ตอนที่ 179 ไม่มีทางฟื้นคืนได้ตลอดไป

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 179 ไม่มีทางฟื้นคืนได้ตลอดไป

ห้าปีก่อนหน้านั้นหากเขาไม่ปรากฏตัวขึ้นละก็ เธอคงคิดว่าเป็นเพราะเธอ ไม่คิดอยากจะถูกผู้ชายคนไหนแตะต้องตัวอีก มันเหมือนกับเอาตัวเองไปอยู่ที่น้ำทะเลเย็น ๆ ไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกตลอดไป ไม่มีอีกแล้วคนที่ชื่ออันโหรว

ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อค่อย ๆ เผยอปากขึ้น ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ชัดเจนออกมา “นายชอบฉันเหรอ?”

“ไม่ชอบ” เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องคิดอะไร

เขาไม่ชอบเธอ แต่เขารักเธอต่างหาก

“แล้วนายคิดยังไงจะแต่งงานกับฉัน คิดจะเล่นสนุกหรือไง?” เธอพยายามอย่างหนักที่จะหนีจากเงื้อมมือของเขา แต่แล้วก็ถูกเขาจับไว้อย่างแน่น

“อันโหรว เธอโง่หรือเปล่า?” เขาไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะดึงเธอมากอดและพูดด้วยฟันที่ขบเขี้ยวว่า “ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแล้ว จะอะไรก็ช่าง! กลับบ้านไปเอาบัตรประชาชนมาเถอะ ฉันจะไปเอาใบทะเบียนสมรสมาให้ ฉันทนรอไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียว! ไม่ว่าเธอจะไปอยู่บ้านฉันหรือไม่ก็ตาม แต่ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนอีกแล้วขอให้มั่นใจได้!!”

“อะ อะ อะ…….” เธอที่กำลังคิดอย่างถี่ถ้วนถูกอุ้มขึ้นจากเตียง “จิ่งเป่ยเฉิน นายปล่อยฉันไปได้แล้ว! ฉันเดินเองได้”

“ฉันได้ยินว่าเมื่อคืนรองเท้าเธอหายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาค่อย ๆ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น คิดอยากพาเธอไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนโดยเร็ว!

“ฉันไม่สน นายปล่อยฉันลงได้แล้ว! ฉันเดินเองได้!” เท้าเล็ก ๆ ของเธอยังคงดิ้นไปมา ในมือก็ยังคงถือแก้วนม และลังเลว่าควรทุบไปที่หัวของจิ่งเป่ยเฉินดีไหม

ถ้าหากทุบหัวเขาจนสลบไป เขาจะตายอย่างน่าสังเวชเลยไหมนะ?

เมื่อเดินออกมาจากห้องรับรอง เธอก็พลันเงียบไม่พูดไม่จา ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้ชายที่ให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าอยู่นอกห้องเหมือนเมื่อห้าปีก่อน หรือว่าที่เขาทำแบบนี้ในตอนนั้นก็แค่อยากหาใครสักคนมารับฟังมุมแปลก ๆ ของเขาบ้าง

เอ่อ……….

น่าขยะแขยงสิ้นดี!

“โอวหยางลี่คอยตามเธออยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้มารบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ไม่ต้องใส่ใจหรือเก็บมาคิดใส่สมองกับคนที่เพิ่งมาแบบนั้นหรอก!” ทันทีที่เขาก้มหน้าลงมาก็เห็นเธอแลบลิ้นออกมา สีหน้าและแววตาของเธอนั้นดูแปลกพิลึกชอบกล

“ทำไมเธอไม่ไปเป็นเทพยดานะ!” ท่าทางไม่เพียงแต่พิลึกแล้วยังไม่เอ่ยปากพูดสักคำ

“ฉันชอบที่ได้เป็นสามีของเธอ ซ้อมเรียกฉันก่อนสักหน่อยดีไหม ฉันจะตั้งใจฟังอย่างดีเลย” เขาพาเธอเข้าไปในลิฟต์และยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

“โอวหยางลี่คงไม่ได้อยู่ด้านนอกใช่ไหม? คงจะไม่ถูกจับได้โดยทันทีหรอกนะ”

“ไม่อยู่ ทีมโอวหยางมีปัญหากันนิดหน่อย เขากลับไปแล้ว”

“นายเป็นคนทำหรอ?”

“อืม”

“นายพูดอ้อมหน่อยไม่ได้หรือยังไง ไม่คิดว่าจะตอบกันตรง ๆ แบบนี้!” เธอเคยชินแบบนี้แล้วจริง ๆ เมื่อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจะต้องมีเขาบงการอยู่เสมอ

เธอไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย หากโอวหยางลี่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คงถามคำถามเดียวกัน เขาก็จะเอียงคอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ‘เป็นเขาเอง’

จิ่งเป่ยเฉินนายมันยิ่งทะนงเกินจะแก้แล้ว!

“ทำไมต้องอ้อมค้อม เธออยากรู้ฉันก็บอกเธอตรง ๆ อยู่แล้ว” ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเธอ เขาก็ไม่ต้องการหลอกลวงเธอในเรื่องที่ไม่น่าสงสัยแบบนี้

“นาย……” เธอยกแก้วนมในมือขึ้น “แล้วแก้วนมนี่?”

ตอนนี้พวกเขาได้ออกจากความฝันแล้ว เสี่ยวหยางรีบเปิดประตูรถ จิ่งเป่ยเฉินพาเธอเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะหยิบแก้วนมในมือของเธอมาและส่งให้คนด้านหน้าเก็บไป

รถขับมุ่งหน้าไปยังบ้านหลินจือเซี๋ยวด้วยความเร็ว อันโหรวไม่ได้สวมรองเท้า ทันทีที่จิ่งเป่ยเฉินขึ้นรถ เขาขยับเท้าของเธอมาวางไว้บนตักของเขา ทั้งคู่นั่งด้วยท่าทีนั้นไปตลอดทาง

“นายหาคนเตรียมเสื้อผ้าให้อย่างดี แต่กลับไม่เตรียมรองเท้าให้ฉัน นายตั้งใจหรือเปล่า?” เพื่อไม่ให้เธอจากไป ไม่คิดว่าเขาจะไม่เตรียมรองเท้าให้กับเธอ

“อือ” เขาไม่ได้อ้อมค้อมแต่อย่างใด เป็นความตั้งใจของเขาจริง ๆ

“แบบนี้นายรังแกฉันชัด ๆ ถ้าพวกเราแต่งงานกันไปต้องอยู่ภายใต้อำนาจที่ถูกบีบบังคับของนายแน่ ๆ” เธอไม่อยากจะคิดว่าอนาคตจะน่าอนาถขนาดไหน

จิ่งเป่ยเฉินเขยิบไปโอบกอดเธอไว้ ให้เธอนั่งบนตักเขา และพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ขจัดส่วนตรงนั้นออก ”

ใช้ชีวิตที่ถูกบีบบังคับกับเขา ใช้ชีวิตกดดันไปกับเขา…….

จิ่งเป่ยเฉินนายมันอันธพาล ไร้ยางอาย ฉันไม่อยากแต่งงาน ฉันไม่แต่งงานกับนาย เมื่อเธอนึกถึงว่าต้องนอนและลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงก็ถูกเขาบีบบังคับอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อคืนเธอเหนื่อยมากและก็ควรจะได้รับข้อยกเว้น แต่กลับถูกผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนี้ทำตามคำสาบานอย่างขอไปที เขาจงใจทรมานเธอ

สาบานว่ารัก หึ เธอไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด!

ไม่สิ สิ่งที่เขาพูดคงไม่ได้จะให้ย้ายบ้านหรอกนะ คิดแบบนี้ยังพอรับได้

“ไม่อยากให้ฉันจัดงานแบบเงียบ ๆ เธออยากให้ฉันจัดงานแบบอลังการ คนส่วนมากชอบแบบอลังการ ดูท่าเธอเองก็น่าจะชอบ” จิ่งเป่ยเฉินคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่แขนเสื้อของเขากลับถูกดึงอย่างกะทันหัน

“จัดแบบเงียบ ๆ พวกเราจัดแบบเงียบ ๆ เถอะ” เธอดึงแขนเสื้อของเขาอย่างแรงพร้อมกะพริบตาที่กลมโต จัดแบบเงียบ ๆเหมาะกับความหรูหราที่แฝงอยู่ในตัวเธอ

“ได้” เธอว่าแบบเงียบ ๆ ก็ตามนั้น ขอแค่เธอตกลง เขายอมฟังความเห็นเธอ

รอจัดการเรื่องนั้นเสร็จ เขาจะจัดงานแบบอลังการให้เธอแน่นอน

เธอถามอย่างแผ่วเบา” ฉันจะแน่ใจได้ยังไง?” เธอหันไปมองเขาด้วยความรู้สึกเหมือนไม่เชื่อเขา

จิ่งเป่ยเฉินมองเธอด้วยสายตาที่เฉียบคมราวกับนกอินทรี!

“ในชีวิตฉันเคยนอนกับผู้หญิงคนเดียวก็คือเธอ เธอคิดว่ายังไง?” แม้คืนนั้นจะเมา จำได้ไม่ชัดเจน จำได้ว่ามองเธอด้วยความงุนงง และคืนนั้นเป็นเธอที่ส่งเขากลับห้อง เขาจำได้ไม่ผิดแน่

“เพราะเหตุผลนี้งั้นเหรอ?” สิ่งที่เธอคิดจริง ๆ คือเขาจำได้ว่าเป็นเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ วันรุ่งขึ้นเธอซ่อนเบอร์โทรศัพท์ไว้อย่างดี

“สายตาของเธอโกหกฉันอยู่หรือเปล่า หรือเคยมีประสบการณ์การทำงานด้านนี้มาก่อน ไม่ว่าจะอันโหรวหรืออันอีหานก็ไม่อาจมีสองคนได้ เธอไปทำงานที่นั่น แล้วกลับมาเพื่อไม่ให้ฉันจับได้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อตัวเอง” เขายังคงโกรธมากแม้จะรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ว่าตอนนี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว

ไม่เพียงแต่เธอกังวลว่าจะถูกเขา โอวหยางลี่ หรือเหลียวเว่ยจับได้ และคนที่คอยช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้อีก

“และเรื่องที่เธอจงใจไม่ให้ฉันได้เจอหยางหยาง” หากหยางหยางไม่เหมือนเขาขนาดนี้ เธอคงไม่ต้องทำแบบนี้ เขาก้มหน้าพลางโน้มไปตรงแก้มและเลื่อนไปที่ข้างใบหูของเธอ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “โหรวโหรว ผู้หญิงที่ฉันจำได้ชัดเจนในชีวิตของฉันมีแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือแม่และเธอ และเด็กน้อยอย่างหน่วนหน่วน”

เธอดีใจและเสียใจจนพูดไม่ออกในเวลาเดียวกัน ชายคนนี้คอยเล่นละครตบตาช่วยเธอตลอด บอกว่าฉันแกล้งทำ เขานี่แหละที่เล่นละครสมจริง!

“แต่บางครั้งฉันก็ไม่ได้เตือนนาย นายก็รู้ว่าใคร!” เหมือนฉิวซีคนเมื่อวาน เขารู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นคือฉิวซี

“เดาสิ”

“นายนี่เหมาะเป็นหมอดูเสียจริง หากวันไหนที่ตระกูลจิ่งล่มสลาย ควรไปเอาดีทางด้านทำนายดูดวงเลี้ยงตัวเองนะ” แม้ตอนนี้จะเป็นหลักวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีคนที่เชื่องมงายด้านนี้อยู่ไม่น้อย

“เลี้ยงตัวเองได้ แต่ฉันต้องเลี้ยงเธอ หยางหยาง และหน่วนหน่วนด้วย เพราะฉะนั้นตระกูลจิ่งไม่มีทางล่มสลาย ฉันสามารถเกษียณและกลับบ้านไปทำหน้าที่พ่อสอนลูก ๆ ได้” เขาไม่มีความคิดเห็นใด ๆ อย่างแน่นอน