ตอนที่ 102 การสอบถามตอบ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

วิชาสังหารของตระกูลหลิง! นี่เป็นหนึ่งในวิชาต่อสู้เฉพาะของผู้คุ้มกันตระกูลหลิง ทำไมถึงโผล่ขึ้นมาในมิติภารกิจนี้ได้? หัวใจของหลิงหลานเกิดความหวาดระแวงขึ้นมา ถ้าหากบอกว่าตอนแรกเธอไม่ได้ให้ความสนใจภารกิจมรดกนี้มากขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นวิชาสังหารชุดนี้ปรากฏตัวขึ้นมา หลิงหลานจำเป็นต้องให้ความสนใจแล้ว

หลิงหลานรีบออกท่วงท่าหมัดเท้าของวิชาสังหารตระกูลหลิงตามร่างเงานั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลิงหลานฝึกการต่อสู้กับผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงมาตั้งแต่เด็กจนโต เข้าใจอย่างถ่องแท้มาตั้งนานแล้ว

เมื่อหลิงหลานแสดงวิชาสังหารทั้งชุดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบรอบหนึ่ง ร่างสีเทาก็เลือนหายไป แต่ในขณะเดียวกันหลิงหลานก็รู้สึกว่าหมอกตรงหน้ากำลังกระจัดกระจายลดลงไป ไม่นานเธอก็มองเห็นทัศนียภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

เธอกำลังยืนอยู่บนสนามหญ้าสีเขียวที่เจริญงอกงาม บริเวณที่ห่างไกลออกไปมียอดเขาสูงขึ้นลงต่ำล้อมรอบไปด้วยเมฆหมอก ส่วนบริเวณที่ใกล้ๆ มีสายธารใสกระจ่าง นกน้อยขับขานดอกไม้ส่งกลิ่นหอม หุบเขาที่สวยงามสงบเงียบปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลานโดยไม่คาดคิด

หลิงหลานไม่เคยเห็นทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้มาก่อน ทำให้หัวใจเธอสงบนิ่งลงฉับพลันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีกระดาษขาวแผ่นหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า มันปลิวไหวที่เบื้องหน้าหลิงหลาน หลังจากนั้นก็ลอยมาที่ตรงด้านหน้าดวงตาของเธอก่อนจะกางออกมาเองอย่างน่าอัศจรรย์มาก

ด้านบนมีตัวอักษรอยู่แถวหนึ่ง มันเป็นคำถามว่า ‘นี่เป็นหุบเขาที่สวยงาม แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีชื่อของมัน เวลานี้รบกวนคุณตั้งชื่อที่ฟังดูไพเราะให้มันสักชื่อเถอะ’

หลิงหลานเพิ่งจะกวาดสายตามองตัวอักษรแถวนี้จบ พู่กันด้ามเล็กที่ประณีตงดงามก็โผล่ขึ้นมาที่ด้านข้างกระดาษขาว

แปลกจัง ทำไมสถานที่ทันสมัยขนาดนี้ถึงมีของโบราณแบบนี้โผล่ขึ้นมาได้นะ?

หลิงหลานขมวดคิ้ว สายตาของเธอถูกพู่กันด้ามนี้ดึงดูดไป หลังจากนั้นยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง เนื่องจากลักษณะของพู่กันด้ามนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง เพียงแต่ชั่วขณะหนึ่งที่เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

สถาบัน? หลิงหลานส่ายศีรษะเงียบๆ ตัดความเป็นไปได้นี้ทันที สถาบันก้าวหน้ามากเกินไป ถ้าหากบอกว่าด้านในจะมีของที่เหนือความเป็นจริงอยู่บ้าง หลิงหลานก็ยังเชื่อ แต่มีของโบราณที่แทบจะไม่ได้เห็นแล้วอย่างพู่กันแบบนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เช่นนั้น ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือเธอเคยเห็นที่บ้านมาก่อน

ถ้าอย่างนั้นเธอเคยเห็นพู่กันคล้ายๆ แบบนี้ในบ้านตอนไหนกันนะ? ปกติแล้วสถานที่ที่พู่กันจะโผล่ขึ้นมาก็คือห้องหนังสือ แต่ห้องหนังสือของคฤหาสน์ตระกูลหลิงก่อนหน้านี้เป็นของบิดาเธอ ดังนั้นพู่กันทุกด้ามที่อยู่ด้านในต่างก็ดูยิ่งใหญ่เรียบง่ายมาก ไม่มีพู่กันที่ดูประณีงดงามแบบนี้แน่นอน เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพู่กันที่ให้ผู้หญิงใช้…

ผู้หญิง? ห้องหนังสือ? หลิงหลานพลันนึกถึงเรื่องหนึ่ง นั่นคือตอนที่เธอเพิ่งจะเริ่มเรียนเขียนอ่านได้ไม่นานก็ถูกมารดาเธอลากไปเรียนเขียนพู่กันในห้องหนังสือ บอกว่านี่เป็นธรรมเนียมของตระกูลหลิง ผู้สืบเชื้อสายของตระกูลหลิงทุกคนต่างก็ต้องเรียนรู้ทักษะนี้ ตอนนี้หลิงหลานดูน่าอนาถมาก มือน้อยๆ ของเธอไม่สามารถจับพวกพู่กันด้ามใหญ่ที่บิดาของเธอใช้ได้เลย สุดท้ายก็ได้แต่จับพู่กันเป็นไม้ถูกพื้นแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว

หลานลั่วเฟิ่งเห็นสีหน้า 囧 ของหลิงหลานก็ขบขันทันที แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองสะเพร่าไป ไม่ได้เตรียมพู่กันด้ามเล็กที่เหมาะสมไว้ให้หลิงหลาน สุดท้ายเธอก็เลยหยิบพู่กันด้ามเล็กที่ตัวเองทะนุถนอมอย่างยิ่งมาให้หลิงหลานใช้ไปก่อนเพื่อให้หลิงหลานจับพู่กันเขียนได้ถูกต้อง เธอยังบอกหลิงหลานด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจว่า นี่เป็นของแทนใจที่หลิงเซียวบิดาของเธอมอบให้เธอ

จำได้ว่าตอนนั้นเธอแขวะทันทีว่า พ่อขี้เหนียวเกินไปแล้ว ส่วนแม่ก็หลอกง่ายมากเกินไปจริงๆ ทำให้หลานลั่วเฟิ่งเขกหัวเธออย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่เนื่องจากพู่กันด้ามเล็กนั้นประณีตงดงามมากไปทำให้หลิงหลานเล่นกับมันด้วยความอยากรู้อยากเห็นรอบหนึ่ง แต่พอเริ่มวันที่สอง พู่กันด้ามเล็กนี้ก็ถูกหลานลั่วเฟิ่งเก็บเข้าไปในก้นหีบอีกครั้ง ของที่ใช้แทนก็คือพู่กันแท่งเรียวเล็กธรรมดาสุดขีด นับตั้งแต่นั้นมา หลิงหลานก็ไม่เคยเห็นพู่กันแทนใจด้ามนั้นอีกเลย

เวลาผ่านไปเกือบห้าปีทำให้หลิงหลานแทบจะลืมเลือนเรื่องพวกนั้นไป รวมไปถึงพู่กันด้ามนั้นด้วย

หลิงหลานข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นไว้ หยิบพู่กันที่สวยงามตรงหน้าขึ้นมาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เธอควงมันอยู่ในมือ บนด้ามพู่กันมีนกฟีนิกซ์กางปีกทะยานซึ่งถูกสลักด้วยวิธีหยางเค่อ[1]มันเหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อตอนนั้นเลย เป็นพู่กันที่อยู่ในความทรงจำด้ามนั้นตามที่คิดไว้จริงๆ

หรือว่ามรดกนี้จะเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิง? เกี่ยวข้องกับพ่อของเธอ? หรือว่าเป็นของพ่อเธอ?

หลิงหลานรู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอจะมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง? ภารกิจมรดกต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันขึ้นไปถึงจะสามารถประกาศออกมาได้ แต่ผู้แข็งแกร่งระดับราชันขึ้นไปต่างก็เป็นตัวตนที่น่ากลัว แทบจะเป็นตัวแทนถึงความอมตะ พ่อที่อายุสั้นของเธอจะเป็นไปได้ยังไงกัน

แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงละ? หัวใจของหลิงหลานเต้นขึ้นมาอย่างรุนแรง…

เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฎขึ้นมาบนกระดาษขาวอีกครั้ง ‘คุณยังมีเวลาคิดอีกหนึ่งนาที เริ่มนับถอยหลัง 60 59 58…’

เชี่ย! ความตื่นเต้นของหลิงหลานหนีหายไปหมดทันที เธอเริ่มคิดชื่อขึ้นมา ตอนนี้หลิงหลานรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่ถูกพู่กันดึงดูดความสนใจไป ไม่ได้ใช้เวลาครุ่นคิดคำถามข้อนี้ให้เป็นประโยชน์เลย

“หุบเขาที่สวยงาม พู่กันที่ประณีตงดงาม? ภารกิจมรดกอยากใช้ฉากนี้บอกอะไรกับฉันนะ?” CPU ในสมองหลิงหลานทำงานเต็มกำลัง พยายามหาคำใบ้ด้านในให้เจอ

พู่กันเป็นของแทนใจของแม่? ถ้าอย่างนั้นหุบเขาที่งดงามแห่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับแม่เหมือนกันหรือเปล่า? หลิงหลานเริ่มพยายามนึกถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ หวังว่าจะเจอเบาะแสได้บ้าง

43 42 41…เวลาผ่านไปทีละน้อย หน้าผากของหลิงหลานเริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา ‘ให้ตายเถอะ ถ้าเสี่ยวซื่ออยู่ด้วยก็ดีสิ’

“ลูกพี่ หาฉันเหรอ?” เสียงของเสี่ยวซื่อดังขึ้นมาในห้วงสติอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ หลิงหลานสะดุ้งด้วยความตกใจ “เสี่ยวซื่อ นายอยู่ด้วยเหรอ?”

“อื้อ ฉันดูอยู่ตลอดเลย แต่ฉันถูกพลังสายหนึ่งกักขังเอาไว้ ไม่สามารถติดต่อเธอได้ แต่เมื่อตะกี้นี้พอเธอนึกถึงฉัน พลังที่กักขังฉันสายนั้นก็หายไปแล้ว” เสี่ยวซื่อตอบ

“อย่าเพิ่งพูด เหลืออีกสามสิบกว่าวินาที รีบช่วยฉันคิดเร็ว ตอนที่ฉันคุยเล่นกับแม่ มีพูดเรื่องสถานที่แบบนี้บ้างหรือเปล่า?” หลิงหลานโยนคำถามออกไปทันทีด้วยความร้อนใจราวกับถูกแผดเผา

“ปริมาณข้อมูลนี้ใหญ่มากไปหน่อย บอกใบ้อีกหน่อยได้ไหม?” เสี่ยวซื่อเครียดขึ้นมาเช่นกัน ชิปหลักเองก็เริ่มทำงานเกินพิกัด

“สถานที่ตกลงเป็นแฟน นัดเดต ขอแต่งงาน อะไรเอย สถานที่แต่งงานหรือฮันนีมูน หรือว่าสถานที่ประทับใจอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ หรือว่าเป็นบ้านในฝัน?” หลิงหลานพูดหลายคำออกมาอย่างสะเปะสะปะ ตอนนี้ได้แต่เดิมพันเท่านั้นแล้ว “สถานที่เดต นอกจากคฤหาสน์แล้วก็เป็นค่ายทหาร พ่อของเธอไม่มีความโรแมนติกจริงๆ เลย!” เสี่ยวซื่อพึมพำ ทำไมคุณแม่หลานถึงหลงรักง่ายขนาดนี้ด้วยนะ? “ตกลงเป็นแฟน? ขอแต่งงาน? แต่งงาน? ฮันนีมูน? อืม? คฤหาสน์? ค่ายทหาร แม่งเอ๊ย พ่อเธอรู้จักวิ่งไปแค่คฤหาสน์กับค่ายทหารสองที่นี้เท่านั้นหรือไง? ไม่เคยคิดจะไปเที่ยวที่อื่นเลยเหรอ?”

เสี่ยวซื่อโมโหจริงๆ เขาค้นไปค้นมา นอกจากค่ายทหารแล้ว ประวัติความรักของหลิงเซียวกับหลานลั่วเฟิ่งก็มีไปแค่คฤหาสน์ตระกูลหลิง ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหุบเขาสวยงามแห่งนี้เลย

“งั้นความฝันล่ะ ความฝัน แม่ฉันไม่มีสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดเลยเหรอ?” หลิงหลานเห็นตัวเลขบนกระดาษขาวที่ตกลงมาจากสิบเป็นเลขเดี่ยวก็อดตะโกนเสียงดังขึ้นมาไม่ได้

“เจอแล้ว เป็น Belief! หม่าม้าหลานอยากไป Belief มากที่สุด…” ในที่สุดเสี่ยวซื่อก็หาสถานที่ที่หลานลั่วเฟิ่งคิดถึงเจอ

ตอนนี้ตัดเลขนับถอยหลังถึงสามแล้ว หลิงหลานไม่ลังเลอีกต่อไปเช่นกัน เธอเขียน Belief ลงไปทันที เมื่อเขียน f ตัวสุดท้ายเสร็จ เวลานับถอยหลังก็ถึงศูนย์พอดี

หลิงหลานมองคำตอบของเธออย่างอึ้งๆ เธอไม่รู้ว่า Belief คือสถานที่แบบไหน และก็ไม่รู้ว่าคำตอบที่เสี่ยวซื่อหาเจอนี้ถูกต้องหรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็พยายามสุดความสามารถแล้ว

ตัวอักษรบนกระดาษเริ่มจางไปช้าๆ รวมไปถึงคำตอบของหลิงหลานด้วย กระดาษขาวกลายเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่งจริงๆ หลิงหลานสูดลมหายใจลึกๆ รอคอยการประกาศคำตัดสินสุดท้ายของภารกิจมรดก

สอบผ่าน! อักษรตัวใหญ่ที่เขียนแบบสิงชู[2]ดูแข็งแกร่งมีพลังสองคำค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนกระดาษขาว หลิงหลานมองอักษรตัวใหญ่สองคำนี้ก็โล่งใจ แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ความกดดันตึงเครียดในเวลาหนึ่งนาทีเมื่อสักครู่นี้ทำให้เธอสิ้นเปลืองแรงใจอย่างมาก

อักษรตัวใหญ่สองคำหายไปอีกครั้ง หลังจากนั้นคำถามใหม่ก็ปรากฏขึ้น แต่คำถามเหล่านี้ไม่มีความยากอะไรเลย เนื่องจากเห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแนะนำตัวเองอย่างหนึ่ง

‘ชื่อ-นามสกุล: หลิงหลาน!’

‘บิดา: หลิงเซียว!’

‘มารดา: หลานลั่วเฟิ่ง!’

‘อายุ: 7 ขวบ!’

‘บิดาของคุณชอบอะไรมากที่สุด?’ คำถามข้อห้าทำให้หลิงหลานอึ้งไป เธอเริ่มหยุดพู่กันในมือ หวนนึกถึงคำพูดของหลานลั่วเฟิ่ง

“หลิงหลานลูกรัก ลูกรู้ไหมว่าพ่อของลูกมีงานอดิเรกอะไร?” หลานลั่วเฟิ่งกำลังอุ้มหลิงหลาน หยิบภาพถ่ายร่วมกันของเธอกับหลิงเซียวขึ้นมา เอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หลิงหลานกลอกตาอย่างลับๆ แม่ของเธอไม่เคยบอกมาก่อน แล้วเธอจะไปรู้ได้ยังไงเล่า

“พ่อของลูกชอบหุ่นรบมาก ถึงขนาดที่บอกได้ว่า ในชีวิตเขานอกจากหุ่นรบแล้วก็ยังคงมีแค่หุ่นรบ บางครั้งแม่ก็หึงหุ่นรบของเขา แต่ว่าเวลาที่พ่อของลูกขับหุ่นรบนั้นเท่ที่สุดเลย ไม่มีใครเทียบเขาได้” คุณแม่หลานทำหน้าเคลิบเคลิ้มเริ่มบ้าผู้ชายอีกแล้ว ทำให้หลิงหลานที่เพิ่งจะอายุได้หนึ่งขวบกว่าใช้มือน้อยๆ ตีไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มเจิดจ้าของหลิงเซียวในรูปภาพอย่างรุนแรง

“ความงามเป็นภัย!” หลิงหลานพึมพำเสียงเบา เมื่อเอ่ยถึงพ่อของเธอทีไร แม่ของเธอใจเย็นไม่ได้เลย

“แต่ว่าสิ่งที่พ่อของลูกรักมากที่สุดก็คือแม่ ลูกรู้หรือเปล่า? พ่อของลูกบอกแม่ว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างแม่กับหุ่นรบ เขาจะทิ้งหุ่นรบ เลือกแม่โดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว” หลานลั่วเฟิ่งกล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าก็แดงฉาน “รอให้แม่เจอเขา แม่จะทำให้เขาทิ้งหุ่นรบมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ตลอดไปแน่นอน…เขาเคยรับปากแล้ว”

หลิงหลานสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าจางๆ รักจนลึกซึ้งดังนั้นเลยไม่อาจยอมรับความตายของอีกฝ่ายได้ ทุกครั้งที่หลานลั่วเฟิ่งพูดถึงหลิงเซียว ก็เหมือนกับว่าเขาไปทัศนาจรที่ไกลๆ ไม่ได้จากไปจริงๆ

… สิ่งที่พ่อของเธอรักมากที่สุดคือแม่ใช่หรือเปล่า? นี่ก็เป็นความหวังของแม่เหมือนกัน หลิงหลานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เธอเขียนคำว่า ‘หลานลั่วเฟิ่ง’ สามคำลงไปด้านหลัง ‘บิดาของคุณชอบอะไรมากที่สุด’ ทันที

อย่างไรก็ตาม คำถามต่อมาทำให้หลิงหลานปวดหัวอีกแล้ว ทำไมคำถามของภารกิจมรดกถึงแปลกพิลึกขนาดนี้?

‘นิสัยตอนนอนของมารดาคุณ?’ คำถามนี้ทำให้หลิงหลานอดเบ้หน้าไม่ได้ เธอเขียนคำว่า ‘กัดฟัน’ สองคำลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่หลิงหลานหยุดพู่กัน กระดาษขาวก็ปรากฏคำถามสุดท้ายว่า ‘ต้องการแก้ไขคำตอบหรือไม่?’

หลิงหลานเขียนคำว่า ‘ไม่’ อย่างเด็ดขาด เมื่อเขียนขีดสุดท้ายของคำว่า ‘ไม่’ เสร็จ พู่กันในมือหลิงหลานก็เปลี่ยนเป็นหมอกดำอันตรธานหายไปในพริบตา และตัวอักษรบนกระดาษก็หายไปอีกครั้ง

สุดท้ายกระดาษขาวก็ปรากฏตัวอักษรแถวใหม่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

‘ยินดีด้วย คุณเข้าสู่รอบต่อไป!’

…………………………………………

[1] สลักเป็นตัวอักษรนูน

[2] การเขียนตัวอักษรแบบตวัดอย่างบรรจง