ตอนที่ 93.2 รวมกลุ่มเข้าหอนางโลม (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

พญายมไม่สนใจหญิงสาวเหล่านี้จริงหรือ หรือเขาสายตาสูงส่ง จึงดูถูกสตรีที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเหล่านี้ เช่นนั้น ก่อนหน้านี้เขาชื่นชอบสตรีหรือไม่ แต่เวลานี้เหตุใดถึงมาที่นี่!

สำหรับพญายม เล่อเหยาเหยาดูไม่ออกและคาดเดาไม่ได้เลย

ทว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะพญายมก็ไม่ใช่คนธรรมดา จะถูกคนคาดเดาได้อย่างง่ายดายเช่นไร!

ขณะคิดอยู่ในใจ เล่อเหยาเหยาเห็นพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ถูกเถ้าแก่เนี้ยและเหล่าหญิงสาวที่ห้อมล้อมอยู่ พาพวกเขาตรงไปที่ห้องชั้นดีห้องหนึ่ง

ระหว่างเดินไปเถ้าแก่เนี้ยยังแนะนำหญิงสาวในหออวี๋หงว่า คนนี้มีความสามารถ คนนี้อ่อนโยน คนนี้ช่างเอาอกเอาใจที่สุดไม่หยุด

พูดน้ำไหลไฟดับ อย่างไม่รู้จบ

สุดท้ายอาจเป็นเพราะพญายมทนไม่ไหวแล้ว จึงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มบนใบหน้าของเถ้าแก่เนี้ยจึงชะงักงัน

ต่อมา หนานกงจวิ้นซีด้านข้างพลันเอ่ยถามขึ้น

“หออวี๋หงของท่าน พักนี้มีหญิงงามดุจเทพธิดาผู้หนึ่งมิใช่หรือ ว่ากันว่านางงดงามหยาดฟ้ามาดิน จริงหรือไม่!”

เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง หนานกงจวิ้นซีรับสุราที่หญิงสาวยื่นส่งให้ ก่อนพลันนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา

หลังจากเถ้าแก่เนี้ยได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซีก็เข้าใจทันที พวกหนานกงจวิ้นซีมาที่นี่เพราะหญิงสาวที่มาใหม่ผู้นั้น

ทันใดนั้น ก็เอ่ยอย่างกระตือรือร้นพลางยิ้มแย้มดุจบุปผา

“โอ ที่แท้คุณชายมาหาแม่นางหลูซวงของเรานี่เอง ฮิๆ ไม่แปลกเพราะแม่นางหลูซวงของพวกเรา รูปโฉมงดงามดุจเทพธิดา และบุคลิกก็มีเอกลักษณ์!”

“เช่นนั้นเรียกนางมา ดูสิว่าจะงดงามดั่งที่เจ้าพูดหรือไม่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเถ้าแก่เนี้ย หนานกงจวิ้นซีรู้สึกสนใจ ก่อนเลิกคิ้วเอ่ยขึ้น

เขาเห็นหญิงงามมามากมาย เมื่อได้ยินเถ้าแก่เนี้ยเอ่ย คล้ายบนโลกนี้มีสตรีที่งดงามดุจเทพธิดาเช่นนี้จริง หนานกงจวิ้นซีจึงสนใจอยากเห็นทันที

ส่วนเถ้าแก่เนี้ยเมื่อเห็นท่าทางสนใจของหนานกงจวิ้นซี รีบเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า

“คุณชายอย่าใจร้อน อีกสักครู่แม่นางหลูซวงของพวกเราจะขึ้นบรรเลงเพลง เวลานั้นคุณชายจะเห็นแน่นอน!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่างเถอะ เช่นนั้นตอนนี้ท่านนำอาหารและสุราชั้นดีมาให้พวกเราก่อนเถิด วันนี้ข้าต้องเห็นให้ได้ว่าแม่นางหลูซวงนั้นจะงดงามจริงหรือไม่!”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยจบ ก็ควักตั๋วเงินร้อยตำลึงออกมาส่งให้เถ้าแก่เนี้ยที่รอคอยอยู่

เถ้าแก่เนี้ยเพียงเห็น ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังเอ่ยประจบประแจงไม่หยุด ก็ถอยออกจากห้องไป

ไม่นาน บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยสุราอาหารหลากหลายเมนู

ภายในห้อง นอกจากหญิงสาวที่หนานกงจวิ้นซีเลือกให้นั่งลง คนที่เหลือหลังให้เงิน เขาก็สั่งให้ออกไป

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง เห็นท่าท่างชำนาญของหนานกงจวิ้นซี และการควักตั๋วเงินมูลค่าสูงออกมาจากอก ในใจเกิดความอิจฉาริษยาและเกลียดชังขึ้นมา!

น่าตายนัก!เด็กล้างผลาญ!

มีเงินแล้วสามารถใช้อย่างตามใจเช่นนี้หรือ!

แม้เขาจะใช้จ่ายอย่างไม่ปวดใจ แต่เธอกลับไม่สบายใจเมื่อได้เห็น

เพราะเมื่อคิดดูแล้วตนตอนนี้เป็นเพียงบ่าวตัวเล็กๆ เงินเดือนเพียงสองตำลึง แต่หนานกงจวิ้นซีกลับใช้จ่ายครั้งเดียวกว่าร้อยตำลึง เธอจึงมองอย่างสับสนและโกรธเคือง

เมื่อนึกถึงเงินร้อยตำลึงที่ตนทำหล่นหายวันก่อน เล่อเหยาเหยาก็น้ำตาตกใน

กระทั่งสีหน้าดูโกรธเคือง

และภาพนี้ก็ตกอยู่ในสายตาของหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างพอดี หนานกงจวิ้นซียื่นมือไปโอบกอดหญิงสาวที่แต่งตัวสวยงาม อีกข้างถือสุราจิบพลางเอ่ยหยอกล้อกับเล่อเหยาเหยาที่โกรธเคืองว่า

“กระต่ายน้อย เจ้ากังวลสิ่งใด ถึงดูเศร้าโศกยิ่งนัก!”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองของขันทีน้อยนี้ ในใจของเขากลับเบิกบานขึ้นมา

‘เขา’กำลังโกรธเคือง! หรือกำลังหึง!

พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีก็ยิ้มกว้างขึ้น

เดิมทีเขาคงลืมไปว่าตนมาที่หอนางโลม เพื่อจัดการความผิดปกติของตน แต่เวลานี้เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยากำลังโกรธเคือง ในใจเขากลับเบิกบาน

คำพูดของหนานกงจวิ้นซี ก็ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ชำเลืองมองมา

พญายมหลังเข้ามาในห้อง นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ไม่ว่าหญิงสาวชุดแดงจะง้องอนเอาใจเช่นใด เขายังมีสีหน้านิ่งเฉยเช่นเดิม

แต่เขายิ่งเป็นเช่นนี้ คล้ายยิ่งทำให้หญิงสาวชุดแดงนั้นอยากเอาชนะ ดังนั้นหลังจากนั่งลง ก็จะเห็นหญิงสาวชุดแดงผู้นั้นพยายามเสนอตัวเพื่อเอาใจพญายมนับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี พญายมชำเลืองไปยังเล่อเหยาเหยา

เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองของเล่อเหยาเหยา นัยน์ตาเย็นชาที่แคบยาวคู่นั้น อดเปล่งประกายไม่ได้

แต่ว่าเขากลับไม่พูดอะไรออกมา เพียงยื่นมือยกจอกสุราขึ้นจิบลิ้มรส

ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ก็โมโหในใจอย่างมาก

ฮึ!

เธอกังวลเหรอ!

เธอกำลังโมโหต่างหาก!

แม้เล่อเหยาเหยาจะก่นด่าอยู่ในใจ แต่ว่าเธอยังทำปากเบะ มองไปยังหนานกงจวิ้นซีด้วยสีหน้าเศร้าเสียใจ ก่อนเอ่ยว่า

“ขอถามองค์ชายว่าน่าเศร้าเพียงใด ที่พาขันทีมาหอนางโลมเช่นนี้! ”

“ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีที่นั่งเล่นหยอกล้ออยู่ด้านข้าง อดพ่นสุราออกมาจากปากไม่ได้

เพราะสีหน้าเศร้าเสียใจและคำพูดของเล่อเหยาเหยานั้น สมจริงสมจังอย่างมาก!

ไม่เพียงหนานกงจวิ้นซี กระทั่งพญายมที่อยู่ด้านข้าง หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็ยังอดยิ้มจางๆ ที่มุมปากไม่ได้

แม้รอยยิ้มของพญายมจะจืดจางอย่างมาก แต่หญิงสาวชุดแดงที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาก็เห็นเข้าพอดี

เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของพญายม หญิงสาวชุดแดงตกตะลึงอย่างสุดขีด ดวงตาเบิกกว้าง แววตาปรากฎความตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง

เพราะหญิงสาวอยู่ในหออวี๋หงมาหลายปี ผ่านบุรุษมานับไม่ถ้วน เจอบุรุษมาหลากหลายรูปแบบ

แต่บุรุษที่หล่อเหลาดุจเทพเซียนข้างกายนี้ เป็นครั้งแรกที่นางพบเจอ

แม้เมื่อครู่นางจะเสนอตัวนับครั้งไม่ถ้วน ชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ไหวติง จนทำให้นางผิดหวัง แต่กลับปลุกความไม่ยอมแพ้และเอาชนะในใจนางขึ้นมา

อีกทั้งอยู่ในหออวี๋หงมาหลายปี นางอ่านเรื่องความรักความใคร่นี้ได้อย่างทะลุปรุโปรง

ชายหนุ่มในวันนี้ กลับทำให้นางอยากพิชิตใจเขา

นางอยากครอบครองชายหนุ่มผู้นี้!

แม้เพียงค่ำคืนเดียวในฤดูใบไม้ผลิ นางก็ต้องการ!

แต่ว่า หญิงชุดแดงกลับเห็นพญายมที่ไม่ไหวติง เรียบเฉย คล้ายภูเขาน้ำแข็งพันปี ยิ้มแย้มเพราะผู้ติดตามข้างกาย

เห็นรอยยิ้มมุมปากของเขา หญิงชุดแดงลืมตาที่แต่งแต้มด้วยชาดขึ้น ก่อนมองไปยังเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

……………………………………..