EP.94 เงื่อนไขสามประการ

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

หลินมู่อวี่ร่ายรำทักษะกระบี่วายุได้อย่างลื่นไหลราวสายน้ำไปแล้ว จึงเก็บกระบี่ เห็นผู้เฒ่ากระบี่ปรบมือหัวเราะ “อา…เพลงกระบี่ชั้นสามนี่ดูแล้วไม่เห็นจะได้เรื่องตรงไหนเลย”

หลินมู่อวี่ลำบากใจ “ผู้อาวุโส ตำรากระบี่นี้ข้าซื้อมาจากสมาคมการค้าน่ะขอรับ!”

“ซื้อมา? มิน่าถึงได้แย่ขนาดนี้…”

ผู้เฒ่ากระบี่วิจารณ์อย่างไร้ความปรานี “จอมยุทธ์น้อย เจ้าไม่มีทักษะกระบี่อย่างอื่นเลยหรือ”

“ยังมีอีกอย่างขอรับ”

หลินมู่อวี่เปล่งเสียงออกมา ปราณที่พรั่งพรูขึ้นมาบนแขนเปลี่ยนเป็นแสงอสนีไหลเข้าสู่กระบี่ เขาโจมตีออกไปอย่างฉับพลันราวสายฟ้า แสงอสนีตัดผ่านอากาศ เกิดเป็นเส้นงดงามขึ้นกลางอากาศ มันคือพิฆาตอสนีบาตนั่นเอง!

ครั้งนี้ผู้เฒ่ากระบี่รู้สึกประหลาดใจ ทำตาโตแล้วหัวเราะ “อันนี้น่าสนใจ แต่มันเป็นแค่กระบวนท่าท่าเดียว ยังไม่ถือว่าเป็นเพลงกระบี่ ซ้ำยังเป็นแค่กระบวนท่าระดับสองเองด้วย…”

หลินมู่อวี่รู้สึกไม่พอใจ “ผู้อาวุโส นี่เป็นกระบวนท่ากระบี่ที่ติ่งอัคคีชวีฉู่ถ่ายทอดให้กับข้า”

“อ้อ ติ่งอัคคีชวีฉู่งั้นหรือ”

ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะลั่น จนน้ำตาเกือบไหล “นึกไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะรู้วิชากระบี่ด้วย ข้ารู้แค่ว่าเคล็ดฝ่ามือและเพลงหมัดของติ่งอัคคีชวีฉู่เป็นหนึ่งในใต้หล้า ไม่คิดว่าเขาจะรำกระบี่ได้ด้วย ฮ่าๆ ๆ มิน่าถึงได้แค่ระดับสอง…”

“ผู้อาวุโสรู้จักท่านปู่ชวีฉู่หรือ”

“ฮึ ไม่รู้จัก!”

ผู้เฒ่ากระบี่เก็บรอยยิ้มก่อนพูด “จอมยุทธ์น้อย เจ้ามีคุณสมบัติข้อที่หนึ่งและสองครบ แต่ต้องขอโทษด้วย ที่เงื่อนไขข้อที่สามเจ้าไม่ผ่าน ความรู้ด้านกระบี่เเม้แต่เรื่องผิวเผินเจ้ายังไม่รู้ เจ้ากลับไปตั้งใจฝึกตนเถอะ วันหน้าถ้ามีฝืมือพอค่อยมาประลองแลกเปลี่ยนฝีมือกับข้า เป็นอย่างไร”

หลินมู่อวี่ยังไม่ยอมแพ้ “หากข้าเชี่ยวชาญทักษะกระบี่ขั้นสูงสุดแล้ว ถึงอยากจะกลับมาก็คงไม่จำเป็นต้องมาให้ท่านดูถูกถึงที่นี่หรอก”

ผู้เฒ่ากระบี่ปรบมือหัวเราะ “จอมยุทธ์น้อยช่างเป็นคนเถรตรงเสียจริง! ถ้าไง…เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พื้นฐานของจอมยุทธ์น้อยจัดว่าไม่เลวทีเดียว อยากจะเรียนทักษะควบคุมกระบี่ของข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”

“เงื่อนไขอะไรหรือ”

“นำศาสตราวุธระดับเทพที่จะทำให้ข้าถูกใจมาหนึ่งอย่าง!”

หลินมู่อวี่ชะงัก “กระบี่เหลียวหยวนของข้า พอได้ไหมขอรับ”

“กระบี่เหลียวหยวนเป็นแค่อาวุธระดับภูตขั้นที่สาม ยังไม่จัดเป็นศาสตราวุธขั้นเทพ สิ่งที่จอมยุทธ์น้อยนำมาจะต้องเป็นอาวุธหลอมวิญญาณระดับนิลเป็นอย่างน้อย ว่าอย่างไร”

หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้าตอบ “เช่นนั้นข้าจะหลอมกระบี่เหลียวหยวนใหม่ บางทีอาจจะใช้ได้กระมัง”

“หลอมกระบี่เหลียวหยวนใหม่?”

ผู้เฒ่ากระบี่อดตะลึงนิ่งไปไม่ได้ “หรือว่าจอมยุทธ์น้อยจะเป็นช่างตีอาวุธด้วย”

“จะว่างั้นก็ได้!”

“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ยิ่งดีเลย หากเจ้าสามารถตีอาวุธระดับนิลขึ้นใหม่ได้จริง ข้าก็เต็มใจสอนทักษะควบคุมกระบี่ทั้งหมดให้เจ้า เป็นอย่างไร”

ผู้เฒ่ากระบี่ผู้นี้หลงใหลในกระบี่จริงๆ ด้วย!

หลินมู่อวี่พูดด้วยความยินดี “เช่นนั้นผู้อาวุโสก็รอฟังข่าวดีจากข้าได้เลย!”

“อื้ม!”

……

พอกลับมาถึงวิหาร ห้องลับของเขาถูกตกแต่งขึ้นใหม่แล้ว เตียงหินได้รรับการเปลี่ยนใหม่ ทำให้กลับเข้ามาอยู่อาศัยได้อีกครั้ง ถึงห้องลับนี้จะเคยมีคนตาย แต่หลินมู่อวี่ตอนนี้กลับไม่สนเรื่องนี้ ในโลกอันวุ่นวาย คนตายสักคนใช่เรื่องใหญ่อะไร

“พรึ่บ!”

หลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา ติ่งขนาดมหึมายึดครองพื้นที่ตรงหน้าหลายเมตร พร้อมส่งเสียงหวีดแหลม ติ่งหลอมอาวุธมีรูปเป็นพลังงาน ไม่ใช่เตาหลอมจริงๆ แต่หลินมู่อวี่เชื่อว่าเตาหลอมทุกชนิดบนโลกใบนี้คงไม่ล้ำค่าเท่ากับติ่งหลอมอาวุธ

หลินมู่อวี่มือประคองกระบี่เหลียวหยวน ปล่อยปราณออกมา กระบี่เหลียวหยวนเข้าไปหมุนวนอยู่ในติ่งหลอมอาวุธทันที

หลินมู่อวี่ค่อยๆ ปิดตาลง สัมผัสถึงกลิ่นอายและวิญญาณสัตว์ในกระบี่เหลียวหยวน ที่เรียกว่าการหลอมอาวุธนั้นก็คือการสกัดส่วนบริสุทธิ์ แต่อย่างแรกจำเป็นต้องสัมผัสถึงส่วนประกอบและโครงสร้างของวัตถุที่จะหลอมให้ได้ก่อน กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณเกือบสิบนาที เขาเห็นชั้นต่างๆ ของกระบี่เหลียวหยวนตรงหน้าแล้ว ในกระบี่ยังมีสิ่งปนเปื้อนอยู่จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะตรงส่วนคมของกระบี่ที่มีสิ่งปนเปื้อนอยู่มาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับความคมของกระบี่ มิน่ากระบี่เล่มนี้จึงเป็นได้แค่อาวุธระดับภูต

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อระดับขั้นของอาวุธนั้นมีสองสามปัจจัย ปัจจัยแรกคือวัตถุดิบ เหล็กธรรมดานั้นไม่สามารถเทียบได้กับเหล็กชั้นดีหรือเหล็กทมิฬ ยิ่งเทียบไม่ได้กับเหล็กวิเศษอันล้ำค่า ปัจจัยที่สองคือระดับความบริสุทธ์ สิ่งเจือปนยิ่งมาก ยิ่งทำให้ความเเข็งและความเหนียวไม่พอ ปัจจัยที่สามก็คือการหลอมวิญญาณ วิญญาณสัตว์ที่หลอมอยู่ในอาวุธยิ่งทรงพลัง อาวุธนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง!

“ฟิ้ว…”

เสียงแผ่วเบา ภูติระบบลู่ลู่บินออกมาจากตัวของหลินมู่อวี่ นางเป็นภูตระบบผู้ช่วย ความจริงแล้วนางเป็นเหมือนประทีปนำทางของหลินมู่อวี่บนโลกใบนี้ หากไม่มีความช่วยเหลือของลู่ลู่ เกรงว่าเขาคงจะไม่รู้แม้แต่การจะนำติ่งหลอมอาวุธออกมา

“พี่ชาย!”

ลู่ลู่กระพือปีกไปพลาง หัวเราะไปพลาง “วัตถุดิบพื้นฐานของกระบี่เหลียวหยวนเล่มนี้คือเหล็กทมิฬ เป็นวัตถุดิบที่ไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแต่มีสิ่งปนเปื้อนมากไปหน่อย อีกทั้งวิญญาณสัตว์ก็ไม่แข็งแกร่งพอ พี่ชายสามารถสกัดสิ่งปนเปื้อนนี้ออกได้ แต่มากสุดก็ได้แค่ทำให้กระบี่เหลียวหยวนกลายเป็นอาวุธระดับภูตขั้นที่หนึ่งเท่านั้น หากต้องการยกระดับเป็นระดับนิล ท่านต้องเปลี่ยนวิญญาณสัตว์ในกระบี่ให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “แล้วต้องใช้อะไรบ้าง”

  “เหล็กทมิฬอีกสักสองสามกิโลกรัม แล้วยังต้องใช้ศิลาวิญญาณหนึ่งก้อน และต้องเป็นศิลาวิญญาณหมวดอัคคีที่มีอายุห้าพันปีขึ้นไป มิฉะนั้นจะไม่มีทางเลื่อนระดับไปถึงระดับนิลอย่างแน่นอน”

“แบบนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว!”

เขาไม่ได้รีบร้อนหลอมอาวุธ ผลงานจะออกมาดีได้ก็ต้องมีการเตรียมตัวที่ดี เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนค่อยว่ากัน! ส่วนเรื่องหลอมอาวุธน่ะหรือ เป็นอาชีพเดิมของข้า ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

……

หลินมู่อวี่ออกจากวิหารก็ตรงไปที่สมาคมการค้าแห่งเมืองหลวงทันที ของเหล่านี้ต้องซื้อจากหอประมูล ตอนนี้ถ้าออกไปล่าสัตว์วิญญาณที่ป่าล่ามังกรคงไม่ทันการณ์ แถมสัตว์วิญญาณอายุห้าพันปีเขาก็สู้ไม่ได้แน่นอน แทนที่จะเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ สู้ใช้เหรียญเพชรยี่สิบสองเหรียญในกระเป๋าให้เป็นประโยชน์ดีกว่า

ที่สมาคมการค้าแห่งเมืองหลวง ตอนที่หลินมู่อวี่แสดงบัตรระดับเพชร เถ้าแก่ประจำร้านก็ยิ้มแย้มต้อนรับทันที “ท่านลูกค้ากิตติมศักดิ์! ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือ”

“ข้าต้องการพบแม่นางจินเสี่ยวถัง”

“อ้อ ข้าน้อยจะรีบไปตามคุณหนู กรุณารอสักครู่”

“ได้ ขอบคุณมาก!”

ไม่กี่นาที จินเสี่ยวถังในชุดสีเขียวก็เดินอ้อนแอ้นออกมาจากห้องด้านหลัง ยิ้มบางๆ “ท่านหลินจื้อ ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันเร็วแบบนี้! สมาคมยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ”

“ข้าอยากซื้อวัตถุดิบสักหน่อย”

“อ้อ ต้องการสิ่งใดเหรอ พวกเราเดินไปคุยไปเถอะ”

“อืม ได้”

ทั้งสองเดินคู่กันไปบนทางเดินเล็กๆ ในสมาคม รอบข้างมีคนเดินขวักไขว่ หลินมู่อวี่พูด “ข้าต้องการเหล็กทมิฬสามกิโลกรัม”

“หืม?” จินเสี่ยวถังกระพริบตาปริบๆ แล้วยิ้ม “ดูเหมือนท่านอาจารย์ต้องการจะตีอาวุธเช่นนั้นหรือ”

“ใช่แล้ว!”

“เช่นนั้นเสี่ยวถังจะช่วยท่านอาจารย์คัดเหล็กทมิฬที่บริสุทธ์ค่อนข้างสูงก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องหรอก ข้าทำให้บริสุทธ์เองได้!” หลินมู่อวี่วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ เหล็กทมิฬบริสุทธิ์สูงในสมาคมต้องราคาแพงแน่นอน เพราะอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่ตะกละตะกลามและโหดร้าย

จินเสี่ยวถังแปลกใจเล็กน้อย “ก็ได้เจ้าค่ะ หากท่านอาจารย์ไม่รังเกียจว่าจะต้องลำบากสกัดเหล็กทมิฬที่วุ่นวายซับซ้อน ท่านยังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”

“ศิลาวิญญาณ”

“เอ๋ ต้องการศิลาวิญญาณแบบใดหรือ” จินเสี่ยวถังหันกลับมา มือไพล่หลัง สาวน้อยยิ้มพูด “สมาคมการค้าของเราอาจจะไม่มีสิ่งอื่น แต่ศิลาวิญญาณนานาชนิดพวกเรามีพร้อมเจ้าค่ะ”

หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเบา “ข้าต้องการศิลาวิญญาณของสัตว์วิญญาณหมวดอัคคีที่อายุห้าพันปีขึ้นไปหนึ่งก้อน มีหรือไหม”

“ห้าพันปีขึ้นไปอย่างนั้นเหรอ”

จินเสี่ยวถังตะลึง “บอกตามตรงนะเจ้าคะ ศิลาวิญญาณสามพันปีขึ้นไปก็หาไม่ง่ายแล้ว นี่ห้าพันปี…พวกเราไปดูกันก่อนก็แล้วกัน บางทีอาจจะมีอยู่ก็ได้”

“อืม!”

ทั้งสองคนเดินไปจนสุดทางเดินก็เจอร้านศิลาวิญญาณ ศิลาวิญญาณเป็นเป็นวิญญาณสัตว์ที่ตกผลึก เรียกอีกชื่อว่าแก่นวิญญาณหรือเน่ยตาน หลังสังหารวิญญาณสัตว์แล้วโอกาสที่จะได้รับแก่นวิญญาณมีไม่มาก ดังนั้นศิลาวิญญาณอายุหลายพันปีจึงมีน้อย

“คุณหนูใหญ่!” เถ้าแก่คนหนึ่งเรียกด้วยความเคารพ

จินเสี่ยวถังพยักหน้า ก่อนเอ่ยถาม “เถ้าแก่โจว มีศิลาวิญญาณหมวดอัคคีที่มีอายุห้าพันปีขึ้นไปไหม”

“ห้าพันปี?” เถ้าแก่ก็ตะลึงงัน จากนั้นมองหลินมู่อวี่ที่อยู่ข้างๆ จินเสี่ยวถัง ยิ้มตอบ “มี…มีอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ราคาไม่ถูก ร้านเรามีศิลาวิญญาณของมังกรไฟอายุเก้าพันปีเป็นสมบัติประจำร้านมาครึ่งปีแล้ว ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์น้อยยินดีซื้อหรือไม่”

“เก้าพันปี?” หลินมู่อวี่ตะลึง ก่อนยิ้มตอบ “คงจะแพงมากสินะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกท่าน!”

“เท่าไรหรือ”

“หนึ่งหมื่นเก้าพันเหรียญทอง!”

“โอ้โห…” หลินมู่อวี่ชะงักไป ทั้งตัวเขามีแค่สองหมื่นสองพันเหรียญทอง แบบนี้ก็ต้องกลับไปจนเหมือนเดิมอีกน่ะสิ!

จินเสี่ยวถังเหมือนอ่านความคิดของหลินมู่อวี่ออก อดขำออกมาไม่ได้ พูดว่า “ท่านหลินจื้อ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ระดับเพชรของสมาคม ท่านมีสิทธิพิเศษสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาลดสามส่วน (30%) ฉะนั้นก็จะเหลือหนึ่งหมื่นสามพันกว่าเหรียญทอง ข้าน้อยปัดเศษทิ้งให้ท่านเอง เหลือแค่หนึ่งหมื่นสามพันเหรียญทองถ้วน เป็นอย่างไร ท่านต้องการไหม…”

หลินมู่อวี่คิดแล้วคิดอีก แต่ก็พยักหน้า “ตกลง หมื่นสามก็หมื่นสาม!”

เขาล้วงเหรียญเพชรสิบสามเหรียญออกมา สุดแสนจะเสียดาย ช่วงนี้ตัวเขาจะซื้อโอสถต้องห้ามอย่างบัวเจ็ดสีไม่ได้เสียด้วย ถึงเขาจะเป็นคนของวิหาร แต่ก็เป็นพวกที่ “เกียรติไม่เหลือ” แล้ว หากมาซื้อบัวเจ็ดสีบ่อยเกินไป เกิดถูกคนจำหน้าได้แล้วเชิญไปดื่มชาที่กระทรวงกลาโหมคงจะไม่ดีแน่ ดังนั้นจะปรุงฝันคืนสู่สูงสุดครั้งต่อไปได้เมื่อไรก็ยังไม่รู้!

สักพัก เถ้าแก่นำศิลาวิญญาณมังกรไฟกลมๆ ก้อนหนึ่งมาให้เขา เขากุมมันไว้ในฝ่ามือรู้สึกร้อนผ่าว

จากนั้นก็ซื้อเหล็กทมิฬสามกิโลกรัม ถึงแม้เหล็กทมิฬจะพบได้น้อย แต่ก็ไม่ได้หายาก ดังนั้นจึงขายที่ราคาจิน (0.5 กิโลกรัม) ละสิบเหรียญทองเท่านั้น เขาคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจเป็นซื้อมาหนึ่งร้อยจิน เพื่อนำกลับไปทดลองหลอม เพราะเขายังไม่เคยตีอาวุธบนโลกนี้มาก่อน ดังนั้นจึงอยากลองซ้อมมือสักหน่อย เขาไม่อยากทำกระบี่เหลียวหยวนพังตั้งแต่เริ่มต้น!

จากนั้นเขาซื้อศิลาวิญญาณอายุไม่กี่ร้อยปีอีกสองสามก้อน ทั้งถูกและคุ้ม!

……

ความลุ่มหลงในการตีอาวุธ ก็เหมือนกับสาวน้อยที่มีความรัก เมื่อกลับถึงวิหารฟ้าก็มืดแล้ว หลินมู่อวี่รีบกินอาหารอย่างลวกๆ แล้วก็เก็บตัวอยู่ในห้องลับ เริ่มตีอาวุธอย่างลับๆ !