บทที่ 104: ชีวิตนั้นช่างยากลำบาก

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 104: ชีวิตนั้นช่างยากลำบาก

เมื่อคืนนี้ เราทำอะไรลงไปกันนะ?

บนเตียงของอลิเซีย โรเอลจ้องไปที่เพดานแปลก ๆ ตรงหน้าด้วยความประหม่า เด็กชายสัมผัสได้ถึงร่างกายของอลิเซียที่กำลังกดทับอยู่ ความอบอุ่นและเสียงหายใจอันแผ่วเบาของเด็กสาว ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่าย สถานการณ์นี้คล้ายคลึงกับ ‘เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการแต่งงาน’ ทำให้โรเอลรู้สึกกลัวมาก

เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อคืนนี้เราไม่ได้ผล็อยหลับไปบนเตียงหลังจากที่ดื่มยาก้าวข้ามระดับแก่นแท้แห่งโลโบร์เข้าไปงั้นเหรอ? เรามาอยู่ในห้องนอนของอลิเซียได้ยังไงกัน? มันไม่น่าจะเป็นไปได้… นี่คือความฝันงั้นเหรอ?

โรเอลหยิกตัวเอง

โอ๊ย เจ็บชะมัด

เด็กชายเอนตัวเข้าไปสูดกลิ่นของอลิเซีย

อืม หอม ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ความฝันจริง ๆ แต่สถานการณ์มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?

ดวงตาของโรเอลกะพริบมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า พยายามคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง เขาไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงได้ขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน ความทรงจำเมื่อคืนที่หายไปทำให้เขาหงุดหงิดมากจริง ๆ

นอกจากนี้อลิเซียหมายถึงการเล่นแบบไหนกัน…

ทันใดนั้นภาพของมาร์ควิสคาร์เตอร์ก็ผุดเข้ามาในหัว ทำให้โรเอลสงสัยว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบากรึเปล่า? แต่แล้ว จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับอลิเซีย ดังนั้นสิ่งต่าง ๆ อาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้? นอกจากนี้บรรทัดฐานทางสังคมในโลกนี้เองก็แตกต่างจากอดีตชาติของเขามาก ต่อให้พวกเขาจะเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริง ๆ ก็เถอะ แต่มันก็คงไม่เป็นอะไรมากหากเป็นไปตามมาตรฐานของโลกนี้

เช่นเดียวกับยุโรปช่วงยุคกลางในอดีตชาติของโรเอล ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่ใช่สิ่งต้องห้าม เนื่องจากอารยธรรมมนุษย์ยังไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของมัน ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ แม้แต่ราชวงศ์เองก็ยังมีการสมรสกันในวงศ์เครือญาติพี่น้อง

ขณะที่เด็กชายกำลังหาข้อแก้ตัวต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่าเขาจะไม่เป็นไร จู่ ๆ โรเอลก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังเด็กอยู่ เด็กชายรีบตรวจดูเสื้อผ้าของตน ทำให้ตระหนักได้ว่าพวกมันทั้งหมดยังอยู่ครบ จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออก ปลดปล่อยความวิตกกังวลทั้งหมดออกมา

เอาเป็นว่าตอนนี้… เราหนีก่อนดีกว่า

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ก็ตาม โรเอลรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่มีอลิเซียอยู่ใกล้ถึงขนาดนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้มันเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเขาในการควบคุมตนเอง

โรเอลค่อย ๆ ยกศีรษะของอลิเซียขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วจึงขยับร่างกายออกมาทีละน้อย เมื่อเด็กชายออกมาได้แล้ว เขาก็หยิบหมอนมาอุดช่องว่างเอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินออกจากห้อง ก่อนที่จะปิดประตูอย่างแผ่วเบา

ในที่สุดโรเอลก็หนีออกจากห้องของอลิเซียได้สำเร็จ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความโล่งอก ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ทางเดิน ทำให้รู้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย

“แปลกชะมัด อย่างน้อย ๆ แอนนาก็น่าจะอยู่ที่นี่กับเราไม่ใช่เหรอ? เธอหายไปไหนกัน?”

ตอนแรกโรเอลวางแผนที่จะถามแอนนาว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่สาวใช้กลับไม่อยู่เสียอย่างนั้น เด็กชายมองไปที่ชุดนอนของตัวเองและตัดสินใจกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ เด็กชายก็ได้ยินเสียงดังมาจากปลายสุดของทางเดิน

“ฝ่าบาท ขณะนี้นายน้อยออกไปข้างนอกค่ะ”

“โอ้? นั่นไม่เหมือนสิ่งที่ข้าได้ยินมาจากยามข้างนอกเลยนะ เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ายืนยันแบบนั้น ข้าจะเชื่อก็ได้ และขอไปเยี่ยมอลิเซียแทน เธอเป็นเพื่อนที่ดีของข้า ดังนั้นเจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

เสียงอันคุ้นเคยของนอร่าและแอนนาดังมาจากทางเดิน พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ราวกับเสียงนับถอยหลับไปสู่ลานประหารของโรเอล เขาคิดที่จะวิ่งหนีออกไปซ่อนตัว แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

“ฝ่าบาท นายหญิงอลิเซียเข้านอนดึกเมื่อคืนจึงยังไม่ตื่น ดิฉันจะส่งคนรับใช้ไปแจ้งนายน้อยเกี่ยวกับการมาถึงของท่านให้ค่ะ ดิฉันคิดว่านายน้อยน่าจะ…”

นอร่าที่หยุดฝีเท้าของเธออย่างกะทันหัน ทำให้คำพูดของแอนนาขาดช่วงไปเช่นกัน จากนั้นสาวใช้จึงหันไปทางที่นอร่ากำลังมองอยู่ ก่อนจะพบว่ามีเด็กชายผมดำในชุดนอนยืนอยู่ข้างหน้าห้องนอนของอลิเซีย

ท้ายที่สุดอาชญากรก็ถูกจับกุมได้ในที่เกิดเหตุ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ห้องรับรองแขกของคฤหาสน์เขาวงกต เด็กสาวผมทองนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟา พลางฟังเรื่องเล่าจากสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างไม่ใส่ใจ

ขณะเดียวกันก็มีเด็กชายผมดำคนหนึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยท่าทีกระสับกระส่ายอย่างไม่สบายใจ จ้องมองสลับไปมาระหว่างการพูดของแอนนากับนอร่าที่กำลังโกรธจัด

“เมื่อคืนนี้ นายน้อยโรเอลกลับเข้าห้องนอนเร็วกว่าปกติ ตั้งใจจะพักผ่อนให้เต็มที่ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็รีบออกจากห้องนอนไปหานายหญิงอลิเซีย ใบหน้าของเขาแดงอย่างผิดปกติด้วยความตื่นเต้น ตัวส่ายไปส่ายมาอย่างไม่มั่นคง ดิฉันสงสัยว่านายน้อยอาจจะดื่มไวน์บางอย่างเข้าไป ทว่าดิฉันกลับไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวของเขาเลย”

“ดิฉันพยายามแนะนำให้นายน้อยกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อน แต่นายน้อยก็ยังยืนกรานที่จะไปพบนายหญิงอลิเซีย ดิฉันจึงทำตามคำสั่งของเขา โดยคิดที่จะส่งคนรับใช้ให้ไปแจ้งนายหญิงอลิเซียก่อนล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม นายน้อยบอกว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก รอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากนั้นนายน้อยก็มุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของนายหญิงอลิเซียและบุกเข้าไป”

“นายหญิงอลิเซียประหลาดใจมาก แต่เนื่องจากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกันของพวกเขา เธอจึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด จากนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน…”

“เดี๋ยวก่อน! แอนนา หยุดพูดไร้สาระน่า! ป…ป…ปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ว่าหมายถึงเรื่องอะไรกัน? นอร่า นี่มัน…”

“หุบปากซะ โรเอล”

ทันใดนั้นโรเอลที่กำลังจะค้านเถียงในคดีของเขา ก็ต้องเผชิญกับรอยยิ้มอัน “ใจดี” จากองค์หญิงผมทอง ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อไปพร้อมกับความพยายามปกป้องตัวเองที่ถูกปิดลง เด็กชายรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกจนทำได้เพียงแค่เอนหลังลงในที่นั่งของเขา

เมื่อเห็นว่าโรเอลเลือกที่จะถอยกลับ นอร่าก็หันกลับมาถามผู้เห็นเหตุการณ์ต่อ

“พูดต่อได้”

“ค่ะ ฝ่าบาท นายน้อยและนางหญิงอลิเซียยังคงมีปฏิสัมพันธ์อันใกล้ชิดจนถึงเวลาเที่ยงคืน เป็นอีกครั้งที่ดิฉันแนะนำให้นายน้อยกลับไปยังห้องนอนของเขาเพื่อพักผ่อน แต่นายน้อยก็ได้ปฏิเสธคำแนะนำของดิฉัน สั่งให้พวกเราทุกคนออกจากห้องไป โดยบอกว่าเขาต้องการค้างคืนกับนายหญิงอลิเซีย หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่รู้แล้วว่ามีเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“เช้าวันต่อมา เมื่อสาวใช้ของนายหญิงอลิเซียเข้ามาในห้อง พวกเธอก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน พวกเธอจึงไม่กล้าเข้าไปรบกวนพวกเขาและถอยห่างออกไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งฝ่าบาทมาถึง พวกเขาทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ออกไปจากห้องไปไหน นี่คือทั้งหมดที่ดิฉันทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ”

“ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว”

“ค่ะ ฝ่าบาท”

หัวหน้ากลุ่มแฟนคลับคู่รักโรเอล X อลิเซีย แฉโรเอลจนหมดเปลือกก่อนจะโค้งคำนับแล้วเดินออกไป ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกเปิดเผยในฐานะสาวใช้ส่วนตัวของโรเอล แอนนารู้สึกว่าตนมีหน้าที่ต้องปกปิดความจริงในนามของเจ้านาย อย่างไรก็ตามเมื่อสิ่งต่าง ๆ ได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว ความปรารถนาของสาวใช้ที่จะยืนหยัดเพื่ออลิเซียนั้นได้ก้าวข้ามเกินความจงรักภักดีต่อโรเอล

เพื่อความเป็นธรรม แอนนาไม่ได้โกหกอะไรเลยแม้แต่น้อย การกระทำของโรเอลเมื่อคืนนี้เป็นการกระทำของคนขี้เมาทั่วไป ทำตามที่ตนพอใจ โชคดีที่เขายังเป็นเด็กอยู่ มันจึงไม่ได้เลวร้ายอะไร ไม่ว่าจะทำอะไรในคืนนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือโรเอลได้ขึ้นไปบนเตียงร่วมกับอลิเซียแล้วนั่นเอง!

แม้ว่าองค์หญิงนอร่าจะชอบนายน้อยโรเอลเป็นพิเศษ แต่เราก็ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะสามารถทนต่อเรื่องเหล่านี้ได้แน่

แอนนาคิดกับตัวเองก่อนจะเดินจากไปแล้วปิดประตูลง ทิ้งความเงียบสงบแสนอันตรายไว้เบื้องหลัง

ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตก็คือช่วงเวลาที่จู่ ๆ ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมท่ามกลางบรรยากาศอันหนักอึ้ง โรเอลได้แต่นั่งกระสับกระส่ายอย่างไม่สบายใจ เด็กชายไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเหตุการณ์ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ โรเอลรู้สึกราวกับว่าเขาได้ทำผิดบางอย่างต่อนอร่า

เด็กชายพอจะเข้าใจเรื่องราวคร่าว ๆ แล้วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากได้ยินเรื่องราวจากแอนนา พูดง่าย ๆ ก็คือ เขามีอาการมึนเมาหมดสติหลังจากดื่มสุรานั่นเอง โรเอลเคยสัมผัสมันเพียงครั้งเดียวในอดีตชาติ มันเป็นผลมาจากการดื่มเตกีล่าเพราะการตื๊อของเพื่อน ๆ ฤทธิ์อันมหาศาลของมันทำให้เขาล้มลงไปในทันที และจำไม่ได้อีกว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

โรเอลไม่คิดเลยว่ายาที่เขาดื่มเข้าไปจะสร้างเรื่องได้มากขนาดนี้ แม้ว่าเด็กชายจะใช้มาตรการป้องกันแล้วก็ตาม แต่มันกลับเลวร้ายยิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก นี่ทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งในฐานะลูกค้า

เราจะป้องกันอาการเมาแล้วเรื้อนได้ยังไง? นี่มันยากเกินไปแล้ว!

ขณะที่กำลังรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ โรเอลก็แอบเหลือบมองไปที่นอร่า ทำให้เขาสังเกตเห็นว่าเธอกำลังพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับพยายามสงบสติอารมณ์อยู่ เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากกับ ‘การแสดงอันน่าทึ่ง’ ของโรเอล

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ นะ.. จริง ๆ นะ! นอร่า เธอต้องเชื่อฉันนะ…”

โรเอลพึมพำเบา ๆ เด็กชายไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงต่อหน้านอร่าในตอนนี้ เพราะเขากลัวว่าจะไปเผลอรบกวนเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชาย นอร่าก็หลับตาลงแล้วก้มศีรษะ ครู่ต่อมาเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งมามองที่เขา

“ข้าจะฟังคำอธิบายของเจ้า แต่ถ้าเจ้ากล้าโกหกข้าล่ะก็…”

“ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน! สาบานเลยว่าฉันใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต!”

เมื่อต้องเผชิญกับดวงตาที่หรี่ลงของนอร่า โรเอลจึงรีบออกหน้ารับประกันความซื่อสัตย์อย่างรวดเร็ว

“อันที่จริง ฉันได้รับยาบางอย่างมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งว่ากันว่ามันสามารถช่วยให้ฉันก้าวขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ 5 ได้ เมื่อวานนี้ฉันอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจใช้มัน แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่ายานั้นจะมีผลข้างเคียงบางอย่าง ทำให้ฉันหมดสติหลังจากที่ได้ดื่มมันเข้าไป จนถึงเมื่อเช้านี้เอง ฉันถึงได้สติกลับคืนมา”

“มันต้องเป็นแอลกอฮอล์ปลอมมาแน่ ๆ ข้างในต้องมีแอลกอฮอล์ปลอมแน่ ๆ! แอลกอฮอล์ปลอมทำลายชีวิตคนได้จริง ๆ!”

โรเอลตบต้นขาพร้อมคร่ำครวญถึงการกระทำของตนอย่างเศร้าโศก เมื่อเห็นใบหน้าอันจริงจังของเด็กชาย ประกอบกับจี้ที่เธอสวมนั้นไม่มีปฏิกิริยาอะไร ความโกรธของนอร่าจึงลดลงไปเล็กน้อย

อารยธรรมของมนุษย์ได้เสื่อมโทรมลงตั้งแต่ยุคทอง ทำให้พัฒนาการของวิชาเล่นแร่แปรธาตุถดถอยลงไปด้วย ในยุคปัจจุบันจึงไม่มียาอะไรที่เทียบเคียงได้กับยาของโลโบร์ ด้วยเหตุนี้ทำให้นอร่าค่อนข้างจะไม่สนับสนุนยาเสริมพลังต่าง ๆ และต่อต้านการบริโภคพวกมัน

อย่างไรก็ตามนอร่ารู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับพรสวรรค์เฉกเช่นเธอ ที่สามารถฝ่าฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ด้วยพรสวรรค์ของตน กลับกันแล้วสำหรับโรเอลที่เพิ่งปลุกพลังสายเลือดดั้งเดิมของตนขึ้นมาได้ เขาน่าจะเป็นเพียงระดับทองแดงในขณะนี้ เมื่อพิจารณาว่าเด็กชายจะต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาไปอย่างช้า ๆ เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับพลังทางสายเลือด มันจึงพอจะเข้าใจได้ถึงเหตุผลว่าทำไมโรเอลถึงพยายามหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งของตน แม้ว่าจะต้องพึ่งพายาอันตรายเพื่อการนั้นก็ตาม

นอร่ารู้สึกว่าเธอไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์เขาในเรื่องนี้ แต่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งหากโรเอลพบปัญหาเนื่องจากกลืนสิ่งที่ไม่ทราบที่มาลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันได้สร้างความเข้าใจผิดร้ายแรงเช่นนี้

“โรเอล ข้าเข้าใจความปรารถนาของเจ้าที่จะแข็งแกร่งขึ้นดี แต่มันเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งที่เจ้าจะบริโภคยาโดยไม่ทราบถึงผลข้างเคียงของมัน ครั้งนี้เจ้าประมาทเกินไปจริง ๆ! ข้าคงต้องไปคุยกับท่านลุงคาร์เตอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่จะ…”

“เดี๋ยว ๆๆๆๆๆ! ฉันคิดว่าเธอไม่จำเป็นจะต้องไปรบกวนพ่อของฉันเลย เรื่องแบบนี้ มันก็แค่การเมาแล้วอาละวาดเท่านั้นเอง…”

เธอจะจู้จี้ฉันเท่าไหร่ก็ได้ แต่อยากลากพ่อแม่ของพวกเราเข้ามาเกี่ยวข้องสิ โอเคนะ? จะให้ฉันบอกคาร์เตอร์ยังไง? ถ้าเขาถามฉันว่าได้ยานี้มาจากที่ไหน?

โรเอลผู้กำลังกังวลสุด ๆ พยายามจะเปลี่ยนความคิดของนอร่าให้ได้ ทว่าทันใดนั้นเองก็มีคนเดินมาเคาะที่ประตู

“พี่ใหญ่โรเอล? อยู่ในนั้นรึเปล่าคะ?”