบเสร็จสิ้น เวลาก็ใกล้ค่ำแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างมายืนล้อมรอบโต๊ะปิ้งย่างจำนวนมากมายในลานบ้านแห่งนี้ พลางคิดว่าจะเริ่มกินอะไรก่อนดี
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้กินปิ้งย่างมื้อใหญ่ขนาดนี้ และเนื้อสัตว์นั้นก็สดใหม่ใช้ได้เลยทีเดียว
“เจ้าอยากกินอะไรหรือ เดี๋ยวข้าทำให้” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาและเอ่ยกระซิบ
“อะไรก็ได้” หนิงเมิ่งเหยาเชื่อมั่นในฝีมือการย่างเนื้อของเขา
ปกติแล้ว เมื่อรับประทานเนื้อสัตว์ จะต้องดื่มเหล้าควบคู่กันไปด้วย หญิงสาวจึงบอกชิงเซวียนให้นำเหล้าออกมา
เซียวฉีเทียนเห็นเหลยอันและคนอื่นๆ ดื่มเหล้าไปอึกใหญ่ เขาก็รู้สึกปวดร้าวในใจขึ้นมา
‘เหล่าชายหนุ่มพวกนี้เหมือนกับเป็นเด็กน้อยที่ถูกเอาใจจนเหิมเกริม พวกเขาจะรู้ไหมว่าเหล้าพวกนี้มีราคาเท่าไหร่ มันมีค่าหลายตำลึงเชียวนะ มิใช่เพียงแต่เศษหินธรรมดา’
“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ” หลินจือโยวเห็นว่าเซียวฉีเทียนมองดูบรรดาชายหนุ่มอย่างเศร้าโศก จึงถามอย่างห่วงใย
‘ชายผู้นี้ดูแปลกไป เป็นอะไรไปหรือ’
เซียวฉีเทียนกอดอกแน่นก่อนจะมองอย่างเจ็บปวดใจ “พวกเจ้าช่างเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเหลิง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหล้าที่ดื่มกันนั้นมีราคากี่ตำลึง”
“แต่พี่สะใภ้เป็นคนให้เหล้ากับเราเองนะ” หลินจือโยวชอบเหล้าอย่างมาก เมื่อเขาฟังคำของเซียวฉีเทียน เขาก็ดื่มเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่
เซียนฉีเทียนตัวสั่นระรัวและชี้ไปยังกลุ่มชายหนุ่ม “รู้หรือไม่ว่าสุราหนึ่งกาหนักไม่ถึงสองจิน แต่มีราคาถึงหนึ่งร้อยตำลึงน่ะ หนึ่งร้อยตำลึงเชียวนะ” เขาโอดครวญ ‘เหล้าเป็นสิ่งจำเป็นก็จริง แต่ทำไมนางจะต้องให้เหล้าชั้นดีด้วยเล่า’
เหล่าชายหนุ่มที่กำลังดื่มเหล้ากันอยู่ต่างตกตะลึง จากนั้นก็ก้มมองดูเหล้าในถ้วยของตนเอง*‘สุรานี้มีราคาถึงหนึ่งร้อยตำลึงเชียวหรือนี่ เป็นไปไม่ได้หรอก จริงไหม นั่นมันแพงเกินไป*พวกเขาดื่มไปเป็นจำนวนมาก ดื่มไปเท่าไหร่แล้วนะ ดูเหมือนว่าคำพูดของเซียวฉีเทียน ที่กล่าวว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจนั้นจะเป็นความจริง แต่ก็นั่นแหละ หนิงเมิ่งเหยาเป็นคนให้พวกเขาได้มีโอกาสดื่มเหล้าพวกนี้เองนี่’