บทที่ 98 เปาซวี่กลับมาแล้ว!

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

หลินหวานยิ้มอย่างมั่นใจ “ถามถูกจุดเลยค่ะ

“หนูคิดว่าตรงนี้เป็นประเด็นหลักของเกมเลย!”

“ก็คือ…ถึงจะรู้ว่าผิดก็ไม่ได้หมายความจะทำให้ประสบความสำเร็จได้

“ถ้าคุณต่อต้านความโลภภายในใจได้ มีจิตใจมั่นคงแน่วแน่ เดินตามความฝัน…คิดว่าจะสร้างเกมดีๆ ได้มั้ยคะ ก็ไม่

“หนึ่งในตอนจบคือโปรดิวเซอร์ทำตามความคิดตัวเองหมด ไม่คิดเรื่องการทำกำไรจากเกม สุดท้ายผู้เล่นส่วนใหญ่ก็เล่นเกมกันอย่างสนุกสนานแต่ไม่ยอมเสียเงินสักหยวน ถึงเกมจะได้คะแนนดี แต่โปรดิวเซอร์ก็ไม่สามารถหาทุนคืนได้ ถึงจะมีผู้เล่นบางส่วนช่วยสนับสนุน พวกเขาก็ไม่สามารถแบกรายจ่ายทั้งหมดได้และต้องออกจากอุตสาหกรรมเกมไปตลอดกาล!

“เป็นการบอกเป็นนัยว่าอุตสาหกรรมเกมไม่ใช่ที่ที่จะประสบความสำเร็จได้จากการมีใจรักอย่างเดียว

“ถึงคุณจะมีไฟและทำเกมด้วยใจก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ!

“ฟังดูโหดร้าย…แต่ก็เป็นสภาพความเป็นจริงของวงการเกมนะคะ”

หลินหวานมีอารมณ์ร่วมขึ้นมาเล็กน้อย “คิดๆ ดูแล้ว ตอนนั้นหนูก็เคยเป็นเด็กใสซื่อ

“การจะสร้างทั้งชื่อเสียงและกำไรไม่ใช่งานง่ายๆ ที่เราประสบความสำเร็จมาได้เรื่อยๆ…ก็เป็นเพราะบอสเผยช่วยผลักดันเราไปข้างหน้า”

คำพูดของหลินหวานทำให้ทุกคนตะลึงงันไป

ใช่

การทำงานในบริษัทเถิงต๋าทำให้หลายคนสร้างภาพลวงหลอกตาตัวเองขึ้นมา

ถึงจะดูเหมือนว่าทุกอย่างประสบความสำเร็จตามที่ควรจะเป็น

แต่ดูสภาพบริษัทเกมอื่นๆ สิ ลองคิดถึงประสบการณ์งานก่อนๆ ของพวกเขา

เหตุผลที่พวกเขาไม่รู้สึกกดดันเลยก็เพราะมีคนแบกรับความกดดันทั้งหมดไว้ให้แล้ว!

คนผู้นั้นก็คือบอสเผย!

ถ้าคิดดูดีๆ เกมทั้งเกม ตั้งแต่แนวคิดการออกแบบไปจนถึงเสียงพากย์ บอสเผยเป็นคนแก้ให้อย่างละเอียด

คนอื่นๆ ก็แค่รับผิดชอบงานจัดการทั่วไป

ถ้าเกมไม่ประสบความสำเร็จ คนที่จะต้องรับผิดชอบความล้มเหลวนี้เป็นหลักก็คือบอสเผย

แต่ถ้าเกมประสบความสำเร็จขึ้นมา ทุกคนก็จะได้ความดีความชอบกันหมด!

พอหันไปมองบอสคนอื่นๆ…

พวกเขาไม่ค่อยจะสนใจเรื่องงานและไม่ได้อธิบายอะไร ปล่อยให้ลูกน้องแบกงานกันเอง

พอโปรเจ็กต์ล้มเหลวขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือหาข้อผิดพลาดแล้วโยนความผิดให้คนอื่น เพราะอย่างไรเจ้านายก็ไม่มีวันผิด

เทียบกันแล้วเห็นความแตกต่างชัดมากๆ!

หลินหวานพูดต่อ “ดังนั้นจึงชัดเจนมากว่าทำไมบอสเผยถึงให้พี่เป็นคนพากย์เสียง

“หนึ่ง เสียงของพี่เหมาะกับการเอามาใช้เป็นเสียงพากย์

“สอง ข้อได้เปรียบที่สุดของพี่คือความรู้เรื่องเกม!

“ห้ามดูถูกจุดนี้เลยนะ เพราะเป็นจุดที่สำคัญมากสำหรับการเป็นนักพากย์!

“อาจมองได้ว่าเสียงพากย์คือความโลภและความต้องการของนักออกแบบเกม มันจะล่อลวงพวกเขาไปในทางที่ผิด”

“เสียงพากย์ที่จะทำแบบนั้นได้แค่มีเนื้อเสียงที่เหมาะมันไม่พอค่ะ

“เพราะจะต้องเข้าใจหลุมพรางทั้งหลายในอุตสาหกรรมเกม

“ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งในอุตสาหกรรมนี้

“ต้องเข้าใจความโลภและความต้องการภายในใจที่สุด!

“นักพากย์ทั่วไปไม่มีทางเข้าถึงความรู้สึกนี้ได้!”

คำพูดเหล่านั้นเป็นเหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางหัวลู่หมิงเหลียงเพื่อปลุกให้ตื่น

เป็นแบบนี้นี่เอง!

จุดประสงค์ที่แท้จริงที่บอสเผยมอบหมายงานนี้ให้เขาคือแบบนี้เองเหรอ!

เขารีบหยิบบทพากย์ขึ้นมาไล่สายตาดูอย่างรวดเร็ว

ใช่ จริงด้วย!

ไม่สงสัยเลยว่าทำไมบอสเผยถึงแก้บทเองอยู่หลายครั้ง

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะอยากให้เข้าถึงความรู้สึกนี้นี่เอง!

เพราะแบบนี้ บอสถึงอยากได้เสียงที่เข้าถึงอารมณ์ที่ว่า!

ลู่หมิงเหลียงพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำให้บอสเผยต้องผิดหวัง!”

หลังจบประชุม ลู่หมิงเหลียงออกจากบริษัทแล้วเดินทางไปที่สตูดิโอที่ดีที่สุดในเมืองจิงโจวเพื่ออัดเสียง

ส่วนหลินหวานเดินกลับไปที่โต๊ะ เธออ่านบทพากย์ต่อหลังจากทำงานเสร็จแล้ว

เธอค้นพบมุมมองใหม่ๆ ทุกครั้งที่อ่าน!

เกมนักออกแบบเกมมีฉากย่อยและฉากจบหลากหลาย การเล่นผ่านฉากย่อยต่างๆ ไปจนถึงฉากจบในแต่ละรอบทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสประสบการณ์ความเป็นความตายของบริษัทเกม

บ้างก็ได้ชื่อเสียงลือเลื่อง

บ้างก็ต้องออกจากอุตสาหกรรมไปพร้อมความเจ็บปวด

หลังจากลองปล่อยใจให้เข้าถึงความรู้สึกของนักออกแบบเกม หลินหวานก็ตระหนักได้ว่าความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมของเธอก่อนหน้านี้ช่างตื้นเขินยิ่งนัก

เธอเคยคิดว่าเกมควรจะสร้างความสุขให้ผู้คน และบริษัทเกมก็ควรทำเช่นนั้น

แต่หลังจากได้ฝึกงานที่เทียนหัวสตูดิโอ เธอก็ได้รู้ว่าบริษัทเกมในประเทศนั้นไม่ได้เป็นเหมือนที่เคยวาดฝันไว้

ขณะที่กำลังรู้สึกผิดหวัง บริษัทเถิงต๋าก็โผล่มา!

เธอจึงเลือกเดินตามรอยเท้าของบริษัทเถิงต๋าโดยไม่ลังเลใจ

แน่นอนว่าหลินหวานไม่ได้หลงเชื่อบริษัทเถิงต๋าโดยไม่ดูดำดูดีอะไรเลย ในฐานะพนักงานธรรมดาทั่วไป เธอค่อยๆ ผสานตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานและพยายามสร้างรูปแบบของตัวเองขึ้นมา

ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทเถิงต๋า เธอเห็นภูเขาเป็นภูเขา พอได้รู้เรื่องอุตสาหกรรมเกมมากขึ้นก็กลายเป็นว่ามองภูเขาไม่เป็นภูเขา แต่มาตอนนี้ที่เข้าใจถึงแก่นแล้ว เธอก็มองภูเขาเป็นภูเขาอีกครั้ง[1]…

หลินหวานรู้สึกได้เรียนรู้อะไรมากมาย!

เธออาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากเท่านี้ถ้าได้ทำงานที่บริษัทในประเทศแห่งอื่น!

หมายความว่าเถิงต๋าเป็นบริษัทเกมในประเทศที่แปลกไม่เหมือนใคร ความแปลกที่ว่าไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบริษัทต่างหาก!

ไม่ว่าหลินหวานจะตรึกตรองดูอย่างไร เธอก็รู้สึกอยู่ตลอดว่าบอสเผยมีออร่าพิเศษบางอย่าง

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร!

ทุกอย่างที่บอสเผยทำดูจะไม่สมเหตุสมผลในตอนแรก แต่พอได้รู้เหตุผลเบื้องลึกเบื้องหลังก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจแบบนั้น

ที่สำคัญที่สุดเลยคือการที่บอสเผยไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เขาดูเป็นคนใจบุญมากๆ

ถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก!

“ฉันเลือกถูกที่แล้ว

“ถ้าวันไหนฉันเข้าใจความคิดของบอสเผย ฉันก็จะเป็นนักออกแบบเกมชั้นแนวหน้าได้!”

หลินหวานวางปณิธานในใจ

วันที่ 3 เดือนมีนาคม…

เปาซวี่ที่ดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอย่างยาวนานมาปรากฏตัวหน้าทางเข้าบริษัทเถิงต๋าเน็ตเวิร์กเทคโนโลยี

“เหนื่อยเหลือเกิน”

ใบหน้าของเปาซวี่ดูคล้ำลงเล็กน้อย

สีหน้าของเขาบ่งบอกความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือ…

กลับมาแล้วโว้ย!

ต้องไปเที่ยวจนทั่วมาตั้งเดือนนึง!

เดิมทีเขาเป็นคนติดเกมที่ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้แม้แต่นาทีเดียว แต่บอสเผยกลับบังคับให้เขาออกไปใช้เวลาข้างนอกหนึ่งเดือนเต็ม

กำหนดการในแต่ละวันแน่นเอี้ยด แถมเลขาซินก็ยังให้รายงานสถานที่อยู่ตลอดเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไปตามตารางที่วางไว้!

เขาต้องรายงานที่อยู่ในปัจจุบันทั้งตอนเช้าและตอนเย็นในทุกเมืองที่ไป รายงานเสร็จก็ตรงดิ่งกลับที่พัก เหนื่อยล้าเกินกว่าจะเปิดเกมเล่น

หนึ่งเดือนอันแสนทุกข์ระทมผ่านไป ในที่สุดการเดินทางก็จบลง

เปาซวี่เดินทางกลับบริษัทพร้อมกระเป๋าเป้และความคิดหนึ่งในหัว เขาคิดถึงบริษัทแทบใจจะขาด!

ถ้าได้สิทธิ์หยุดงานแบบได้รับเงินเดือนอีก เขาจะต้องโยนสิทธิ์นั้นไปให้คนอื่น!

ใครอยากได้ก็เอาไป เขาไม่มีทางทำแบบนี้อีกแน่!

ทุกคนสังเกตเห็นเปาซวี่เดินเข้าบริษัทมา

“อ้าว พี่เปากลับมาแล้ว!”

“พี่เปา ดูดีขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”

“ผอมลงแต่ดูสูงขึ้นนะครับ”

“ดูสดใสขึ้นเยอะเลย เหมือนผมจะขึ้นด้วยแฮะ!”

เปาซวี่อึ้งไป “จริงเหรอ”

เขาโยนกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เกมมิ่ง

สบายเหลือเกิน!

เขารู้สึกเหมือนสุขภาพของตัวเองดีขึ้นมากๆ

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เปาซวี่ต้องออกไปข้างนอกทุกวันเลยไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเอง

พอคนอื่นทักหลังจากกลับมา เขาก็ตระหนักว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงและกระฉับกระเฉงขึ้นมาก

ก่อนหน้านี้เปาซวี่สิงอยู่ร้านอินเทอร์เน็ตทั้งวันทั้งคืน นอนไม่เป็นเวลา

ทั้งเวลากินข้าว เวลาพักผ่อน ตารางชีวิตประจำวัน…พังเละเทะทุกอย่าง

ถึงจะอายุยังน้อย แต่การใช้ชีวิตแบบพังๆ ก็ส่งผลต่อสุขภาพของเขา

พอมาทำงานที่บริษัทเถิงต๋า สุขภาพเขาก็ดีขึ้นเพราะต้องเริ่มงานและเลิกงานเป็นเวลา แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่ดี

การเดินทางตลอดหนึ่งเดือนทำให้เขาได้เดินเยอะและเจอแสงแดดบ่อย เวลางานและเวลาพักก็เข้าที่เข้าทาง กินอาหารอร่อยขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้นมากโดยไม่รู้ตัว!

……………………

[1] 看山是山,看山不是山,看山还是山 (เห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นภูเขาไม่เป็นภูเขา ยังเห็นภูเขาเป็นภูเขา) เป็นแนวคิดของปรมาจารย์นิกายเซนในสมัยราชวงศ์ซ่ง หมายถึงว่าตอนยังอ่อนต่อโลกมองอะไรก็เห็นเป็นอย่างนั้น ต่อมามีประสบการณ์ขึ้นเริ่มมองโลกหลายแง่มุม เห็นข้อดีข้อเสียของสิ่งต่างๆ จึงต้องใช้เวลาในการไตร่ตรองตัดสินใจ สุดท้ายเป็นผู้เจนโลกมีประสบการณ์จึงมองสิ่งต่างๆ ได้ทะลุถึงแก่นแท้