บทที่ 51 ความสามารถของเย่เฟิง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

ทุกคนล้วนพากันชมกู้ชูหน่วนกันคนละคำสองคำ ฮ่องเต้เย่ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกฝาดเฝื่อน รีบให้คนไปดูบทกวีของคนอื่นๆ

คนรับใช้นำบทกวีของฉางเจินฉางผิงออกมาแสดง พวกเขาสองคน คนหนึ่งประพันธ์แปดบท อีกคนประพันธ์เก้าบท แม้บทกวีที่ประพันธ์จะไม่เลว แต่เทียบกับกู้ชูหน่วนแล้ว ยังห่างไกลกันมาก

อ๋องเจ๋อแย่ยิ่งกว่า ประพันธ์ได้เพียงห้าบท บทกวีของเขาไม่ดี ลายมือยิ่งแย่ไปอีก ตัวอักษรหวัดชุ่ย คล้ายกับว่าบทกวีเหล่านี้ เขาเขียนออกมาด้วยความวุ่นวายใจเป็นอย่างยิ่ง

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะแล้วพูด “อ๋องเจ๋อ ท่านมีความสามารถเล็กน้อยเพียงนี้ ยังกล้านำจวนอ๋องเจ๋อกับคฤหาสน์หกหลังมาเดิมพันกับหม่อมฉัน จุ๊ๆๆ ใจกว้างจริงๆ กำแพงหม่อมฉันไม่ยอมรับ แต่ยอมรับท่านเลย”

อ๋องเจ๋ออึดอัดใจ ในลำคอมีเลือดทะลักขึ้นมาไม่หยุด แต่ถูกเขากดลงไปอย่างแรง

ระดับของเขาจะมีเท่านี้ได้อย่างไร

เขาโดนผึ้งต่อยจนเป็นแผลไปทั้งตัว อันที่จริงทั้งเจ็บทั้งคัน

อีกอย่าง…

เขาถูกกู้ชูหน่วนสั่นสะเทือนเข้าแล้ว ดังนั้นยิ่งรีบร้อนก็ยิ่งไร้แรงบันดาลใจ

ทว่าถ้อยคำเหล่านี้ อย่างไรเขาก็พูดออกไปไม่ได้

“อันดับหนึ่งยังไม่ใช่เจ้า เจ้าภาคภูมิใจอะไรกัน”

“ต่อให้อันดับหนึ่งไม่ใช่ข้า ก็ไม่มีทางใช่ท่านแน่ ถ้าข้าเดาไม่ผิด การประลองบทกวี ท่านต้องได้ที่โหล่แน่”

“เย่เฟิงประพันธ์ได้สี่สิบสองบท”

เมื่อบทกวีของเย่เฟิงถูกแขวนขึ้น ทั้งสนามล้วนเป็นเสียงสูดลมหายใจ

บทกวีแต่ละแถวนั้น ทุกบทล้วนเป็นชั้นสูง ลายมือก็ยิ่งใช่

แม้แต่กู้ชูหน่วนก็ตื่นตกใจไปแล้ว

ลายมือของเย่เฟิง มีพลังเปี่ยมไปด้วยอิสระ ใจกว้าง สง่าผ่าเผยเป็นธรรมชาติ ไม่ด้อยไปกว่านางเลยสักนิด

ยิ่งกว่านั้นบทกวีของเขาซื่อตรงเข้มงวด ไม่มีความเสแสร้งแม้แต่น้อย เพียงมองก็รู้ว่าใจกว้าง

ล้วนพูดว่าตัวอักษรเหมือนกับคน ตัวอักษรของเย่เฟิงดีงามถึงเพียงนี้ ตัวเขาเกรงว่าคงไม่มีความเลวร้ายแต่อย่างใด

“แสงริบหรี่บนหออยู่เป็นเพื่อนถึงเช้าตรู่ นอนคนเดียวบนเตียงสองเรา ครุ่นคิดหนึ่งคืนว่ารักเพียงไร? สุดแผ่นดินแผ่นฟ้าไม่กว้างไกล”

ประโยคดี ครุ่นคิดหนึ่งคืนว่ารักเพียงไร? สุดแผ่นดินแผ่นฟ้าไม่กว้างไกล

ความสามารถของเย่เฟิงไม่ด้อยไปกว่านาง เกรงว่าจะเหนือกว่านางขั้นหนึ่ง

ถ้าไม่ใช่ว่านางอาศัยบทกวีของคนสมัยโบราณ เกรงว่านางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงเลย

เห็นเย่เฟิงเพียงเม้มปากเล็กน้อย แผ่นหลังเหยียดตรง ยืนเงียบๆรอหม่ากงกงประกาศผลอยู่ด้านข้าง เผชิญกับคำชมของทุกคน บนหน้าเขาไม่มีความลำพองใจแม้แต่น้อย ราวกับว่าที่ทุกคนชื่นชมไม่ใช่เขา

ไม่กระวนกระวาย มีเกียรติไม่ตกอกตกใจ เป็นลักษณะที่ดี

“คิดไม่ถึงว่าชายครอบครัวยากจนผู้หนึ่งจะมีความสามารถด้านวรรณกรรมเช่นนี้ เหลือเชื่อจริงๆ”

“เพียงแต่ ข้าคิดมาโดยตลอดว่าความสามารถของอ๋องเจ๋อกับกู้ชูหยุนโดดเด่นน่าตะลึงแล้ว วันนี้ได้เห็นบทประพันธ์ของคุณหนูสามกู้กับเย่เฟิง ข้าจึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือผู้คนยังมียอดคน”

“เย่เฟิงเป็นใครกันแน่? เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม้เคยได้ยินชื่อเสียงเขามาก่อน?”

“ชายจากครอบครัวยากจนผู้หนึ่ง ไม่เคยมีผลงานชื่อเสียงมาก่อน จะมีชื่อเสียงได้อย่างไร”

“พวกเจ้าว่า การแข่งขันบทกวีครั้งนี้ เย่เฟิงจะชนะ หรือว่าคุณหนูสามกู้จะเป็นผู้ชนะ?”

“อันนี้ก็พูดยาก บทกวีที่พวกเขาทั้งสองประพันธ์ รวมไปถึงลายมือ ล้วนเรียกว่าโดดเด่นไม่มีสอง แต่ข้ารู้สึกว่าบทประพันธ์ของคุณหนูสามกู้ ดูเหมือนจะเหนือกว่าขั้นหนึ่ง”

ฮ่องเต้เย่ที่นึกว่ากู้ชูหน่วนจะชนะอย่างแน่นอน มีลมพัดเย็นวาบในใจ พอเห็นว่าความสามารถในการประพันธ์ของเย่เฟิงสูงส่งเช่นนี้ ก็ให้ความสนใจขึ้นมาทันที รีบดูซิว่าคุณหนูสามตระกูลกู้ประพันธ์ไปกี่บท”

ฮ่องเต้เย่หวังว่าจะน้อยกว่าสี่สิบสองบท แต่คำพูดของหม่ากงกงได้ดับสลายความหวังเสี้ยวสุดท้ายของเขาไปเสียแล้ว

“คุณหนูสามตระกูลกู้ประพันธ์กวีสี่สิบสามบท”

ความคิดจะสลบตายของฮ่องเต้เย่ล้วนมีแล้ว