บทที่ 95: นรกโฉมใหม่

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 95: นรกโฉมใหม่

ฟึ่บ…ฉินเย่ยืนอยู่ท่ามกลางทะเลสีเขียวและหมอกขาว พยายามที่จะควบคุมพลังหยินของตัวเอง กระแสน้ำวนพลังหยินที่ไหลออกมาจากมือของเขาหมุนเร็วและแรงขึ้นเรื่อย ๆ!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ…ตัวอักษรสีทองโบราณปรากฏขึ้นจากทุกทิศทางก่อนจะค่อย ๆ ลอยเข้าหากระแสน้ำวน อาร์ทิสตกตะลึง แต่ทว่าความตกตะลึงนั้นก็เปลี่ยนเป็นความตื้นตันใจในไม่ช้า “การเห็นชอบของสวรรค์! มันคือการเห็นชอบของสวรรค์!”

อย่างไรก็ตาม ฉินเย่ไม่มีพลังเหลือที่จะถามหาความหมายพวกมันอีกต่อไป เส้นเลือดบนแขนของเขาเริ่มฉีกขาดอย่างรุนแรง

อาร์ทิสเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี นางจึงเอ่ยอธิบายต่อว่า “การสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่นั้นย่อมต้องได้รับการเห็นชอบจากสวรรค์เสียก่อน และสวรรค์ได้ตอบรับคำขอของเจ้าแล้ว! สวรรค์กำลังจับตาดูเจ้าอยู่! นี่เป็นการยอมรับขั้นสูงสุดสำหรับความพยายามของเจ้า!!”

ฟึ่บ…..จำนวนตัวอักษรสีทองที่อยู่บริเวณโดยรอบเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างช้า ๆ และลอยตัวเข้าสู่ใจกลางของกระแสน้ำวน ฉายเป็นภาพมากมายให้เห็น

มันเป็นภาพของแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลเป็นเปลวไฟ บ้านโบราณรูปทรงแปลกตาทว่าน่าขนลุก ตลอดจนต้นไม้ที่มีใบไม้สีแดงเข้ม…ภาพมากมายยังคงปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ

โฮกกก…กรรร!! ระหว่างนั้น เสียงคำรามของตี้ทิงก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่เปลือกตาของมันสั่นไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ

มันพยายามอย่างมากที่จะเปิดเปลือกตาของตัวเอง

มันสัมผัสได้ว่ามันหัวขโมยจำนวนหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงกำลังพยายามที่จะขโมยพลังหยินที่มันได้รวบรวมมาอย่างยากลำบาก มันจะสามารถปล่อยอีกฝ่ายไปก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว พลังหยินพวกนั้นก็มีอยู่มากมายมหาศาลราวกับน้ำในมหาสมุทร และพลังหยินที่กำลังถูกขโมยไปก็เป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรเท่านั้น

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…สัญชาตญาณของมันบอกมันว่าหัวขโมยพวกนั้นจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ หากมันไม่รีบตื่นขึ้น หัวขโมยพวกนั้นก็จะใช้โอกาสนี้ในการขโมยพลังหยินอันจำนวนมหาศาลไปจากมัน!

“อดทนไว้…” อาร์ทิสร้อนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ความรู้สึกของนางในยามนี้นั้นซับซ้อนอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้

ในช่วงเริ่มต้นของการร่วมมือกัน ภายในใจของนางนั้นเต็มไปด้วยความต้องการที่จะสังหารฉินเย่ให้จงได้ ทว่าหลังจากที่ผ่านมา ในตอนที่ฉินเย่ตัดสินใจที่จะก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่ ความคิดของนางก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หาก…ข้าสามารถช่วยเจ้านั่นก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ เช่นนั้น…มันก็มีความเป็นไปได้ที่ข้าจะได้รับการคืนตำแหน่งในฐานะของตุลาการนรกกลับคืนมามิใช่หรือ?

เจ้าหนูนี่ถือครองเศษตราเจ้านรกเอาไว้ถึงสองชิ้น ไหนจะยังบันทึกนรกเล่มนั้นอีก ไม่เคยมียมทูตคนใดมีจุดเริ่มต้นที่ดีเช่นนี้มาก่อน

ไม่สิ ในความเป็นจริงแล้ว…ในฐานะของสมาชิกผู้ก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่ นางอาจจะได้รับการเลื่อนขั้น…หรืออาจจะเลื่อนหลาย ๆ ขั้นจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ก็เป็นได้!

และหากฉินเย่ตัดสินใจว่าตัวเองไม่อยากที่จะเป็นพระยมอีกต่อไป ไม่ใช่ว่านางจะได้รับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งนี้อย่างนั้นหรือเปล่า?

ด้วยความคิดพวกนี้อยู่ในหัว นางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลและเป็นห่วงฉินเย่ขึ้นมา

“เจ้าจะต้องทนอยู่ในนั้นก่อน! ตี้ทิงกำลังจะตื่นขึ้นแล้ว! เจ้าต้องพยายามทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนที่มันจะตื่นขึ้น!”

และทันทีที่นางเอ่ยจบ กระแสน้ำวนทั้งหมดก็ระเบิดออกเป็นวงกว้าง!

ทั่วทั้งมิติสั่นไหวอย่างรุนแรง!

เสียงร้องโหยหวนของเหล่าวิญญาณ ดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในทั่วทุกมุมของลิมโบขณะที่ท้องฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน

วงกลมแสงสีดำบริสุทธิ์ผุดออกมาจากเศษตราเจ้านรกเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ขึ้น มันนำชิ้นเศษตราเจ้านรกขึ้นไปบนท้องฟ้า และในที่สุด…มันก็กลายเป็นดวงอาทิตย์สีดำที่ลุกโชติช่วง!

“สำเร็จแล้ว…สำเร็จแล้ว!!” อาร์ทิสร้องเสียงหลงอย่างดีใจ ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงคำรามแหบแห้งที่ดูเหมือนจะเกิดจากการใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเจ้าของร่างก็ดังก้องไปทั่วทุกที

กรรรรร!!!!

ฉินเย่นั้นรู้สึกเหนื่อยอย่างน่าเหลือเชื่อ และเขาก็กำลังพยายามอย่างหนักที่จะเปิดเหลือกตาของตัวเองเอาไว้ ในทางกลับกัน อาร์ทิสเพียงก้มมองดูด้านล่างด้วยความงุนงง

ที่ผ่านมาตี้ทิงได้ฝังหัวของมันไว้ในร่างกายและที่พักฟื้นมาโดยตลอด แต่เวลานี้ มันกลับยกหัวของมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก และในเวลาเดียวกัน ดวงตาสีทองพลันลืมขึ้น มองตรงไปยังทั้งสองที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า

หนึ่งมนุษย์ หนึ่งลูกบอลผนึก และหนึ่งอสูรสบตากัน

แม้ว่าฉินเย่จะไม่สามารถเข้าใจภาษาของอสูร แต่เขาก็สามารถบอกได้จากท่าทางของมันว่าตอนนี้ตี้ทิงกำลังโกรธอย่างน่าเหลือเชื่อ

ไม่มีเวลาให้ลังเล อาร์ทิสรีบหันหลังและพุ่งตรงออกไปทันที “วิ่ง!!!”

โดยปราศจากความคิดใด ๆ ให้มากความ ฉินเย่เองก็รีบพุ่งขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเร็วสูงสุด!

ในอีกด้านหนึ่ง ตี้ทิงยังคงนิ่งสงบและไม่ส่งเสียงใด ๆ

หากทั้งสองอยู่ใกล้มากพอ พวกเขาก็คงจะได้ยินเสียงกัดฟันแน่นของอสูรศักดิ์สิทธิ์ และจากนั้น ด้วยแรงทั้งหมด มันได้เปล่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนปฐพีออกมา!

กรรรรรรรรรรรรรรร!!!

ทันทีที่เสียงคำรามดังขึ้น เกล็ดบนร่างของมันตั้งขึ้นและพุ่งไปยังชิ้นส่วนของเศษตราเจ้านรกที่ลอยอยู่กลางอากาศ!

การสะท้อนเกล็ดของตี้ทิง!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ…ไม่ว่าเกล็ดของมันจะพุ่งไปในทิศทางไหน เสียงแตกร้าวของอากาศดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เกล็ดสีทองพุ่งแหวกผ่านอากาศจนเกิดเป็นรอยแยกที่มีอยู่นับไม่ถ้วนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“ฉีกกระชากความว่างเปล่า….” อาร์ทิสอ้าปากค้างและรีบหลบเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของฉินเย่อย่างรวดเร็ว “เร็วเข้า!!”

“เฮ้ย!…ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!!” ฉินเย่กัดฟันแน่น

“เจ้าบ้า! หากเราจะต้องตายที่นี่ เจ้าควรจะเป็นคนที่ต้องตายคนแรก!” อาร์ทิสตะคอกกลับอย่างโกรธเกรี้ยว

เหมือนกับพลุสีทองที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับริบบิ้นแสงสีดำพวงท้าย เกล็ดสีทองระเบิดออกพร้อมกัน ทันใดนั้น ดวงตะวันสีดำที่ลุกโชนอยู่บนฟ้าพลันสั่นไหว และค่อย ๆเปิดออก

ใช่แล้ว มันเปิดออก

ราวกับดอกบัวสีดำที่บานออก ทีละชั้นทีละชั้น แต่ละกลีบของมันเกิดจากการควบแน่นของพลังหยิน ค่อยๆบานออกและใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ…และท้ายในที่สุด มันก็เปลี่ยนร่างเป็นดอกพลับพลึงสีดำที่มีพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตรอยู่ภายใต้ร่างของฉินเย่ โอ่อ่าและอลังการเป็นอย่างมาก!

ตูม ตูม ตูม!!! ทันทีที่เกล็ดสีทองปะทะเข้ากับกลีบสีดำของดอกพลับพลึง เปลวเพลิงนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุดพลันลุกโชนไปทั่วฟ้า อย่างไรก็ตาม กลีบดอกทั้งหมดยังคงไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ และทันใดนั้น ผืนดินก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ!

กรรร….!!! ตี้ทิงจ้องมองไปยังดอกพลับพลึงสีดำที่บานอยู่บนฟ้า การใช้แรงเกินกำลังทำให้เลือดสีทองจำนวนมากไหลออกมาจากหลังของมัน อสูรตัวใหญ่คำรามออกมาอย่างเจ็บปวดและล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

โครมมม….การล้มลงของมันส่งผลให้เกิดฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว

รูม่านตาของมันยังคงจับจ้องไปที่ดวงตะวันสีดำบนฟ้าไม่ขยับ แขนขาสั่นทำอย่างอ่อนแรงขณะที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

กลับขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้ว่าอาร์ทิสและฉินเย่จะเคลื่อนตัวผ่านเศษตราเจ้านรกมาแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังสามารถบอกได้ว่าแสงสว่างด้านล่างได้หายไปแล้ว และตอนนี้….ความมืดที่กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทรที่ไร้ที่สิ้นสุดได้เข้ามาแทนที่

“เวรเอ๊ย!!” ฉินเย่ไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไป นี่มันเลือด เหงื่อ และหยาดน้ำตาของเขา มันคือการก่อสร้างเมืองด้วยน้ำมือของเขาเองเชียวนะ!

แวบเดียว….ขอหันดูแค่แวบเดียว! ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ทนหันไปดูไม่ได้จริง ๆ!

ขณะที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มเปี่ยม เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นและหันหลังกลับไปมองความพยายามของตัวเอง

เท่าที่สายตาสามารถมองเห็น ผืนดินผืนหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางอากาศ มันมีทั้งแม่น้ำเปลวเพลิง ต้นไม้ที่มีใบสีแดงเข้ม ตลอดจนอาคารทรงจีนโบราณหลายหลัง

เปลวเพลิงนรกสีเขียวจำนวนมากลอยอยู่รอบ ๆ ผืนดินอย่างน่าขนลุก แทบจะเหมือนกับหิ่งห้อยในคืนฤดูร้อน โคมไฟสีแดงเข้มหลายดวงห้อยลงมาจากชายคาของอาคารแต่ละหลัง บนตัวของโคมไฟทุกดวงจะมีตัวอักษรสีดำที่อ่านว่า “ฉิน” เขียนอยู่

มันคือดินแดนของคนตาย

สวรรค์ของดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับ!

แต่ทั้งหมดที่เห็นนั้นเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 50 เมตรเท่านั้น ส่วนที่เหลือของพื้นที่ยังคงเป็นความมืดมิดที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก อาร์ทิสที่เห็นเช่นนั้นจึงตะโกนบอกเสียงดัง “ไปได้แล้ว!!! การขยายของดินแดนจะเสร็จสมบูรณ์ในเวลาหนึ่งสัปดาห์! หากพวกเราไม่ออกไปตอนนี้ เราจะต้องกลายเป็นอาหารของตี้ทิงเป็นแน่!!”

ฟึ่บ….ทันใดนั้นเอง กลีบสีดำทั้งหมดของดอกพลับพลึงสีดำก็เริ่มหดตัวและหุบลง ภายในเวลาเพียงเสี้ยวนาที มันก็เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำวนพลังหยินอันรุนแรงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมันยังคงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลยสักนิด!

ด้านล่าง ร่างของตี้ทิงล้มลงกับพื้นอย่างแรง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังขณะที่มองไปยังร่างสองร่างบินห่างออกไป

เกลียด… เกลียด!!

การแสดงพลังอำนาจที่มาพร้อมกับการก่อตัวครั้งแรกของนรกนั้นถูกปกคลุมไปด้วยคำอวยพรของสวรรค์ และมันก็ไม่อาจถูกทำลายได้ในเวลานั้น นี่คือสิ่งที่ทำให้หัวขโมยทั้งสองสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ

“เสือที่ออกจากป่าถูกหมารังแก…[1]” อสูรร่างทองอ้าปากของมันออก เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมขณะที่มันเปล่งเสียงพูดออกมา ในขณะที่อ้าปากค้างเพื่อสูบอากาศเข้าไปในร่างคล้ายกับเครื่องสูบลม จากนั้น ขณะที่เงาของร่างทั้งสองเคลื่อนที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ตี้ทิงก็อ้าปากกว้าง และแสงสีขาวซีดก็ระเบิดออกมาจากด้านใน!

การโจมตีนี้ดูเหมือนจะเป็นการดึงพลังส่วนสุดท้ายของมันออกมาใช้ ประกายสีทองบนร่างของมันหม่นแสงลงเล็กน้อย และดวงตาของมันก็ปิดสนิท ไม่มีแรงที่จะเห็นผลลัพธ์ของการโจมตีครั้งสุดท้ายของตนเองอีกต่อไป

เร็ว

เร็วมาก!

มันรวดเร็วจนไม่สามารถหาคำบรรยาได้ จนถึงตอนนี้ ดอกพลับพลึงสีดำได้หุบไปแล้ว และมันไม่มีพลังที่จะสามารถปกป้องฉินเย่จากการโจมตีสุดท้ายของตี้ทิงได้อีกต่อไป กว่าที่ฉินเย่จะตระหนักถึงการโจมตีที่กำลังพุ่งมาที่ตน ลำแสงดังกล่าวก็มีขนาดกว่าสิบเมตรและอยู่ห่างจากเขาอีกไม่ถึงร้อยเมตรเท่านั้น!

และมันไม่เชิงว่าเขาเพิ่งจะรับรู้ถึงมัน

กลับกัน เขาไม่มีเวลาที่ตอบสนองใด ๆ เลยด้วยซ้ำ!

บรรยากาศที่เลวร้ายและหายใจไม่ออกได้กลืนกินร่างของฉินเย่ ลำแสงสีขาวทิ้งรอยแผลสีแดงเข้มเอาไว้ทุกที่ที่มันผ่าน แม้แต่ในลิมโบเองก็ตาม วินาทีนั้น ฉินเย่ได้กลิ่นของความตายเป็นครั้งแรกในชีวิต

เขาไม่ได้หวาดกลัวต่อความตาย แต่เขาก็ยังเกลียดมันอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะลืมสิ้นทุกอย่างเมื่อกลับมาเกิดอีกครั้ง และเขาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง…เขาหวงแหนอดีตของตัวเองทั้งหมด!

“ให้ตายเถอะ!!!” ฉินเย่หมุนตัวกลับไปและคำรามออกมาเสียงดัง แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางหนีแล้ว มือทั้งสองข้างกำแน่น เครื่องแบบยมทูตที่สวมอยู่กระพืออย่างรุนแรง เด็กหนุ่มรวบรวมพลังหยินทั้งหมดที่มีเหลืออยู่ในร่างกาย เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวังขณะที่พยายามฟันไปที่ลำแสงที่กำลังพุ่งมาหาตนด้วยความเร็วสูง

นักล่าวิญญาณที่สูงไม่ถึงสองเมตร

รวบรวมแรงที่เหลือทั้งหมดในร่าง เพื่อต่อสู้กับอสูรที่บาดเจ็บสาหัสและกำลังอยู่ในช่วงลมหายใจสุดท้ายของมัน

หากมองจากที่ที่ห่างออกไป มันแทบจะดูเหมือนกับมดตัวเล็กที่พยายามจะเขย่าต้นไม้ต้นใหญ่

“สลาย…” เส้นเลือดโหนกนูน และดวงตาแดงก่ำ ฉินเย่คำรามออกมาเสียงดัง “สลายไปเส้!!!”

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนลงมือไวกว่าเขา

อาร์ทิสเคลื่อนที่มาอยู่ตรงหน้าของฉินเย่ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้ตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นเสียอีก

เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ตอนนี้ ลำแสงตรงหน้าอยู่ห่างจากฉินเย่เพียงไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น

ภาพเสมือนจริงสีสันสดใสที่มีเส้นผมดำยาวที่ดูคล้ายกับงูจำนวนมากที่โผล่ออกมาจากรัง ลิ้นยาวยื่นออกไปจนสุดพื้น ภาพที่น่าตกตะลึงถูกฉายออกมาด้านนอกของลูกบอลผนึกทรงกลม

“อรากษสะ…” ฉินเย่งงงวย เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

อาร์ทิสปรากฏตัวออกมาในช่วงเวลาแบบนี้…

“เฮอะ…” อาร์ทิสแค่นหัวเราะออกมา “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้….”

“เจ้าหนู…ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องสร้างยมโลกขึ้นมาให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยตัวเองเสียแล้ว…”

สิ้นประโยคสุดท้าย ร่างทั้งร่างของนางก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงนรกที่ไร้ที่สิ้นสุดซึ่งขยายออกไปกินรัศมีหลายร้อยเมตรราวกับกลุ่มดาวที่หมุนรอบดวงจันทร์ มันเป็นระดับพลังที่แตกต่างกับฉินเย่อย่างสิ้นเชิง มันเป็นทุ่งเพลิงสวรรค์!

การแสดงพลังของอาร์ทิสนั้นดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แต่ในสายตาของฉินเย่ อาร์ทิสในยามนี้นั้นดูราวกับเทพธิดาแห่งความเมตตาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับกลุ่มดาวนับล้านดวงระยิบระยับอยู่ด้านหลังของนาง

ภูตผีปีศาจเองก็มีหัวใจเช่นกัน

และตัวนางเอง ก็มีความรู้สึกเช่นกัน

ยืนหันหน้าไปทางแสงสีขาวที่พุ่งมาจากด้านล่าง อาร์ทิสลืมดวงตาอันแดงก่ำของนางและเอ่ยเสียงเบาว่า “หมื่นภูตผีกลืนกินดวงวิญญาณ”

0.1 วินาที

ระยะเวลาเพียง 0.1 วินาที

ภูตผีนับพัน….ไม่สิ ผีโครงกระดูกสีเขียวกว่าหมื่นตนมารวมตัวกันอยู่เบื้องหลังของอาร์ทิส และพุ่งไปที่ลำแสงสีขาวด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง!

ครืนนนนน!!

แรงจากการปะทะส่งผลให้ภายในลิมโบสั่นไหวอย่างรุนแรง แม้แต่สิ่งมีชีวิตในลิมโบก็รู้สึกได้ถึงแรงปะทะนี้

หากการโจมตีอันทรงพลังของอาร์ทิสนั้นเปรียบได้กับการถือกำเนิดของโลก การโจมตีของอาร์ทิสก็เป็นเหมือนกับการไหลย้อนกลับของแม่น้ำแห่งดวงดาวที่ไหลอยู่บนท้องฟ้า

ตุลาการนรกปะทะพระยม!

“อึก!!” ฉินเย่กระอักเลือดออกมา สติของเขานั้นกำลังเลือนลางและใกล้จะดับลงทุกที ผลกระทบจากการปะทะกันของพลังนั้นมีมากเกินไป และเขาเองก็ไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เป็นเหมือนกับว่าวที่เชือกควบคุมขาด เขาถูกกระแทกไปด้านหลังและลอยปลิวออกไป

ไม่มีใครรับรู้สึกสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป เมื่อเศษตรานรกได้สร้างยมโลกแห่งใหม่ขึ้นมา นครวิญญาณซึ่งอยู่ในส่วนลึกของแม่น้ำแยงซีมานานกว่าพันปีได้พังทลายลง

ยมโลกแห่งเก่าได้จากไป

ยมโลกแห่งใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว

จากวินาทีนี้เป็นต้นไป ไม่มีอีกแล้วพระตำหนักทั้ง 10 ขุมนรกทั้ง 18 ขุม หรือกงล้อแห่งสังสารวัฏ

มีเพียงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง…ที่มีชื่อว่านรกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น!

[1] สำนวนจีน เปรียบว่าผู้ที่เคยแข็งแกร่งได้สูญเสียอำนาจของตน และสถานการณ์หรือชะตากรรมของเขาก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว