บทที่ 100 ถางโร้วตกอยู่ในอันตราย![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 100 ถางโร้วตกอยู่ในอันตราย![รีไรท์]

เมื่อได้เห็นพลังของค่ายกลทั้ง 2 ชนิด มันทำให้ทุกคนไม่สงบ หากไม่ใช่เพราะฉู่ชวิ๋น พวกเขาคงจะต่อสู้กันเพื่อเริ่มแย่งชิงหยกอย่างแน่นอน

วันรุ่งขึ้น โม่ซิงเหอสำเร็จขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 9 ได้อย่างสมบูรณ์ กำปั้นของเขาสามารถผ่าทองคำและเหล็กกล้าได้ เท้าของเขาสามารถทำลายต้นไม้ที่หนาๆได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตามมันไร้ประโยชน์ หากเจอเข้ากับค่ายกลป้องกัน

จะเห็นได้ว่าเมื่อเปิดค่ายกลป้องกันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการใช้กระสุนในการถล่มค่ายกล แม้แต่กระสุนเจาะเกราะก็ไม่อาจพังทลายมันได้

แต่ค่ายกลสังหารนั้นยิ่งน่ากลัวกว่า หลังจากโม่ซิงเหอติดกับดัก เขาก็ไม่กล้าฝืนอีก หากมีค่ายกลสองชนิดนี้จะไปไหนก็ราบรื่น

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกลืนและถ่มน้ำลายออกมาพร้อม ๆ กันดวงตาของพวกเขาร้อนแรง

“สังหาร ป้องกัน ค่ายกลสองแบบนี้ เลือกมาอย่างละอัน” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น

เพราะหยกโบราณเหล่านี้ได้ถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงต่างหูและเครื่องประดับหญิงอื่น ๆ

ใบหน้าของซูฟานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เนื่องจากความเลินเล่อของเขา โม่ซิงเหอจึงบาดเจ็บ และโม่ซิงเหอเป็นคนแรกที่เลือกก่อน แน่นอนว่าไม่มีใครคัดค้าน

โม่ซิงเหอปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็เป็นผู้นำในการเลือก เขาเลือกไม้บรรทัดหยกและจี้หยกแกะสลักรูปมังกร เฉินฮั่นหลงเลือกแหวนหยกคู่หนึ่งต่อ

พวกเขาเลือกกันทีละคน

เมื่อถึงคราวของไป๋เหรินเจี๋ยและไป๋เหรินฉง ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองพวกเขา ซึ่งมันทำให้พวกเขามึนงง

“หากมีปัญหา ขอความช่วยเหลือจากโม่ซิงเหอ!” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเฉยเมย

ทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาสองคนก็สว่างขึ้น พวกเขาไม่กล้าขยับตัว นั่นเป็นเพราะชุดรักษาความปลอดภัยของตระกูลไป๋ไม่มีจอมยุทธ์หรือนักสู้

หากมีโม่ซิงเหอคอยช่วยเหลือ พวกเขาจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าพวกเขาสามารถควบคุมตระกูลไป๋ได้ในเวลาอันสั้น

“ขอบคุณครับ!”

ทั้งสองเอ่ยขอบคุณ

“พวกเราจะไม่สร้างปัญหาอย่างแน่นอน” ไป๋เหรินเจี๋ โน้มตัวคำนับไปที่โม่ซิงเหอเพื่อแสดงความเคารพ

“เป็นคนของนายท่านด้วยกันทั้งนั้น ยินดี ๆ” โม่ซิงเหอตอบแล้วเขาก็หยุดพูด

ในไม่ช้าทุกคนก็เลือกได้

“เลือกไปสักอันสิ!” ฉู่ชวิ๋นมองเจิ้งกัง

เจิ้งกังขอตามมา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเอื้อมมือไปเลือก เจิ้งกังไม่คิดว่าฉู่ชวิ๋นจะสังเกตเห็นตัวเองและให้เขาเลือกได้หนึ่งคู่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น

“ขอบคุณครับนายท่าน” เจิ้งก่วงอี้เอ่ยเตือน

เจิ้งกังตื่นเต้นมากจนคุกเข่า ฉู่ชวิ๋นยิ้มโบกมือให้เจิ้งกังและยิ้ม “ช่วยพ่อให้ดี”

“ครับ…” ใบหน้าของเจิ้งก่วงอี้แดงขึ้นด้วยความดีใจ เจิ้นกังเคยทำให้ฉู่ชวิ๋นไม่พอใจ เขาคิดว่าฉู่ชวิ๋นจะไม่ชอบใจตัวเอง แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะคิดไปเองแล้วล่ะ

“ทุกคนเลือกกันครบแล้วใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่!” ซูฟานตะโกน

ทุกคนอดมองไปที่เขาไม่ได้ เฉินฮั่นหลงหน้าดำทะมึน พูดด้วยความโกรธว่า “ที่นิ้วมือของนายมีอะไร พูดไร้สาระ ทำไมไม่ถ่างตาดู?” เขาชี้ไปที่แหวนหยกที่นิ้วของซูฟาน

“แล้วจะทำไม?” ซูฟานเงยหน้าขึ้น

ดวงตาของเฉินฮั่นหลงหรี่ลงเล็กน้อย และซูฟานยังคงทำตัวเหมือนเคย ไม่ให้ความเคารพต่อฉู่ชวิ๋น เขาใช้โอกาสนี้ที่เก็บซ่อนความรู้สึกมานานและพูดอย่างเยือกเย็น

“ถ้ายังกล้าที่ทำตัวแบบนี้ต่อหน้านายท่านอีก ฉันจะไม่ปล่อยให้แกออกไปจากเมืองกู่เจียง”

“เขียนเสือให้วัวกลัวเหรอ?” ใบหน้าของซูฟานเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม เขาพูดท้าทาย

“พอได้แล้ว!”

จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็พูดด้วยเสียงเยือกเย็น ซึ่งทำให้หัวใจของพวกเขากระดอนแทบจะหลุดออกมาด้วยความตกใจ ฉู่ชวิ๋นโกรธแล้ว ทุกคนแอบรู้สึกขนลุกและมีเหงื่อไหลทั่วแผ่นหลัง ในมุมมองของพวกเขาไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว

“ลูกพี่อย่าโกรธเลย ผมพูดเล่น” ซูฟานตระหนักว่าฉู่ชวิ๋นรังเกียจท่าทางของเขาแล้ว ตอนนี้เขาไม่สบายใจจึงรีบนำเช็คไปมอบให้ฉู่ชวิ๋น

“นี่คือสิ่งที่ทุกคนในตระกูลฉีขอให้ผมนำมาให้ลูกพี่”

“ให้เฉินฮั่นหลง!” ฉู่ชวิ๋นไม่เสียเวลาเปรยตาดู

ซูฟานเป็นกังวลเล็กน้อย เขาอ้าปากแล้วหุบ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย เขาหันหลังกลับและส่งเช็คให้กับเฉินฮั่นหลง

“นอกจากเฉินฮั่นหลง คนอื่น ๆ ไปได้” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น

ฝูงชนจากไปในไม่ช้า ซูฟานไม่มีอะไรพูดได้เมื่อเขาจากไป เขาจากไปพร้อมกับทุกคน

“ผมขออภัยนายท่าน!”

หลังจากรอทุกคนจากไป เฉินฮั่นหลงก็ก้มศีรษะลง

“มันไม่ใช่ความผิดของนาย!” ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจเล็กน้อยและสงสัยว่าเขาใจดีต่อซูฟานเกินไปหรือไม่?

แม้ว่าทักษะและพลังของเฉินฮั่นหลงจะไม่ดีเท่าของซูฟาน แต่หลังจากที่เขากลับมาถึงเมืองกู่เจียง เฉินฮั่นหลงก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรับใช้เขาอย่างไม่เคยบ่น เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซูฟานที่เรียกเขาว่าลูกพี่เทียบไม่ติดเลย

“นั่งลงแล้วคุยกันเถอะ!” ฉู๋ชวิ๋นพูดขึ้น

เฉินฮั่นหลงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย และเข้าใจว่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้ตำหนิเขาจริง ๆ เขารู้สึกประทับใจและเข้าใจบางสิ่งโดยไม่พูดอะไร

พวกเขานั่งล้อมโต๊ะหิน

“ครั้งสุดท้ายที่ส่งข้อความถึงฉัน บอกว่าได้ข่าวคราวของเรื่องที่ฉันให้สืบแล้ว?” ฉู่ชวิ๋นถาม

ตอนที่อยู่บ่อนใต้ดินจินหยินฮวา หงหลินบอกเขาว่าหลิวเจี่ยเฟยเป็นนายของชายที่มีแผลเป็นบนหน้า

“ใช่ครับ เราสืบเรื่องของหลิวเจี่ยเฟย” เฉินฮั่นหลงหยุด และพูดต่อว่า “นายท่าน หลิวเจี่ยเฟยไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนตระกูลหลิวในปักกิ่ง แม้จะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ก็ไม่สามารถประมาทได้”

“ตระกูลหลิวในปักกิ่ง?” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ

“นายท่าน ตอนที่เราสืบหลิวเจี่ยเฟย เราก็สืบเรื่องของตระกูลหลิว โดยตระกูลหลิวนั้นไม่ธรรมดา เป็นเจ้าหน้าที่และนักธุรกิจที่ร่ำรวยล้วนอยู่ในเมืองหลวง ตระกูลหลิวเองก็มีตำแหน่งที่สำคัญ”

“ได้มีการกล่าวกันว่า ตระกูลหลิวครอบครองเมืองหลวงมานานหลายร้อยปีและหยั่งรากลึก พวกเขาช่วยผู้นำคนแรกที่ก่อตั้งประเทศเพื่อต่อสู้แย่งภูเขาและแม่น้ำในเวลานั้น ตระกูลหลิวเสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อผู้นำคนแรกของการก่อตั้งประเทศ ซึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ประเทศอยู่ ตระกูลหลิวมีความสุข”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลกใจแต่ก็รับรู้ว่าประโยคสองประโยคสุดท้ายหมายถึงอะไร ตราบใดที่ประเทศไม่ล่มสลายตระกูลหลิวก็จะยังคงรุ่งเรืองต่อไป

“เราจะทำอย่างไรต่อไปครับ?”

“สืบข่าวหลิวเจี่ยเฟยอย่างสุดกำลัง เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับเขาแจ้งฉันทันที สำหรับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหลิว ไม่ต้องกังวล” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนดาบสองคม ใครก็ตามที่กล้าที่ขัดขวางเขาเพื่อไม่ให้ตามหาพ่อแม่ คือศัตรูของเขา มันไม่มีทางได้ตายดีแน่!

อย่าพูดถึงตระกูลหลิว แม้แต่ประเทศ ก็อย่าพยายามขัดขวางเขา หากมีเสืออยู่บนแผ่นดิน เขาจะปราบมัน หากมีมังกรอยู่ข้างหน้าเขาจะสังหารมัน

“ขอรับ!” เฉินฮั่นหลงกล่าวด้วยความเคารพ เขาไม่เคยลังเลที่จะทำตามคำสั่งของฉู่ชวิ๋น

ในเวลานั้นเองโทรศัพท์มือถือของเฉินฮั่นหลงก็ดังขึ้น!

“นายท่านครับมันเป็นฉินหวนยวี่!” เฉินฮั่นหลงดูหมายเลขเบอร์ที่โทรเข้ามา

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและส่งสัญญาณ เฉินฮั่นหลงรับโทรศัพท์

“ประธานเฉิน เกิดเรื่องแล้วครับ คุณถางโร้วตกอยู่ในอันตราย”

เฉินฮั่นหลงยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากปลายสาย

“เกิดอะไรขึ้นกับถางโร้ว!?” คราวนี้มันเป็นคำถามของฉู่ชวิ๋น ภายใต้เสียงนิ่ง ๆ ของเขาซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้

ฉินหวนยวี่ตกตะลึงไปชั่วขณะ แม้ว่าเขาจะมีความตระหนักได้ว่าเป็นฉู่ชวิ๋น แต่เขาก็ยินดีเล็กน้อย เขาพูดว่า “นายท่านอยู่พอดีเลย ผมติดต่อท่านไม่ได้เลยติดต่อประธานเฉิน ไม่ได้คิดเลยว่าท่านจะอยู่กับประธานเฉิน”

“เกิดอะไรขึ้นกับถางโร้ว” ฉู่ชวิ๋นถามอีกครั้ง

ฉินหวนยวี่ตระหนักว่าเขาพูดแต่น้ำเยอะเกินไป จึงรีบพูดว่า “นายท่านครับ พูดในโทรศัพท์มันไม่ชัดเจน ท่านสะดวกมาที่โรงแรมฉางเฉินไหมครับ? ผมจะส่งรถไปรับเอง”

“ไม่ เดี๋ยวฉันจะไปเอง” ฉู่ชวิ๋นกล่าว

……

……

ณ โรงแรมฉางเฉิน

โรงแรมนี้ตัดขาดจากโลกภายนอก มันเป็นโรงแรมที่พิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แขกต่างประเทศและนักลงทุน โดยทั่วไปแล้วจะเปิดให้เฉพาะผู้ที่มีฐานะพิเศษ

ห้องประชุมของโรงแรมฉางเฉินมีพื้นที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่เกินกว่าที่จะใช้งานตามเวลาปกติ แต่มันก็มีประโยชน์

ห้องประชุม มีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าแบบตะวันตกมีเครา มีเบ้าตาลึก มีรอยแผลเป็นที่ใต้ตา

“นี่คือหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำ หมาป่าเลือด”

ผู้ชายที่พูดอยู่เป็นชายร่างอ้วน เคยมีคนบอกว่าเขาหัวโตคอหนาเป็นข้าราชการหรือเสมียนไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้มันชัดเจนเลยว่าเขาคือหัวหน้ากรมตำรวจประจำจังหวัดชวีห่าวเลี่ยง อย่างไรก็ตาม หัวหน้ากรมตำรวจประจำจังหวัดกำลังเหงื่อออก เสียงของเขาสั่นเทาและหัวใจของเขาก็ยิ่งหวาดกลัว

เมื่อมองไปที่ผู้คนที่โหดร้ายที่อยู่รายรอบตัวเขา ราวกับกำลังรอคอยฝูงหมาป่าและพญาอินทรี ภายในใจเขามีความคิดที่จะหลบหนีไปให้พ้น ๆ

“นี่เหรอ? ยังกล้าเรียกตัวเองว่าหมาป่าเลือดอีก ไม่เจียมตัวเอาซะเลย ฉันว่าชื่อเลือดหมูยังดีกว่า ไอ้โง่ที่รนหาที่ตาย” ชายผมบลอนด์ผอมแห้งกล่าว

“ไอ้ลิงเลว อย่ามาว่าลบหลู่หมูนะ เรียกเลือดลิงสิ!”

ชายอ้วนตัวใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นตาของเขาได้ร้องอุทานพร้อมขาไก่ในมือของเขา

“อย่างที่ฉันพูดไปแล้วว่า ให้ไปฆ่าพวกหมาป่าทองคำซะ”

“ฉันเห็นด้วย ฆ่าพวกอ่อนหัดที่กล้ามาลงมือกับคนของจีน รนหาที่ตาย!”

“…”

เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ดุร้ายเหล่านี้ ขาและหน้าท้องอันนุ่มนิ่มของชวีห่าวเลี่ยงก็อ่อนลงไป

ฉินหวนยวี่ก็เหมือนกันเหงื่อแตกโทรมกาย ทุกคำพูดที่ไร้ความปรานีของคนพวกนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นเลือด เขาต้องมาที่นี่และแสดงตัวตนของเขาแต่ในใจเขาต้องการวิ่ง

“หุบปากซะ!”

เสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น

เหตุการณ์เงียบสงบ นี่คือชายร่างสูงที่มีใบหน้าที่สง่างาม เขาเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ซึ่งทำให้หัวใจหลายคนสั่นไหว

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพวกนั้นอย่างเงียบ ๆ และช่วยชีวิตตัวประกัน ทหารรับจ้างหมาป่าทองคำนั้นมีความสามารถสูงมาก ภายในครึ่งชั่วโมงพวกเขาจะมีการถ่ายทอดสดเพื่อให้ทั้งโลกรู้” ชายผู้สง่างามกล่าว ดวงตาของเขาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำเป็นบ้ากันหรือเปล่า? พวกเขาต้องการทำอะไร? ต้องการท้าทายคนจีนทั้งหมดของเรางั้นเหรอ?”

“กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำได้จับตัวประกันจำนวนมากในครั้งนี้ ไม่ต้องพูดถึงการปล้น มันกล้าเผชิญหน้ากับประเทศของเราซึ่งหน้า มันต้องมีแผนการใหญ่แน่”

“คราวนี้ไม่ได้เพียงมีถางโร้ว ดาราชื่อดังของประเทศจีนอีกมากมาย แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดคือยังมีสมาชิกราชวงศ์เอฟที่มาใช้เวลาฮันนีมูนที่จีนด้วย คู่สามีภรรยาโรวิส”

“บ้าที่สุด มาฮันนีมูนแล้วมาประเทศของเราทำไมเนี่ย? โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่ไปที่อื่น? นี่มันทำร้ายกันชัดๆ ?”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่น เราต้องพยายามให้ดีที่สุดในการช่วยเหลือตัวประกัน”

“ทหารรับจ้างหมาป่าทองคำต้องมีจุดประสงค์ในการทำสิ่งนี้แน่ พวกมันไม่ได้เรียกร้องขออะไรเลยเหรอ?”

ชายสง่างามส่ายหัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการสังหาร และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเขาจะเสนอข้อเรียกร้องอย่างแน่นอนตอนถ่ายทอดสดครึ่งชั่วโมงนี้”

“ไอ้ขยะพวกนี้ ฉันจะต้องทุบหัวมันให้ได้”

……

……

หลังของฉินหวนยวี่เปียกโชกไปหมด คนเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนหมาป่า ด้วยความรู้สึกเข้มข้นของการฆ่า เขาพูดอย่างลำบากว่า “ทุกคน ฉันออกไปรับใครบางคนได้ไหม?”

“รับบ้ารับบออะไร นั่งลงซะ”

ชายร่างผอมยิ้มและฉินหวนยวี่ตัวสั่นงันงก

ก๊อก ๆ !

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น