ตอนที่ 129 เธอกำลังแกล้งทำเป็นตกหลุมรักอยู่ไม่ใช่เหรอ / ตอนที่ 130 กายภาพบำบัด

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 129 เธอกำลังแกล้งทำเป็นตกหลุมรักอยู่ไม่ใช่เหรอ

 

 

ราตรีสวัสดิ์?

 

 

จะให้หลับฝันดีได้ไง?

 

 

เล่นทำแบบนี้…เธอต้องนอนตาค้างทั้งคืนแน่ๆ…

 

 

หลินเยียนคิดอยู่เสมอว่า ถึงแม้เธอกับเผยอวี้เฉิงจะได้แต่งงานกันสักวันใดวันหนึ่ง เขาก็คงจะมีท่าทีจริงใจและปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพเหมือนเช่นตอนนี้ไปเรื่อยๆ

 

 

แต่ความจริงแล้ว…ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด…

 

 

แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนและสุภาพกับเธอในขณะที่พูดคุยกัน ทั้งยังทำตัวเหินห่างราวกับเป็นแค่คนรู้จัก แต่บางครั้งเขาทำให้หัวใจของเธอหลอมละลายราวกับเขาสามารถควบคุมมันได้

 

 

เผยอวี้เฉิงทำให้หลินเยียนใจเต้นไม่เป็นจังหวะมาแล้วหลายครั้งหลายหน และเธอก็ไม่อาจต้านทานได้เลย

 

 

แต่เผยอวี้เฉิงก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะทั้งคู่ก็คบหากันอยู่

 

 

หลินเยียนนอนแผ่บนเตียงพลางปลอบให้ตนใจเย็นลง แต่กว่าเธอจะข่มตาหลับลงได้ก็หลังจากนั้นหลายชั่วโมง

 

 

และเธอก็ไม่ลืมที่จะอัปเดตเว่ยป๋อของตัวเองก่อนนอนด้วย

 

 

หลินเยียนสร้างบัญชีเว่ยป๋อใหม่มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ถ้าเธอไม่รู้จะอัปเดตอะไรเป็นพิเศษ เธอก็จะเขียนโพสต์ทั่วๆ ไปแทน

 

 

เหมือนที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้…

 

 

‘หนทางพ้นทุกข์คือความรวย’ : [วันนี้ฉันรวยแล้วหรือยัง? ก็ยังนะ]

 

 

หลินเยียนเพิ่งเปิดเผยกับนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของทั้งคู่ในวันนี้ หลายๆ คนจึงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอให้หลินเยียนอัปเดตเว่ยป๋อ

 

 

แต่ทั้งๆ ที่รอมาทั้งวัน หลินเยียนกลับเขียนเพียงโพสต์สั้นๆ

 

 

นอกจากเรื่องรวยแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดถึงเรื่องอื่นบ้างเลยหรือไง?

 

 

ทำไมถึงโพสต์เรื่องเดิมซ้ำซากได้ทุกวัน?

 

 

หลินเยียนเมินคำต่อว่าต่อขานเกี่ยวกับโพสต์ของเธอ หญิงสาวอ่านหนังสือไปพลางๆ ก่อนจะผล็อยหลับไป

 

 

วันรุ่งขึ้น หลินเยียนไม่มีคิวนัดถ่ายภาพยนตร์และไม่มีตารางงานใดๆ ในวันนี้ จ้าวหงหลิงจึงอนุญาตให้เธอพักผ่อนตามใจชอบได้

 

 

บทที่หลินเยียนได้รับใน ‘พานพบคนที่ใช่’ เป็นเพียงแค่บทสมทบ ดังนั้น เธอจึงไม่มีคิวต้องเข้าฉากมากมายเท่าไรนัก คิวถ่ายวันแรกของเธอคืออีกราวสองสามวันหลังจากนี้

 

 

หลินเยียนจึงออกเดินทางไปที่โรงพยาบาล

 

 

เธอบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจนับตั้งแต่เมื่อครั้งที่เดินทางกลับบ้านเกิด ในช่วงแรก หลินเยียนเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์ตามนัดเป็นประจำ แต่หลังจากนั้นเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะรักษา ซ้ำร้ายยังเลิกทำกายภาพบำบัดที่ขาไปแล้วอีกด้วย

 

 

แต่เพื่อที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เธอจะต้องแข็งแรงสุขภาพดี

 

 

หลินเยียนนัดพบจิตแพทย์ของเธอในวันนี้

 

 

เพื่อนร่วมทีมที่ต่างประเทศเคยแนะนำให้เธอรู้จักกับจิตแพทย์คนนี้ ดังนั้นเธอจึงมาตามคำแนะนำของเขา

 

 

“สวัสดี คุณหลิน ไม่เจอกันตั้งนานนะ” จิตแพทย์ทักทายเธอ

 

 

หลินเยียนตอบ “สวัสดีค่ะ คุณหมออัน”

 

 

จิตแพทย์กวาดตามองเธอแล้วยิ้มให้ “วันนี้มีอะไรให้ช่วยเหรอคะ”

 

 

หลินเยียนตอบกลับ “อยากให้คุณหมอช่วยตรวจฉันหน่อยค่ะ ช่วงนี้ฉันไม่ได้กินยาเลยสักเม็ด แต่ฉันสงสัยว่าทำไมฉันถึงอาการดีขึ้น”

 

 

จิตแพทย์สาวจ้องมองเธอก่อนยิ้มกว้าง “หมอคงไม่ต้องตรวจอะไรหรอกค่ะ ตั้งแต่เห็นคุณเดินเข้ามา หมอก็บอกได้เลยว่าคุณสบายดีมากๆ”

 

 

หลินเยียนลูบหน้า “หือ…จริงเหรอคะ ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

 

 

คุณหมออันถามกลับ “มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเหรอคะ”

 

 

หลินเยียนกระพริบตาถี่ๆ “เรื่องดีๆ เหรอคะ”

 

 

หมอสาวลองถามหยั่งเชิง “อย่างเช่น…ความรัก?”

 

 

หลินเยียนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “หมอรู้ได้ไงคะ”

 

 

เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ หลังจากที่พูดจบ

 

 

อืม…นี่มันพิลึกชะมัด ถึงแม้ว่าเธอกำลังคบหากับใครบางคนอยู่ก็จริงแต่ก็เป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำไม่ใช่เหรอ

 

 

คุณหมอหัวเราะคิกคักเบาๆ “ดูเหมือนว่าคุณจะหายดีแล้วนะคะ คงไม่ต้องให้หมอตรวจแล้วละค่ะ”

 

 

 

 

ตอนที่ 130 กายภาพบำบัด

 

 

หลินเยียนเกาหัวตัวเองแกรกๆ เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองเป็นอย่างไร “ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเลยค่ะ และฉันเองก็ไตร่ตรองหลายๆ อย่างมาสักพักแล้วเหมือนกัน นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันดีขึ้นมาก…ยังไงก็ขอขอบคุณนะคะ หมออัน!”

 

 

ก่อนหน้านี้ หลินเยียนเพิ่งปรึกษากับหมออันเรื่องที่เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองไป

 

 

เธอถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำเบาๆ “ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณหมอเหมือนกันค่ะ จริงๆ แล้วมันเป็นสาเหตุหลักที่ฉันมาหาคุณหมอในวันนี้เลย ถึงช่วงนี้จะไม่ค่อยเป็นอะไรแล้วก็เถอะค่ะ แต่ฉันก็ยังกังวลอยู่ดี”

 

 

คุณหมออันพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ “คุณรับการวินิจฉัยอย่างละเอียดมาแล้วหลายครั้ง ฉันเลยไม่คิดว่าปัญหานี้มีสาเหตุมาจากร่างกายหรือสุขภาพของคุณ สงสัยว่าน่าจะเป็นปัญหาทางจิตค่ะ”

 

 

แพทย์หญิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อว่า “คุณหลิน เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่คุณทำตอนไม่มีสติอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการจะทำมาตลอดโดยไม่รู้ตัว”

 

 

“หา?” หลินเยียนตกใจ

 

 

สิ่งที่เธออยากจะทำมาตลอด?

 

 

นี่หมอกำลังจะบอกเป็นนัยว่าหลินเยียนเป็นคนลามกหรือเปล่า?

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ…” หลินเยียนกระแอมไอให้คอโล่ง

 

 

คุณหมออันหัวเราะ “ที่จริงแล้วก็เคยมีเคสคล้ายๆ กันนี้มาก่อนนะคะ ผู้ป่วยบางคนเก็บซ่อนความปรารถนาไว้ลึกๆ ภายในจิตใต้สำนึกแล้วพยายามเก็บไว้อย่างนั้นเป็นเวลานาน เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปได้ที่คุณจะทำบางอย่างในขณะที่คุณไม่มีสติค่ะ เพียงแค่คุณอาจจะลืมมันไปหรือว่าเลือกปิดตายความทรงจำนั้นไว้หลังจากที่เกิดขึ้น”

 

 

“ถ้างั้นฉันก็อาจจะเคยคุยกับตัวเองเหรอคะ”

 

 

“ก็เป็นไปได้ค่ะ…”

 

 

หลินเยียนพึมพำกับตัวเอง การวินิจฉัยของหมออังฟังดูเข้าท่ากว่าที่เธอเคยคิดว่าตัวเองผีเข้าหรือที่เธอคิดว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหลายบุคลิก

 

 

 

 

หลินเยียนคงสิ้นหวังมากจนถึงขนาดคิดไร้สาระไปแบบนั้นได้

 

 

หากเธอป่วยด้วยโรคหลายบุคลิกจริง เธอควรจะมีอาการและพฤติกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย แต่นอกเหนือจากเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นโดยหาสาเหตุไม่ได้แล้ว ทุกอย่างก็ดูปกติดี และยังแทบจะไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันหรือสุขภาพจิตของเธอด้วย

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น…

 

 

ถ้าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นเพราะความปรารถนาจากส่วนลึกในจิตใต้สำนึกของหลินเยียน นั่นจะไม่ยิ่งน่ากลัวกว่าอีกหรือไง

 

 

จู่ๆ หลินเยียนก็จินตนาการเห็นภาพหลอนของตัวเอกในนิยายแฟนตาซีที่ถูกควบคุมโดยปีศาจและความต้องการภายในจิตใจของเธอ

 

 

แต่สุดท้าย หลินเยียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะอาการของเธอยังไม่รุนแรงถึงขั้นนั้น

 

 

ถ้าคิดในแง่ดี ตัวตนฝั่งหื่นกระหายหรือความปรารถนาในเบื้องลึกของเธออาจจะหายไปเองก็ได้หากเธอหายจากอาการป่วยอย่างสมบูรณ์…

 

 

 

 

หลังจากที่หลินเยียนออกจากแผนกจิตเวชแล้ว เธอก็เดินไปที่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูเพื่อขอนัดรับการรักษาเป็นประจำต่อไปในอนาคต

 

 

หลินเยียนเคยจ่ายเงินค่ารักษาล่วงหน้าสำหรับหนึ่งปีเต็ม แต่เธอรู้สึกหดหู่ใจจนเกินกว่าจะกลับมารักษาต่อจนเลิกไปเสียดื้อๆ

 

 

ในตอนแรก เธออยู่ระหว่างการรักษาอาการบาดเจ็บเมื่อครั้งที่อยู่ต่างประเทศ แต่การกายภาพบำบัดของเธอมีอันต้องหยุดชะงักไป หลินเยียนจึงคิดว่าเธอควรจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

 

หากแต่สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดนั้นไม่ใช่การเริ่มกายภาพบำบัดใหม่ตั้งแต่ต้น

 

 

ภายในห้องรักษา หลินเยียนทำตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดเพื่อบริหารร่างกายอย่างน่าเบื่อซ้ำไปซ้ำมา

 

 

หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมงเต็ม หลินเยียนก็ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

 

 

นักกายภาพบำบัดจำได้ว่าหลินเยียนเป็นดาราสาวที่พัวพันอยู่กับข่าวฉาวมากมายตั้งแต่เห็นหน้าแวบแรก

 

 

เขาจึงปฏิบัติต่อหลินเยียนด้วยความดูถูกดูแคลนในตอนแรก แต่ในช่วงท้ายของการบริหารร่างกาย เขากลับอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความอุตสาหะและเพียรพยายามของเธอที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งสองชั่วโมงของการกายภาพบำบัด