บทที่ 85 หลิวอวี่ยั่วยุ Ink Stone_Fantasy
แมคเคียร์ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต ใช้ปืนยิงหัวของผู้หญิงที่เพิ่งจะบริการตนเองโดยคิ้วไม่ขมวดเลยสักนิด ราวกับเหยียบแมลงตายไปตัวหนึ่งก็มิปาน เย็นชาไร้หัวใจ ไร้ความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง
แปะแปะ! แมคเคียร์ตบมือสองครั้ง ลูกน้องที่เป็นชายวัยกลางคนสองคนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก ลากศพของผู้หญิงผมทองที่ถูกฆ่าออกไป ภายในห้องเหลือเพียงแมคเคียร์และแซนเบเกอร์สองคน
ต่อให้แซนเบเกอร์อยู่ข้างกายแมคเคียร์มาเกือบสิบปี ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต การฆ่าคนก็ฆ่ามาแล้วนับไม่ถ้วน ย่อมไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ว่าการไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์เช่นแมคเคียร์ ที่ไม่พอใจก็ยิงปืนฆ่าคน ก็ยังคงทำให้แซนเบเกอร์รู้สึกเกรงกลัว ไม่แน่ว่าหากวันใดที่พูดอะไรไม่เข้าหู แมคเคียร์ก็อาจจะยิงเขาตายก็เป็นได้ นั่นเป็นการตายที่อยุติธรรมสิ้นดี
“มีเรื่องอะไร?” แมคเคียร์รินไวน์แก้วหนึ่ง ดื่มเข้าไปอึกใหญ่แล้วจึงกล่าวถาม
“คือ เมื่อสักครู่ได้ข่าวมาว่า การซุ่มโจมตีของร็อคกี้แบร์ล้มเหลว พวกเราสูญเสียสมาชิกชั้นยอดไปเกือบสามสิบคน ร็อคกี้แบร์เองก็ถูกคนหักคอไปแล้ว…” แซนเบเกอร์ได้สติหลับมาก็กล่าวรายงานออกไปเสียงเบา
“อะไรนะ?”
แมคเคียร์ได้ฟังที่แซนเบเกอร์พูด ก็ตกใจจนลุกจากที่นั่งโดยพลัน นัยน์ตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและประกายแห่งความอยากฆ่าคน เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินกับหูโดยเด็ดขาด ร็อคกี้แบร์ลูกน้องของตนถูกผู้อื่นฆ่าไปแล้ว?
“เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้ร็อคกี้แบร์นำสมาชิกชั้นยอดไปเกือบร้อยคน บอกว่าจะไปทำการซุ่มโจมตีเพื่อหยั่งเชิงดูก่อน ความจริงฉันเคยสั่งเขาไปตั้งนานแล้วว่า ขอเพียงมีความเป็นไปได้แม้เพียงเล็กน้อย ก็ให้ฆ่าคนที่ทางตะวันออกส่งมาซะให้หมด” แมคเคียร์ใช้หมัดทุบลงไปบนจอคอมพิวเตอร์ด้านหน้า ทำให้คอมพิวเตอร์จอแอลซีดีถูกทุบจนเกิดรูขนาดใหญ่รูหนึ่ง
“พี่ใหญ่ เป็น…เป็นความจริงครับ จากคำรายงานของลูกน้องที่หนีกลับมาได้ คราวนี้ทางฝั่งตะวันออกส่งยอดฝีมือมาหลายคน โดยเฉพาะชายที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีคนหนึ่ง ฝีมือแข็งแกร่งมาก เป็นเขาที่ฆ่าร็อคกี้แบร์ด้วยกระบวนท่าเดียว…” แซนเบเกอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกัน
กล่าวตามจริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะลูกน้องที่หนีรอดกลับมาได้ ล้วนพูดเช่นนี้กันหมด แซนเบเกอร์เองก็คงไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ร็อคกี้แบร์ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย แล้วคราวนี้ยังพาสมาชิกที่เก่งกาจไปอีกเกือบร้อยคน เพียงพอที่จะต่อกรกับทหารหนึ่งกองร้อยได้เลยทีเดียว ส่วนคนที่มาจากฝั่งตะวันออกมีจำนวนน้อยนิดเท่านั้น ถึงกับฆ่าร็อคกี้แบร์และยังฆ่าสมาชิกชั้นยอดจำนวนเกือบร้อยจนพ่ายแพ้กลับมา เรื่องเช่นนี้ทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ
“ชายคนหนึ่งที่อายุไม่ถึงยี่สิบปี? จะเป็นไปได้ยังไง? ตะวันออกมีคนที่เก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นอกจากจะเป็นหนึ่งในสามราชันนักรบของจีนจะมาถึงแล้ว” แมคเคียร์ขมวดคิ้ว สงบสติอารมณ์โกรธของตนลงครู่หนึ่งพลางกล่าวออกมา
แซนเบเกอร์ได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่แมคเคียร์ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ความจริงเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าชายอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่งจะสามารถแข็งแกร่งถึงขั้นฆ่าร็อคกี้แบร์ได้ ช่างทำให้ผู้คนสั่นสะท้านจริงๆ นอกจากคิดเหมือนแมคเคียร์ว่าหนึ่งในสามราชันนักรบของจีนมาถึงแล้ว ก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่อีก
แต่ว่าจากคำรายงานของลูกน้อง พวกเขาทุกคนล้วนเห็นเย่เทียนเฉิน บรรยาลักษณะของชายที่ฆ่าร็อคกี้แบร์คนนี้ออกมาแล้ว ไม่สอดคล้องกับหนึ่งในสามราชันนักรบของจีนเลย เพราะชางหลางและเหยียนหลงอายุสามสิบกว่าปีแล้ว ลักษณะเช่นนั้นย่อมไม่ใช่ลักษณะของคนอายุยี่สิบปีอย่างแน่นอน ความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือราชันนักรบที่ลึกลับเป็นอย่างมากคนนั้น มิอาจพูดได้ว่าผู้คนในระดับนานาชาติมีความเข้าใจต่อคนคนนี้น้อย เพราะขนาดในประเทศจีนเองคนที่รู้ก็มีไม่มาก
“พี่ใหญ่ ไม่ว่าจะยังไง การซุ่มโจมตีของพวกเราครั้งนี้ก็ล้มเหลวแล้ว สูญเสียอย่างร้ายแรง ต้องรีบใช้มาตรการรับมือ ไม่งั้นทางฝั่งรัฐบาลประเทศMจะต้องบีบบังคับพวกเราแน่…” แซนเบเกอร์ด้วยความกังวล
แมคเคียร์มองแซนเบเกอร์ครู่หนึ่ง ด้วยความที่เขามีฐานะเป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต จึงต้องควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดด้วยความโหดเหี้ยมมาโดยตลอด เดิมทีเมื่อได้รับเรียกตัวและว่าจ้างอย่างลับๆ จากรัฐบาลประเทศMในครั้งนี้ แมคเคียร์ก็ได้ยื่นเงื่อนไขแก่รัฐบาลประเทศMไปด้วย นั่นคือหลังจากที่จัดการเรื่องคนที่มาแลกเปลี่ยนข้อมูลลับจากฝั่งตะวันออกได้ รัฐบาลประเทศMรับรองสถานะของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตของพวกเขาให้ถูกกฎหมาย หลังจากนั้นหัวหน้ากลุ่มอย่างเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตท่ามกลางแสงสว่างได้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป
อีกทั้งทางฝั่งรัฐบาลประเทศMก็ได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ถ้าหากแมคเคียร์ไม่สามารถทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จได้ กลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตจะต้องถูกไล่ออกไปจากประเทศM และยังเป็นไปได้ว่าจะถูกโจมตีอีกด้วย ดังนั้นแมคเคียร์จึงให้ความสำคัญกับงานว่าจ้างในครั้งนี้มาก พอลงมือก็ส่งร็อคกี้แบร์ที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มออกไป ทั้งยังให้เขานำสมาชิกชั้นยอดไปอีกเกือบร้อยคน เพื่อหวังว่าจะสามารถฆ่าคนจากฝั่งตะวันออกได้ทั้งหมด ไหนเลยจะรู้ว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ช่างทำให้ผู้คนต้องช็อคจริงๆ
“ไอ้โง่ร็อคกี้แบร์ ตายไปก็สมควรแล้ว ดูท่าครั้งนี้ในหมู่คนที่ตะวันออกส่งมา จะมียอดฝีมือที่มีความสามารถเก่งกาจอยู่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าฉันแมคเคียร์ต้องการจะฆ่าคน ไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด แกไปเรียกรวมพล “สิบปีศาจ” มาเดี๋ยวนี้ บอกไปว่าคืนนี้มีปฏิบัติการสำคัญ…” แมคเคียร์คิดครู่หนึ่งก่อนเปิดปากกล่าว
“พี่ใหญ่ พวกเราต้องใช้พลังของสิบปีศาจจริงๆ เหรอครับ? ถ้าหากว่ารัฐบาลประเทศMใช้มาตรการถอนรากถอนโคนกับพวกเรา ความสามารถในการปกป้องตนเองเพียงอย่างเดียวของพวกเราจะหายไปเลยนะครับ”
แซนเบเกอร์ไม่คิดว่าแมคเคียร์จะให้ตนเรียกรวมพลสมาชิกของสิบปีศาจ ภายในกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตมีกลุ่มที่มีสมาชิกสิบคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีฝีมือแข็งแกร่งมาก คนทั้งสิบนี้เป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ เป็นกำลังสำคัญของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต ในยามปกติ คนทั้งสิบจะกระจายตัวอยู่ในหมู่สมาชิก คนธรรมดาไม่สามารถรับรู้ได้ มีเพียงแมคเคียร์ แซนเบเกอร์ และร็อคกี้แบร์สามคนที่รู้ว่าจะเรียกรวมพลสมาชิกสิบปีศาจได้อย่างไร
สิบปีศาจเป็นกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต ไม่ได้เคลื่อนไหวมาแล้วเป็นเวลาราวห้าปี คราวนี้เพื่อที่จะทำงานว่าจ้างให้สำเร็จและทำให้รัฐบาลประเทศMรับรองฐานะอย่างถูกกฎหมาย แมคเคียร์จึงเตรียมที่จะใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายใบนี้
“ไปเถอะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากแกอยู่ที่นี่ ถ้าหากยังล้มเหลวอีกล่ะก็ แกก็อย่ามีชีวิตกลับมาเลย” แมคเคียร์กล่าวอย่างเย็นชา
“ครับ!” แซนเบเกอร์ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะถอยออกไปจากห้อง มีเพียงแมคเคียร์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม การสู้รบกับยอดฝีมือประเทศจีนก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะสู้กันครั้สองครั้ง กองทหารรับจ้างมารโลหิตของเขาไม่มีสักครั้งที่สูญเสียอย่างสาหัสเช่นครั้งนี้ แมคเคียร์ไม่เพียงแต่อยากจะทำภารกิจให้สำเร็จ ทั้งยังไม่อาจอดกลั้นเรื่องนี้ได้
ในยามนี้ ภายในคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลหลิ่ว เย่เทียนเฉินเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องโถงของเรือนกลาง มือซ้ายมีไก่ตัวหนึ่ง มือขวามีเป็ดตัวหนึ่ง ตรงกลางยังมีเหล้าแดงแก้วหนึ่งวางไว้ นั่งไขว่ห้างเสพสุขอย่างสบายอกสบายใจหาที่เปรียบ ทั้งกินทั้งดื่ม สบายอุรายิ่ง
ทันใดนั้น เย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงไอสังหารสายหนึ่งใกล้ๆ ตน ตอนที่กำลังคิดว่าเป็นผู้ใดนั้น ประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออก พบเพียงหลิวอวี่มองมายังตนเอง เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเข้มงวดจริงจัง
“ที่แท้ก็เป็นหัวหน้าหลิวนี่เอง มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” เย่เทียนเฉินที่เดาออกว่าหลิวอวี่มาเพื่ออะไร จงใจแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
หลิวอวี่มองเย่เทียนเฉินครู่หนึ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้ม นั่งลงด้านข้างพลางกล่าวว่า “คนหนุ่ม แม้พอมีฝีมืออยู่หลายส่วน แต่ไม่ควรโอหัง ถ้าไม่รู้จักเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ก็จะต้องถูกสั่งสอน”
“หัวหน้าหลิวมีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ผมง่วงอยากนอนแล้ว” เย่เทียนเฉินหาวออกมาครั้งหนึ่ง
“แกไม่คิดว่าตัวเองโอหังไปหน่อยเรอะ? ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วแห่งนี้คำพูดฉันถือเป็นที่สุด ถ้าหากไม่ฟังคำสั่งฉันล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน” หลิวอวี่ตบลงบนโต๊ะอาหาร มองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยมพลางกล่าว
ได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ เย่เทียนเฉินที่เดิมทีไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรก็เกิดโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลิวอวี่มาหาเรื่อง ทนเห็นตนเองไม่ได้ ต้องการใช้โอกาสนี้สร้างปัญหา
“หัวหน้าหลิวช่างน่าเกรงขามดีจริงๆ คุณไม่อยากเกรงใจ ผมก็อยากจะดูสักหน่อยว่าไม่เกรงใจยังไง” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเรียบ อารมณ์ของเขาก็เป็นเช่นนี้เอง คุณหาเรื่องผมหนึ่งคืบ ผมคืนให้คุณหนึ่งศอก คุณมอบหมัดให้ผมหนึ่งมัด ผมก็จะอัดคุณให้เละเป็นโจ๊ก
“ดี ดี ดี นี่แกพูดเองนะ ฉันไม่อยากจะรังแกผู้น้อย พวกเราประมือกันสักสองสามกระบวนท่าเป็นไง?” หลิวอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น คิดว่าเย่เทียนเฉินติดกับเข้าแล้ว เขารอคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินอยู่นั่นเอง
หากจะลงมือกับเย่เทียนเฉิน หลิวอวี่จำเป็นต้องมีเหตุผล มิฉะนั้นจะถูกผู้อื่นครหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก รังแกผู้น้อย หากกล่าวถึงชื่อเสียง หลิวอวี่โด่งดังมาก่อนเย่เทียนเฉินสิบกว่าปี ตอนนั้นกลุ่มทหารรับจ้างสังหารกำลังเดินเข้าสู่ระดับกลุ่มทหารรับจ้างระดับนานาชาติ ส่วนหลิวอวี่ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสังหารก็มีชื่อเสียงอยู่ภายนอก
“ประมือกันสองสามกระบวนท่า? ผมว่าช่างมันเถอะ ถึงตอนนั้นคงมีคนหาว่าผมลงมือกับคนแก่ แบบนั้นไม่ดีแน่!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางส่ายหน้า
“ถ้าหากว่าแกกลัวแพ้ กลัวถูกอัด งั้นก็ช่างเถอะ แต่ว่าเรื่องหลังจากนี้ ฉันมีแผนยังไง แกก็ต้องทำอย่างนั้น อย่ามาทำตัวไม่รู้จักถูกผิดอีก” หลิวอวี่นึกว่าเย่เทียนเฉินกลัว ไม่กล้าประมือกับตน ก็กล่าวพลางหัวเราะเยาะขึ้นมาโดยพลัน
เย่เทียนเฉินมองหลิวอวี่ รู้ดีว่าฝีมือของเขาแข็งแกร่งมาก ตอนที่เจอกับการซุ่มโจมตี หลิวอวี่ลงมือฆ่าศัตรู ดูเหมือนจะยิงหนึ่งนัดระเบิดหนึ่งหัว เย่เทียนเฉินมองเห็นทั้งหมด บุคคลที่เกือบจะได้เป็นราชันนักรบคนที่สี่ของจีน ความสามารถย่อมไม่อ่อนแอ เดิมทีเย่เทียนเฉินไม่ต้องการต่อสู้กับหลิวอวี่ ใจของเขาล้วนอยู่ที่หน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษของประเทศM อยากจะลงมืออย่างเต็มกำลังเพื่อขุดยอดฝีมือแห่งหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษของประเทศMออกมา และสู้กับเขาสักตั้ง ไหนเลยจะรู้ว่าหลิวอวี่จะถึงกับมาบีบบังคับตน เช่นนั้นก็ไม่มีทางแล้ว สู้ก็สู้เถอะ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยกลัว
“ไปเถอะ ในเมื่อคุณหาเรื่องโดนอัด มีความชอบพิเศษอย่างการโดนอัด ผมก็จะเติมเต็มให้คุณเอง ไม่งั้นจะหาว่าไม่ไว้หน้าคุณ บอกไว้ก่อนนะครับ ผมจะต่อยให้ตาทั้งสองของคุณเขียวเท่านั้น แล้วก็จะหยุดมือ ผมง่วงมากแล้ว หลับลึกมากด้วย ไไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอก” เย่เทียนเฉินหาวอีกครั้งหนึ่งพลางกล่าวกับหลิวอวี่
…………………………………………………………………….