บทที่ 87 สิบปีศาจบุกโจมตี Ink Stone_Fantasy
ตอนที่ทุกคนไม่เชื่อคำพูดของเย่เทียนเฉิน คิดว่าเขาเกิดเป็นบ้าจนพูดจามั่วๆ เสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงบของคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว ประตูรั้วเหล็กทั้งบานปลิวกระเด็น ยอดบอดี้การ์ดถือปืนสองคนที่อยู่เฝ้าอยู่หน้าประตูโดนระเบิดจนปลิว ตกลงมาจมกองเลือด สิ้นชีพไปโดยไม่มีแม้แต่โอกาสให้ร้อง
หลิวอวี่ขมวดคิ้ว มองเย่เทียนเฉินเงียบๆ ในใจรู้สึกนับถือประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมของเขา โบกมือครั้งหนึ่ง แล้วจึงนำเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นพุ่งตรงไปยังประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วอย่างรวดเร็ว ถ้าหากถูกศัตรูโจมตีเข้ามาได้ จะทำให้สูญเสียการป้องกันไปเส้นทางหนึ่ง คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วจะต้องพบกับวิกฤตอันร้ายแรง
เย่เทียนเฉินไม่ได้คาดคิดว่ากลุ่มคนที่บุกมาถึงที่กลุ่มนี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้ ทั้งยังกล่าวได้ว่ารุนแรงถึงขั้นสุด เป็นไปได้สูงว่าจะสามารถทำลายคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วได้ ตอนที่พวกเขามาถึงนอกประตูคฤหาสน์ เย่เทียนเฉินก็รับรู้ถึงพวกเขาแล้ว เขารู้สึกได้ถึงการผันแปรของพลังงานของคนทั้งสิบเอ็ดคน หนึ่งในนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพียงแต่ยังคิดไม่ออกในตอนนี้
คนทั้งสิบเอ็ดคนฝีมือแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ขับรถบัสคันใหญ่มาคันหนึ่ง ใช้คลัสเตอร์บอมบ์เพื่อทำให้ประตูรั้วของคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วถูกระเบิดจนปลิว แล้วขับรถบัสพุ่งเข้ามา
ตอนนี้ คนที่ขับรถบัสพุ่งเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วก็คือแซนเบเกอร์ แม้ว่าเขาจะเป็นรองหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต แต่ความสามารถกลับไม่อาจเทียบใครในสิบปีศาจได้แม้แต่คนเดียว แม้ว่าสิบปีศาจจะฟังคำเรียกรวมพลของเขา แต่กลับไม่ฟังคำสั่งของเขา ถ้าหากไปทำให้สิบปีศาจโกรธ เขาเซนเบเกอร์ก็อาจสิ้นชีพได้
รถบัสขับพุ่งตรงเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว บนหลังคารถมีชายฉกรรจ์ผมสีเงินคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าดำราวถ่านหิน คนคนนี้ก็คือหัวหน้าของสิบปีศาจ ฉายา “โกสต์” และเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในหมู่สิบปีศาจ
“แซนเบเกอร์ จอดรถไว้หน้าประตู ไม่ต้องขับเข้าไปแล้ว” โกสต์ที่ยืนอยู่บนหลังคารถบัสกล่าวกับแซนเบเกอร์ที่อยู่ข้างล่างเสียงเข้ม
“โกสต์ พวกเราเข้าไปให้ถึงใจกลางของคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วก่อนค่อยว่ากันเถอะ” แซนเบเกอร์ยังคงต้องการขับไปข้างหน้าต่อ ไม่อยากให้มีการพลาดพลั้งอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ต้องแล้ว ฆ่าเข้าไปตลอดทางก็พอ พวกเราสิบปีศาจมีชื่อเสียงด้วยการสังหารมาตลอด ไม่ได้ปฏิบัติการร่วมกันมาห้าปีแล้ว คราวนี้จะขอฆ่าให้พอใจสักหน่อย” โกสต์กล่าวอย่างโหดเหี้ยม
แซนเบเกอร์คิดครู่หนึ่ง เขาไม่อยากหาเรื่องให้โกสต์โกรธ คนคนนี้ขึ้นชื่อในการฆ่าคนราวกับปีศาจที่ชั่วร้าย หากไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ เป็นไปได้ว่าตนเองคงจะถูกเขาฆ่า ฝีมือของเขาแม้ว่าจะแข็งแกร่งในหมู่กลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต แต่หากเทียบกับโกสต์แล้วคนละระดับกันโดยสิ้นเชิง
รถบัสเพิ่งจะหยุดลง มือขวาโกสต์ก็โบกมือส่งสัญญาณครั้งหนึ่ง คนสวมชุดดำเก้าคนก็พุ่งออกมาจากรถบัสด้วยความรวดเร็ว นอกจากโกสต์ ทั้งเก้าต่างก็สวมชุดดำดั่งผู้ที่ทำงานด้านมืด ทั้งยังสวมผ้าคลุมหน้าสีดำ ยากแก่การถูกผู้คนพบเห็น นี่เป็นการแต่งกายที่กลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตจัดเตรียมไว้ให้สิบปีศาจโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้กำลังสำคัญถูกเปิดเผย
“ฆ่าคนทั้งหมดในคฤหาสน์แห่งนี้ซะ อย่าให้เหลือแม้แต่สุนัขสักตัว” โกสต์กล่าวพลางหัวเราะอย่างเลือดเย็น
คนชุดดำอีกเก้าคนได้ยินคำพูดของโกสต์ก็พยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งการฆ่า พากันพุ่งเข้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว ในมือของทุกคนปรากฏมีดทหารอันคมกริบอยู่คนละด้าม บนร่างกายของสิบปีศาจไม่ได้พกปืน เป็นเพราะพวกเขามีความมั่นใจในฝีมือของตนเป็นอย่างมาก และพึงพอใจกับการฆ่าด้วยมือเพียงเท่านั้น
โกสต์เพิ่งจะออกคำสั่งอีกเก้าคนให้เริ่มปฏิบัติการฆ่าล้างทุกคนในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิวอวี่ก็นำเจียงเหมิง เฟยอวิ๋น และยังมียอดบอดี้การ์ดอีกสิบกว่าคนที่ตามมา เผชิญหน้ากับการโจมตีของศัตรูที่แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว หลิวอวี่เป็นบุรุษที่แข็งกร้าว ในสถาการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เพียงสั่งออกไปคำหนึ่ง
“ฆ่า!”
การตะลุมบอนเริ่มขึ้น ไม่ถึงสิบนาที รูปการณ์ก็เป็นไปในทิศทางเดียว ฝั่งของหลิวอวี่นอกจากตัวเขา เจียงเหมิง และเฟยอวิ๋น ยอดบอดี้การ์ดอีกสิบกว่าคนที่เหลือแม้ว่าในมือจะมีปืน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสิบปีศาจ ฝีมือของสิบปีศาจนั้นไม่เพียงแค่แข็งแกร่ง ที่สำคัญก็คือความเร็วของพวกเขารวดเร็วเป็นอย่างมาก พุ่งเข้าไปเบื้องหน้าต่อสู้ระยะประชิด มีดทหารในมือเฉียบคมหาที่เปรียบ สามารถตัดหินก้อนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ต่อให้มียอดบอดี้การ์ดกี่คนก็ถูกพวกเขาตัดศีรษะอย่างโหดร้าย
หลิวอวี่ขวางโกสต์เอาไว้ ทั้งสองต่อสู้ติดพัน เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นเองก็แยกออกไปขวางสิบปีศาจสองคนไว้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝีมือการต่อสู้อันแข็งแกร่งของสิบปีศาจแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นสามารถแยกกันไปรับมือได้เพียงสามคน ที่เหลืออีกเจ็ดคนถูกแซนเบเกอร์นำเข้าไปยังบริเวณที่หลิ่วหรูเหมยอยู่
“แย่แล้ว คุณหนูหลิ่วมีอันตราย”
เฟยอวิ๋นตะโกนพลางแยกตัวออกมาเตรียมจะกลับไปทางฝั่งหลิ่วหรูเหมย ภารกิจของเขาและเจียงเหมิงก็คือคุ้มครองความปลอดภัยของหลิ่วหรูเหมย ถ้าหากเธอมีอันตรายอะไร พวกเขาสองคนก็ไม้รู้ว่าจะกลับไปรายงานหัวหน้าเหยียนหลงอย่างไร
การไขว้เขวครั้งนี้ทำให้เฟยอวิ๋นถูกต่อยไปสองหมัด แถมยังถูกเตะไปอีกครั้งหนึ่งจนกระเด็นตกลงกระแทกพื้นอย่างแรง สิบปีศาจที่สู้อยู่กับเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วฟันมีดลงมา ดีที่หลิวอวี่สายตาเฉียบแหลมการเคลื่อนไหวว่องไวจึงเตะหินก้อนใหญ่ออกไป สิบปีศาจผู้คนที่อยู่กลางอากาศจึงจำต้องใช้มีดฟันลบนก้อนกินจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เฟยอวิ๋นอาศัยจังหวะนี้หลบมีด ตอนนี้เขาเกือบจะถูกตัดหัวไปเสียแล้ว
สิบปีศาจแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตเป็นสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นไม่ว่าจะสู้กับใครก็ตามในหมู่พวกเขา ล้วนแต่ต้องสู้โดยทุ่มเทสมาธิทั้งหมด หากไม่ระวังแม้เพียงนิดก็อาจตายได้
“ไอ้หนูไม่ต้องคิดมาก ที่นั่นมีหย่งชุนไท่อยู่ เธอสามารถคุ้มครองคุณหนูหลิ่วได้” เจียงเหมิงตะโกนบอกเฟยอวิ๋นเสียงดัง
เมื่อได้สติกลับมา เฟยอวิ๋นก็ควักกริชเล่มหนึ่งออกมาจากบริเวณด้านข้างของขาขวา สกัดมีดทหารของสิบปีศาจคนนั้นที่พุ่งตรงเข้ามาหาเขาจนเสียงมีดกระทบกันดังลั่น ทั้งสองดูเหมือนจะออกตัวพร้อมกันพลันเตะอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป
“แต่หย่งชุนไท่คนเดียวเกรงว่าจะไม่ใช่คู่มือของยอดฝีมือเจ็ดคนที่เหลือ…” เฟยอวิ๋นยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างกังวล
“ฉันเชื่อมั่นในไอ้เด็กเย่เทียนเฉินนั่น” หลิวอวี่ที่อยู่ด้านหนึ่ง ส่งหมัดออกไปปะทะกับโกสต์ พลันรู้สึกได้ว่าข้อมือขวาของตนเกิดอาการชา ถอยหลังไปสามก้าวถึงจะยืนได้อย่างมั่นคง แล้วจึงมองไปยังโกสต์ด้วยความแปลกใจ
เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าหลิวอวี่จะเป็นคนที่มีมุมมองที่ดีต่อเย่เทียนเฉินถึงขนาดนั้น ตอนนี้ยังถึงกับเชื่อมั่นในตัวเย่เทียนเฉินเช่นนี้อีกต่างหาก
ต้องทราบว่าหลิวอวี่และเย่เทียนเฉินทะเลาะกันยกหนึ่ง โดยที่หลิวอวี่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกเย่เทียนเฉินต่อยจนกลาบเป็นหมีแพนด้า ในใจย่อมต้องมองเย่เทียนเฉินในแง่ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่กลับไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาสำคัญ เขาจะฝากความหวังไว้ที่เย่เทียนเฉิน
“ให้ตายเถอะ พวกนายไม่ต้องมองซ้ายมองขวาแล้ว ตั้งใจสู้เต็มที่ซะ รีบๆ ฆ่าไอ้เดรัจฉานสามตัวนี่เถอะ ต้องรีบกลับไปช่วยอีก” ตอนนี้เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นงุนงงอยู่บ้าง หลิวอวี่ตะโกนเสียงดังพลางพุ่งเข้าใส่โกสต์ โจมตีเต็มกำลัง
เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นได้พลันได้สติกลับมาก็ไม่ได้กังวลอะไรอีก หันไปลงมือเต็มกำลังเช่นเดียวกันเพื่อขวางสามในสิบปีศาจไว้
ความหวังสุดท้ายของหลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นต่างอยู่ที่เย่เทียนเฉินทั้งหมด ถ้าหากตอนนี้พวกเขาเห็นว่าเย่เทียนเฉินกำลังทำอะไรอยู่ จะต้องโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่
เย่เทียนเฉินมือซ้ายถือจานผลไม้ นอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างสบายๆ บางทีก็กินองุ่นเข้าไป หลับตาซึมซับความอร่อย พออกพอใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ เสียงตะโกนฆ่าฟันจากบริเวณไม่ไกลเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาโดยสิ้นเชิง ต่อให้เห็นคนทั้งแปดที่พุ่งเข้ามาพร้อมด้วยรังสีฆ่าฟันอย่างรุนแรงก็ไม่ขยับเขยื้อน
หย่งชุนไท่คอยคุ้มครองอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเหมยมาโดยตลอดเห็นเงาคนทั้งแปดพุ่งเข้ามา ในมือของแต่ละคนยังถือมีดทหารอันคมเฉียบเอาไว้คนละด้าม ราวกับว่าต้องการฆ่าล้างทุกคนในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วอย่างไรอย่างนั้น
หย่งชุนไท่รีบเข้าไปรับมือโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าพรรคมวยหย่งชุนคนที่เก้าสิบสอง หนึ่งฝ่ามือสังหารหนึ่งคนที่พุ่งเข้ามาก่อน ทำให้สิบปีศาจที่เหลืออีกเจ็ดคนและแซนเบเกอร์ตกตะลึงจนชะงักไปชั่วครู่ แต่พวกเขาล้วนเป็นคนที่บ้าคลั่งจนไม่สนใจชีวิต การตายของคู่หูเพียงคนเดียวจะทำให้พวกเขาถอยกลับได้อย่างไรกัน ทั้งหมดต่างพุ่งเข้าไปยังหย่งชุนไท่
“นาย นายยังจะมานอนทำอะไรอยู่ที่นี่อีก? ยังไม่ไปช่วยหย่งชุนไท่อีกล่ะ” หลิ่วหรูเหมยเดินไปเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินพลางกล่าวด่าออกมาอย่างร้อนใจ
หลิ่วหรูเหมยเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีงามคนหนึ่ง แม้ว่าหย่งชุนไท่จะเป็นลูกน้องของหลิ่วหรูเหมย คอยคุ้มครองความปลอดภัยให้เธอมาตลอด แต่เธอก็ไม่เคยปฏิบัติกับหย่งชุนไท่ดังคนที่ต่ำกว่าเลยสักครั้ง กลับมองเธอเป็นดั่งญาติของตนเอง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหย่งชุนไท่ถูกยอดฝีมือทั้งแปดรุมโจมตี หลิวหรูเหมยก็พลันร้อนใจขึ้นมา กลัวว่าหย่งชุนไท่จะได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เธอจะแข็งแกร่งแต่อายุก็มากแล้ว
“ไม่จำเป็น หย่งชุนไท่คนเดียวรับมือได้” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
“นาย…ช่างไม่มีน้ำใจเลยจริงๆ” เมื่อหลิ่วหรูเหมยเห็นเย่เทียนเฉินทำราวกับว่าเห็นคนจะตายแล้วไม่ยอมช่วยก็กล่าวออกมาอย่างดุดัน
หลิ่วหรูเหมยเตรียมจะพุ่งเข้าไปช่วยหย่งชุนไท่ เย่เทียนเฉินเห็นดังนั้นก็ทำเพียงแค่กล่าวประโยคหนึ่งเรียบๆ ว่า “ฉันเตือนเธอว่าอย่าเข้าไปจะดีกว่า ด้วยฝีมือของเธอแค่นี้ นอกจากจะช่วยหย่งชุนไท่ไม่ได้แล้วยังจะเป็นการทำร้ายเธออีกด้วย”
“ต่อให้ฉันต้องตาย ก็ไม่อาจมองคนที่เปรียบเสมือนญาติมิตรได้รับบาดเจ็บได้หรอก” หลิ่วหรูเหมยกล่าวอย่างแข็งกร้าว
ตอนนี้เอง บนข้อมือของหย่งชุนไท่ถูกมีดฟันไปแล้วสองแผล ต่อให้เธอมีความสามารถที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจหยุดการร่วมโจมตีของเจ็ดปีศาจได้ เย่เทียนเฉินเห็นดังนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ต่อให้หย่งชุนไท่จะเกือบตายไปหลายรอบ เขาก็ไม่ลงมือ ไม่รู้ว่าเขากำลังรออะไรอยู่
“เดิมทีฉันคิดว่านายเอ้อระเหยลอยชายแบบนี้ก็น่ามีน้ำใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าน้ำใจสักนิดนายก็ไม่มี” ดวงตาอันงดงามของหลิ่วหรูเหมยคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อพูดจบก็เตรียมที่จะวิ่งเข้าไปทางหย่งชุนไท่ เธอไม่มีทางทนเห็นหย่งชุนไท่บาดเจ็บต่อหน้าต่อตาหรือกระทั่งตายไปได้ เธอจะต้องช่วยหย่งชุนไท่
“อย่าขยับ”
ทันใดทั้นเอง เย่เทียนเฉินตะโกนเสียงดัง พลางกระโดดขึ้นจากเก้าอี้หวายไปข้างกายของหลิ่วหรูเหมยแล้วปล่อยหมัดออกไปในอากาศ
ตู้ม!
หลังจากเสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น ตามมาติดๆ ด้วยเสียงร้องโอดครวญ ที่เย่เทียนเฉินปล่อยหมัดออกไปกลางอากาศไม่ใช่เพราะเขาบ้า แต่เป็นเพราะต่อยคนคนหนึ่งจนปลิวไปจริงๆ เป็นการซัดคนในอากาศ หลิ่วหรูเหมยตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างยืนนิ่งอยู่กับที่ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
…………………………………………………………………