ตอนที่ 251 ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อ! / ตอนที่ 252 เขาพูดอะไรกันแน่

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 251 ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อ!

 

 

ถอดเสื้อเขา!

 

 

ให้เขานอนเป็นเพื่อน!

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อ้าปากเล็กน้อย ดวงตาของเธอแทบจะถลนออกมาแล้ว

 

 

หญิงสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความลุกลี้ลุกลน “คุณโกหก! ถ้าพวกเรามีอะไรกันจริงๆ ทำไมเสื้อผ้าบนตัวของฉันยังอยู่ดีอยู่เลยล่ะ แถมฉันก็ไม่มีความรู้สึกอะไรสักนิด…”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูด หน้าแดงขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก

 

 

ตอนที่เธอเพิ่งตื่น ก็เห็นเสื้อผ้าบนตัวของตนเอง ยังเป็นชุดที่เธอใส่เมื่อคืนอยู่

 

 

และแม้เขาจะไม่ได้ใส่เสื้อ แต่กางเกงยังใส่ดีอยู่

 

 

ดูท่าทางไม่เหมือนถูกเธอรังแกนะ…

 

 

อวี๋เยว่หานทำตัวไม่ถูก ดวงตาสีดำจับต้องที่คนตรงหน้า มองดวงตาสดใสคู่นั้นกวาดมองบนตัวเขาไม่ยอมหยุด ราวกับสงสัยความสามารถในเรื่องนั้นของเขา ถึงได้ทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย

 

 

มุมปากที่ยกขึ้นเมื่อครู่ ยิ้มไม่ออกไปในทันใด

 

 

เขามีสีหน้าดำคล้ำ ก่อนจะยื่นมือไปกดหัวของเธอเอาไว้ ออกแรงเล็กน้อย “เหนียนเสี่ยวมู่ คุณน่าจะรู้นะ ว่าถึงแม้มีมือเดียว ก็บีบคอคุณขาดได้”

 

 

“…ฉันเชื่อ! ฉันเชื่อ!” เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสั่นประสาท เมื่อตกอยู่ที่นั่งลำบาก ต้องยอมถอยเพื่อที่จะไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง

 

 

แต่หลังจากคิดดูแล้ว เธอก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง “คุณจัดการฉันได้ด้วยมือเดียว เพราะงั้นคุณไม่มีทางมองฉันเอาเปรียบคุณตาปริบๆ แน่ๆ เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ใช่ไหม”

 

 

“…”

 

 

“ถ้ามีอะไรจริงๆ ก็ต้องเป็นคุณที่เอาเปรียบฉันแน่ ถึงยังไงฉันก็เมา จำไม่ได้หรอก”

 

 

“…”

 

 

อวี๋เยว่หานคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดกับแล้ว

 

 

เขามองคนที่เหมือนกับจิ้งจอกน้อยตรงหน้า ลูกตาสีดำบริสุทธิ์หดตัวเล็กน้อย

 

 

เธอพูดถูกทุกอย่าง

 

 

ถ้าพูดต่อไป ก็จะกลายเป็นเขาถือโอกาสหลังจากเธอเมา แล้วเอาเปรียบเธอ…

 

 

อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหลุบตาลง เอ่ยปากเสียงเรียบ

 

 

“ผมไม่ใช่คนที่จะกินใครก็ได้นะ”

 

 

“…”

 

 

“แต่ผมถูกใครบางคนดึงไว้เป็นหมอนทั้งคืน บัญชีนี้จะคิดยังไงดีล่ะ” อวี๋เยว่หานโน้มตัวลงมาข้างหน้าเล็กน้อย เบียดเธอไปข้างผนัง มือข้างหนึ่งกักเธอไว้บนผนังดังปัง พลางหลุบตามองเธอ

 

 

เมื่อได้ยินว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา เธอถึงจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจอย่างชัดเจน

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกอึดอัดในหน้าอกอย่างน่าประหลาด เมื่อเห็นปฏิกิริยาอย่างนั้นของเธอ

 

 

ผู้หญิงหลายคนคิดหาวิธีเข้าใกล้เขาแทบตาย ก็เพื่อจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา

 

 

เธอเป็นคนแรกที่ได้ยินว่าไม่มีอะไรกับเขาแล้ว ยังส่งเสียงหัวเราะดีใจออกมาได้ทันที

 

 

รอยยิ้มสดใส ราวกับดอกทานตะวัน

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ คุณเป็นคนถอดเสื้อของผมด้วยตัวเอง หลักฐานยังนอนอยู่ในโถส้วมในห้องน้ำคุณอยู่เลยนะ” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง พร้อมกับรอยยิ้มเยือกเย็น

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หนาวสันหลังวาบ ก่อนจะยิ้มเจื่อน “ให้ฉันชดใช้ให้คุณตัวหนึ่งเหรอ”

 

 

“มันเป็นเสื้อเชิ้ตสั่งทำ ส่วนราคา…”

 

 

พอได้ยินเรื่องเงิน เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตัวแข็งทื่อไปในทันที

 

 

เธอลืมไปได้อย่างไร ข้าวของของอวี๋เยว่หานแทบจะเป็นของสั่งทำทั้งหมด ทุกชิ้นแพงลิบลิ่วทั้งนั้น

 

 

เกรงว่าเสื้อเชิ้ตแค่ตัวเดียว ก็มีราคาเกือบเท่าเงินเดือนทั้งเดือนของเธอแล้ว

 

 

เธอยังติดเงินเขาอยู่ก้อนหนึ่ง ถ้าเพิ่มเงินทับถมไปอีก เธอคงต้องทำงานฟรีๆ ให้บริษัทตระกูลอวี๋ไปทั้งชีวิต ถึงจะใช้หนี้เขาจนหมดได้!

 

 

ดวงตาใสเหมือนคริสตัลของเธอกังวลขึ้นมา “คุณชาย อยู่ๆ ฉันก็นึกได้ว่าเช้าวันนี้ต้องไปรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดี เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาแล้ว ฉันมีธุระจริงๆ กลับมาแล้วค่อยคุยกันเถอะ!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางดันมือของเขาออกอย่างร้อนรน ก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอด

 

 

แต่หลังจากยื่นมือไปเปิดประตู เพิ่งคิดจะหนีได้ เธอก็นึกอะไรได้บางอย่าง ทำเอาเธอตัวแข็งทื่อ แล้วถอยกลับมาอย่างเงียบๆ…

 

 

 

 

ตอนที่ 252 เขาพูดอะไรกันแน่

 

 

เธอกอดอกมองอวี๋เยว่หาน ผู้กำลังนั่งพิงผนังอย่างสบายใจ หน้าเล็กๆ ของเธององุ้มแล้ว

 

 

“คุณชาย นี่ห้องของฉัน…”

 

 

เธอยังไม่ได้ล้างห้าหรือแปรงฟัน ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า จะไปที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

 

 

ถ้าอวี๋เยว่หานอยากจะคิดบัญชีกับเธอให้ได้ในตอนนี้ อย่างนั้นทำอย่างไรดี

 

 

“คุณใส่เสื้อก่อนเถอะ ไม่น่ามองเลย!” เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกอดผ้าขนหนูผืนหนึ่งวิ่งออกมา จากนั้นก็โยนใส่ตัวเขา

 

 

เธอพูดอย่างเมินเฉยพร้อมปิดตา

 

 

“คุณว่าอะไรนะ” อวี๋เยว่หานรับผ้าขนหนูไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วเลิกคิ้วขึ้น

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองเขาด้วยหางตา แบมือทั้งสองข้าง “ให้คุณหัวเราะเยาะก่อน ฉันถึงจะแก้แค้น!”

 

 

อวี๋เยว่หาน “…”

 

 

ทำไมเมื่อคืนเขาไม่เขาไม่ถือโอกาสกดน้ำเธอในโถส้วมตอนที่เมาอยู่นะ

 

 

ชายหนุ่มเริ่มมีสายตาเย็นชา เตรียมจะพันตัวด้วยผ้าขนหนู กลับพบว่าผ้าขนหนูในมือเหมือนจะเปียกอยู่

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ก็เพิ่งเห็นจุดนี้ในตอนนี้เช่นกัน เมื่อครู่เธอรีบร้อนเกินไป เหมือนจะหยิบผ้าขนหนูที่ใช้แล้วส่งให้เขาไป

 

 

หลังจากสบสายตาสงสัยของเขา เธอก็รีบยืนตัวตรง พร้อมทั้งยกมือสาบาน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ! ฉันก็ไม่รู้ว่าใช้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันจะไปหยิบให้คุณใหม่…อ๊ะ!”

 

 

เธอยังพูดไม่จบ คนตรงหน้าก็สะบัดมือ โยนผ้าขนหนูใส่หน้าเธออย่างสง่างาม

 

 

จากนั้นเขาก็เดินมาตรงหน้าเธอ แล้วยื่นมือไปกดหัวของเธอไว้ ขณะที่เธอเพิ่งจะดึงผ้าขนหนูออก

 

 

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเล็กน้อย

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ใช่ว่าใครแหย่ผมแล้ว ก็จะหนีไปได้หมดนะ”

 

 

“…อวี๋เยว่หาน ฉันจะขาดใจตายแล้ว คุณรีบปล่อยมือสิ!” เหนียนเสี่ยวมู่ออกแรงเต็มที่ พยายามปัดมือของเขาออก สุดท้ายก็ดึงผ้าขนหนูบนหัวลงมาได้อย่างยากลำบาก แต่คนตรงหน้าออกจากห้องไปแล้ว

 

 

เธอตะลึงลานตาแดงอยู่ที่เดิม ผ่านไปนานทีเดียวถึงจะดึงสติกลับมาได้ เมื่อครู่เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ

 

 

แต่ตอนนั้นเขากดเธอไว้จนเกือบตาย จึงฟังอะไรไม่ชัดเจนทั้งนั้น

 

 

ได้ยินรางๆ ถึงคำว่าแหย่ไม่แหย่อะไรสักอย่าง…

 

 

เขาพูดว่าอะไรกันแน่

 

 

“มิสเตอร์บอมบาร์ดี!” เหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงรีบกอดผ้าขนหนูพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ

 

 

เธออาบน้ำอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้า และถือกระเป๋าออกจากคฤหาสน์ไป

 

 

ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้า

 

 

ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง เวลาเหลือเฟือ เธอจึงไปที่บริษัทก่อน เพื่ออ่านข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอีกหนึ่งรอบ

 

 

ดูว่าเขามีความชอบอะไรเป็นพิเศษไหม

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย แล้วถึงจะพาเพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อยไปต้อนรับที่สนามบินด้วยกัน

 

 

แต่เพิ่งถึงสนามบิน ก็เห็นล่ามหวางเมี่ยวเมี่ยวรีบร้อนวิ่งเข้ามา “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ทำไมพวกคุณมาเอาป่านนี้คะ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีเกลียดคนไม่รู้จักเวลาที่สุด!”

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่ตกตะลึงกับเสียงตะคอกของอีกฝ่าย จึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง

 

 

สิบโมงครึ่ง

 

 

เธอกังวลว่าสายการบินอาจจะลงเครื่องเร็วกว่ากำหนด จึงมาถึงสนามบินก่อนเวลาถึงครึ่งชั่วโมง

 

 

ทำไมกลับกลายเป็นว่ามาสายไปได้

 

 

“มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกับทีมล่ะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วพลางถาม

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หวางเมี่ยวเมี่ยวก็ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เจ็ทแล็กค่ะ แถมยังรออยู่ที่สนามบินตั้งครึ่งชั่วโมง ตอนนี้โมโหจนกลับไปที่โรงแรมแล้ว”

 

 

“…”

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันบอกคุณแล้วแท้ๆ เที่ยวบินสิบโมงเช้า คุณมาสายไปครึ่งชั่วโมงนี่มันหมายความว่ายังไงคะ ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดียกเลิกการร่วมมือเพราะคุณ คุณจะรับผิดชอบไหวเหรอคะ”

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวเสียงดังมาก ครั้นพูดออกไป สีหน้าของเพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อยก็เปลี่ยนไปด้วย!