ตอนที่ 118 ไม่ควรทำกิจการรวมกัน

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 118 ไม่ควรทำกิจการรวมกัน

การซื้อขายที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ ซูจิ้นตั๋งก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เมื่อคิดถึงร้านค้าในเมืองของเขาแล้ว ชั่วโมงเปิดกิจการอันดุเดือดในตอนเช้านั้นไม่ต่างอะไรกับสงครามเลย ทำให้เขากับภรรยาต่างทำงานกันมือระวิง ตอนนี้พวกเขาจึงใช้วิธีเชือดไก่ในตอนกลางคืนแล้วแช่ไว้ในบ่อน้ำ เดือนสิบสองครั้งนี้คงไม่วุ่นวายแน่นอน และเมื่อถึงวันนั้นก็คงจะไม่มีงานเข้า

ตอนนี้กิจการกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ และอยู่ตัวมากขึ้น เขาวางแผนจะทำมันด้วยดี และในปีหน้าเขาจะซื้อตู้แช่ขนาดใหญ่มาไว้ที่ร้านเพื่อแช่ของซื้อของขายพวกนี้โดยเฉพาะ

เขาไม่กล่าวถึงอะไรต่อจากนั้นหรอก หลังจากวุ่นวายอยู่กับการขายครั้งนี้ บนรถก็เหลือสินค้าอยู่ไม่มากแล้ว

มีลูกพลับแห้งเหลืออยู่แค่ครึ่งชั่งเท่านั้น และจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ให้ชายชราคนหนึ่งที่เขารู้จักดี ชายคนนี้ชอบน้ำผึ้งที่ซื้อไปมาก ครั้งนี้เขาจึงมาซื้อกลับไปถึง 10 กระปุก ซึ่งเขาก็เป็นคนที่ซื้อไปมากที่สุดเช่นกัน เพราะครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้จำกัดจำนวนซื้อ และเขาเองก็บอกว่าพรุ่งนี้จะมาขายอีก ดังนั้นไม่ต้องรีบซื้อกัน แต่ถึงอย่างนั้นบรรดาคุณลุงคุณป้าก็ไม่สนใจ กลับกว้านซื้อมากที่สุดเท่าที่จะซื้อได้ จนเงินที่นำติดตัวมาด้วยถูกใช้จ่ายไปจนหมด

อีกทั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก และพวกเขาก็มีประสบการณ์กับการนำเงินมาไม่พอแล้ว บรรดาคุณลุงคุณป้าที่รู้ซึ้งถึงเรื่องนี้จึงนำเงินติดตัวมาจนพอ และมีลางสังหรณ์กันว่าใกล้สิ้นปีนี้เขาน่าจะมาขายอีก เพียงแต่ต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อม มันคงจะไร้ประโยชน์หากมาแล้วซื้ออะไรไปไม่ได้จริงไหม?

ดังนั้นแล้ว แม้เขาจะบอกคนเหล่านี้ว่าไม่ต้องแย่งกันซื้อ แต่ทุกคนก็ซื้อกันอย่างหนักหน่วง

อย่างเช่นคุณลุงคนนี้ที่นอกจากจะซื้อน้ำผึ้งไปแล้วก็ยังซื้อของอย่างอื่นอีกเป็นจำนวนมาก เขาซื้อไข่ 10 ชั่ง ไก่ 2 ตัว และเนื้อแกะอีก 10 ชั่ง เขาทุ่มเงินเกือบทั้งหมดไปกับของพวกนี้จนมีไม่พอที่จะซื้อลูกพลับแห้ง จึงทำได้แค่มองอยู่ข้าง ๆ แต่แล้วก็เหลือลูกพลับแห้งอยู่ครึ่งชั่งพอดี จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงให้เขาไปโดยไม่คิดเงินแต่อย่างใด

คุณลุงหัวเราะและรับเอาไว้ พลางพูดขึ้น “ขอบใจนะ ฉันจะเอากลับไปให้หลานชายกินให้หายอยากไปเลย สินค้าบ้านเธอมีแต่ของดีจริง ๆ แล้วพรุ่งนี้เธอจะมาขายอีกไหม?”

เขาคำนวณดูแน่ชัดแล้วว่าเพื่อนบ้านบางคนไม่ได้ออกมาในวันนี้เพราะว่าอากาศเย็นเกินไป ดังนั้นจึงออกมาซื้อด้วยความหวัง เมื่อเขากลับมาในวันนี้ เขาก็จะบอกบรรดาเพื่อนบ้านเหล่านั้นว่าให้รอซื้อเองในวันพรุ่งนี้ คราวนี้เขาจะเก็บน้ำผึ้งทั้งหมดไว้กินเอง ไม่แบ่งให้บรรดาเพื่อนบ้านเฒ่าพวกนั้นหรอก

คราวที่แล้วเขาซื้อน้ำผึ้งกลับมา 5 กระปุกจากเดิมที่จำกัดการซื้ออยู่ที่ 3 กระปุก แต่เขาจัดการซื้อมาคนเดียวถึง 5 กระปุก และสุดท้ายแล้วเขาก็ได้กินแค่กระปุกเดียวเพราะต้องแบ่งอีก 4 กระปุกไปให้เพื่อนบ้านเหล่านี้

หลังจากรอคอยมาหลายวัน เขาก็เกิดเสียดายขึ้นมา!

น้ำผึ้งนี้แตกต่างจากน้ำผึ้งทั่วไปจริง ๆ เขาบอกไม่ได้หรอกว่ามันต่างกันอย่างไร แต่หลังจากที่ดื่มไปไม่กี่วัน กลิ่นปากของเขาก็จางลงเยอะมาก เพียงกินแค่สองช้อนต่อวัน ช้อนหนึ่งตอนเช้า อีกช้อนก่อนเข้านอนเท่านั้น

เมื่อเขาดื่มจนหมดกระปุก กลิ่นปากของเขาก็หายไป ไม่เพียงเท่านี้ เขายังขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย

เมื่อคนเราแก่ชราลงและไม่ใช่หนุ่มสาวอีกต่อไป ก็จะมีปัญหาสุขภาพเกิดขึ้นมากมาย การไปรับยาที่โรงพยาบาลช่างเป็นเรื่องเสียเงินไม่น้อย และมันก็ไม่เกิดผลอะไรขึ้นมาสักนิด แต่เขาไม่คิดเลยว่าน้ำผึ้งป่านี่จะมีสรรพคุณดีขนาดนี้?

แต่เขาก็ไม่มีกินอีกแล้ว แม้จะซื้อมาเป็นจำนวนมากก็ได้กินจริง ๆ แค่กระปุกเดียว เพราะที่เหลือแบ่งให้เพื่อนบ้านชราพวกนั้นหมด

เป็นเพราะคราวที่แล้วเขาซื้อผลไม้ของจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับไปและพบว่ามันดีมาก เขาจึงเชื่อว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะนำมาขายอีกครั้ง แต่ใครจะรู้ว่าสรรพคุณของมันจะเป็นที่เห็นชัดจนเกินไป

สิ่งที่น่ารำคาญใจที่สุดก็คือเพื่อนบ้านชราเหล่านั้นต่างรู้สึกดีด้วยเช่นกัน บางคนรู้สึกว่าพวกเขานอนหลับได้สบายกว่าเดิม และบางคนก็รู้สึกว่าปีนี้พวกเขาไม่ไอหนักเท่าปีก่อน ๆ แล้ว ทำให้พวกเขาอยากมาซื้อสินค้าจากจี้เจี้ยนอวิ๋นเช่นเดียวกัน

ขนาดตัวเขาเองยังไม่ได้ซื้อ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ซื้อ!

แต่คุณลุงเกาคนนี้มีความอดทนสูง เมื่อเขาคุยกับจี้เจี้ยนอวิ๋นคราวที่แล้วและได้ความว่าเขาจะมาขายอีกในช่วงเดือนสิบสอง เขาจึงมาปักหลักรอที่นี่

วันนี้ต้องบอกว่าเขาแทบจะนั่งยองอยู่กับที่เลยทีเดียว เงินของเขาถูกใช้จ่ายไปเกือบเกลี้ยง แต่ลูกพลับแห้งกลับยังมีอยู่ในตอนที่เขาไม่สามารถซื้อได้แล้ว โชคดีที่พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนจริง เขาให้ลูกพลับแห้งครึ่งชั่งมาให้ได้ชิมด้วย

จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกเขาว่าพรุ่งนี้จะมาขายที่จุดนี้อีก ถ้าเขาขายสินค้าที่นี่ไม่ได้ เขาก็จะไปขายในตลาดที่อื่น

แต่ถ้าขายสินค้าจนหมดเกลี้ยงได้ที่นี่แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่คิดจะไปขายอีกหลายที่นัก เขาได้รับความนิยมสูงสุดที่นี่แล้ว ต่อให้ที่อื่น ๆจะมีการตอบรับที่ดี แต่ก็ไม่เหมือนที่นี่ ที่เขาจะได้รับการตอบรับเกือบจะในทันทีที่มาลงขายสินค้าในทุกครั้ง

โดยเฉพาะคุณลุงคุณป้าพวกนี้ที่ไว้หน้ากันมาก และเขาเองก็ชอบที่จะขายของกับคุณลุงคุณป้าวัยเกษียณเหล่านี้เช่นกัน

พวกเขาเป็นพนักงานเกษียณอายุที่ได้รับเงินบำนาญทุกเดือน อย่างเช่นคุณลุงเกาที่มีอายุ 61 ปีในปีนี้ เขาเป็นอดีตอาจารย์ที่ภรรยาจากไปหลายปีแล้ว และปีนี้เขาก็เกษียณพอดี แต่มีเงินบำนาญประจำทุกเดือน

เขามีลูกชาย 2 คนและลูกสาว 3 คน ลูกชายทั้งสองทำงานสอนในสถานศึกษา ส่วนลูกสาวก็ได้แต่งงานกันหมดแล้ว ฟังดูแล้วนับว่าเขามีพื้นฐานชีวิตดีทีเดียว

ต่ำลงมายังมีหลานชายหลานสาวอีกหลายคน นับเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะถึงวันสิ้นปีแล้วหรอกหรือ เขาถึงซื้อของกลับไปมากขนาดนี้? แล้วที่บ้านก็มีตู้เย็นอยู่ ต่อให้กินไม่หมดก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ได้ แต่ถึงจะไม่เก็บของไว้ในตู้เย็นมันก็ไม่เสียหรอกถ้าวางทิ้งไว้ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บด้านนอกระเบียงในช่วงนี้

ครอบครัวนี้มีคนจำนวนมาก ของที่ซื้อไปจึงดูน้อยถนัดตา แต่วันนี้เขานำเงินออกมาเป็นจำนวนมาก จึงระงับการซื้อลูกพลับแห้งไว้ก่อนแล้วซื้อของอย่างอื่นแทน

เดิมทีเขาก็ได้รับเงินบำนาญและค่าเลี้ยงดูจากลูกชายลูกสาวอยู่แล้ว จึงบอกได้ว่าคุณลุงเกาเป็นคนใช้เงินเก่งไม่น้อย

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำงานอดิเรกอะไรมากนัก แต่ตอนนี้เขามีที่ให้ใช้จ่ายเงินแล้ว

งานอดิเรกที่ว่านั้นก็คือการซื้ออาหารนั่นเอง อะไรที่อร่อยเขาก็จะซื้อให้หมด เขาอายุขนาดนี้แล้วคงไม่มีเวลาได้เสวยสุขมากนักหรอก อยากมีความสุขกับการกินก็ลงมือเสียเถอะ ไม่ทำตอนนี้แล้วจะรอจนถึงเมื่อไร?

นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาด้วย เขารู้สึกว่าของกินที่ทหารคนนี้นำมาขายล้วนแล้วแต่เป็นของดี เนื้อแกะเมื่อนำไปตุ๋นแล้วก็ให้ความอบอุ่นกับร่างกายดีมาก ไข่และไก่ก็มีคุณภาพดีกว่าที่อื่น

ตั้งแต่ที่เขาซื้อของจากจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมากิน เขาก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาก

บรรดาคนชราคนอื่น ๆ ก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน

ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด คนเราก็ยิ่งรักชีวิตตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรวยขึ้นเมื่อใด ก็ยิ่งอยากหาความสุขให้กับตัวเองมากขึ้น ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงกลายเป็นที่พึ่งชีวิตให้กับคุณลุงคุณป้าเหล่านี้

วันนั้นเองซูจิ้นตั๋งก็รู้แจ้ง

หลังขายของเสร็จ เขาก็มากินบะหมี่ชามหนึ่งกับจี้เจี้ยนอวิ๋น และทั้งคู่ก็พร้อมที่จะกลับบ้าน ตอนนี้เองจี้เจี้ยนอวิ๋นได้พูดขึ้น “จะซื้อตู้แช่กลับไปด้วยดีไหม?”

นอกจากช่วงแรก ๆ แล้ว เขาก็ไม่เข้าหุ้นกับซูจิ้นตั๋งเหมือนเมื่อก่อนอีก เขาขายส่งไก่และไข่ให้กับซูจิ้นตั๋งโดยไม่เรียกเงินเข้ากองกลางอีกต่อไป ส่วนค่าเช่าที่จ่ายมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วก็ยังคงจ่ายอยู่ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มอีก

ดังนั้นต่อจากนี้ไป ร้านค้าในเมืองจะกลายเป็นกิจการของซูจิ้นตั๋งคนเดียว โดยที่จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มายุ่งเกี่ยวอีก

การเป็นญาติกันมันก็ดีอยู่ แต่ถ้ามีธุรกิจพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะต้องถอนตัวแยกจากกันให้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นญาติเหล่านี้จะไม่ประพฤติตัวเหมือนอย่างที่เคยเป็น

ตอนนี้เขาขายส่งสินค้าให้ซูจิ้นตั๋งโดยตรงแล้ว เป็นแบบนี้จึงจะดีต่ออนาคตของทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีความขัดแย้งอันใดแอบแฝงต่อกันเลย

……………………………………………