หลัวเขอตี้ถูกลูกธนูของโจวเหว่ยชิงกระแทกกลับจนกระเด็นออกไป โชคดีที่เขาเป็นจ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 5 ดวง ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งและทนทานเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังสามารถตอบสนองได้อย่าง ทันท่วง ทีและลดทอนความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ในขณะที่โจวเหว่ยชิงยิงลูกศรดอกสุดท้ายออกมา เขาได้ดึงหัวลูกศร ออกไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นหลัวเขอตี้จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ มิฉะนั้น หากถูกยิงอย่างกะทันหันด้วยธนูราชัน ที่ทรงพลังเช่น นี้ แม้ระดับการฝึกฝนของเขาจะสูงกว่าโจวเหว่ยชิงมาก แต่เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน และนี่ก็คือราคาที่หลัวเขอตี้ ต้องจ่ายเมื่อเข้ากล้าประเมินศัตรูต่ำไป
แท้จริงแล้วการยิงหลัวเขอตี้ให้โดนเป็นเรื่องยากมากสำหรับโจวเหว่ยชิง ลูกศร 4 ดอกแรก คือการทดสอบและ ประเมินสถานการณ์ทั้งหมด มีเพียงลูกศรดอกที่ 5 ซึ่งพุ่งเป้าไปที่พื้นจึงจะนับว่าเป็นกุญแจสำคัญในแผนการณ์ของเขา หลัวเขอตี้ไม่รู้เกี่ยวกับพลังศาสตรามณียุทธ์ของโจวเหว่ยชิงและพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่น ตกใจกับแรงระเบิดจนพุ่งตัวออกไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศ แน่นอนว่าเมื่อมาถึงจุดนั้น แผนของโจวเหว่ยชิงก็สำเร็จไป ครึ่งทางแล้ว
ในวินาทีต่อมา ขณะที่โจวเหว่ยชิงยิงลูกศรดอกถัดไป เขาก็ได้ปลดปล่อยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาจากมณีธาตุ ของเขาออกมาหลอมรวมเข้ากับธนูราชันด้วย ก่อนหน้านี้เขาตระหนักได้ว่าหลัวเขอตี้เคลื่อนไหวได้จำกัดมากขณะที่ลอย อยู่กลางอากาศ ด้วยเหตุนั้น ลูกเล่นของลูกศรราชันเคลื่อนย้ายพริบตาจึงค่อนข้างเรียบง่ายมาก มันไม่ได้มีอำนาจทะลุ ทะลวงเพิ่มมากขึ้น แต่มันสามารถทำให้ลูกศรพุ่งออกไป จากนั้นก็หายตัวไปกลางอากาศ และไปปรากฏตัวอีกฝั่งได้ในชั่ว พริบตา หรือก็คือเมื่อลูกศรพุ่งไปถึงระยะ 250 หลาจากหลัวเขอตี้ มันก็จะหายตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ด้วยระยะ ทางที่ร่นขึ้นมาใกล้เช่นนี้ พลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันจะไม่แสดงผลได้อย่างไร? ที่จริงการตัดสินใจของหลัวเขอตี้ ก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไรเลย แต่ทว่าเขากลับไม่นึกเผื่อไว้ว่าลูกศร อาจจะเคลื่อนย้ายตัวเองมาอยู่ตรงหน้า เขาในชั่วพริบตา เช่นนี้! แม้โจวเหว่ยชิงจะยังควบคุมลูกศรราชันเคลื่อนย้ายพริบตาได้ไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังโชคค่อนข้างดี ดังนั้นเขาจึง ประสบความสำเร็จในการลองเพียงครั้งเดียว
หัวกลมๆ เล็กๆ สีขาวน่ารักโผล่พรวดออกมาจากหน้าอกของโจวเหว่ยชิงทันที เจ้าตัวน้อยกระพริบตาสีน้ำเงินเข้ม ปริบๆ อย่างสงสัยแม้จะไม่ส่งเสียงอะไรออกมาก็ตาม นั่นไม่ใช่เสือขาวตัวน้อยที่ทุกคนหลงลืมไปหรอกหรือ? ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมเสือขาวตัวน้อยถึงติดหนึบอยู่กับโจวเหว่ยชิง และแม้ว่ามันจะถูกเขา“กลั่นแกล้ง” อยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวน้อยนี้ก็ยัง ปฏิเสธที่จะผละจากข้างกายเขาไป ด้วยเหตุนี้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงรู้สึกหดหู่อยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่ร่างของหลัวเขอตี้กำลังจะร่วงลงไปกระแทกพื้น เขาก็จัดการม้วนตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบก่อนจะกระโดด กลับไปยืนอย่างมั่นคง แต่ทว่าก็ยังรู้สึกเจ็บปวดและอึดอัดที่หน้าอกเล็กน้อย ไม่นานเขาก็ตกอยู่ในอารมณ์อึมครึม ท้ายที่สุด แล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาถูกลูกศรดอกนั้นโจมตีได้อย่างไร! หูของเขาผิดปกติไปหรือ!? นั่นเป็นไปไม่ได้! ความสามารถในการ แยกแยะระยะทางและการโจมตีจากการได้ยินเพียงอย่างเดียวนั้น กระทั่งคนอื่นๆ ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็สู้เขาไม่ได้!
เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่า ข้าคือนายพรานล่าห่านป่าที่โดนห่านจิกจนตาปูด ไต้ก๋งเรือที่พลาดจมเรือในสระน้ำ เล็กๆ!! เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและเต็มไปด้วยดินทราย ตอนนี้ใบหน้าสุภาพเรียบร้อยของหลัวเขอตี้จึงค่อนข้างบึ้งตึงเป็น อย่างมาก
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เดินเข้ามาหาเขาอีกครั้ง จากนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ถามด้วยน้ำแสียงแสดงความ กังวลอย่างชัดเจน “ท่านอาวุโส ท่านสบายดีหรือไม่?”
หลัวเขอตี้ยิ่งได้ฟังคำพูดปลอบโยนของเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปกว่าเดิม หากเธอเย้ยหยันหรือหัวเราะเยาะเขา เขาก็ อาจจะยังไม่รู้สึกแย่มากนัก แต่เมื่อถูกเด็กหญิงตัวเล็กๆ มาเอ่ยปากปลอบโยนเช่นนี้ แม้ว่าผิวของเขาจะหนา แต่ก็ยังอดไม่ ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความอับอาย เขามองไปยังใบหน้าซื่อๆของโจวเหว่ยชิงด้วยสีหน้าล้ำลึกก่อนจะกล่าวว่า “หึ เจ้าเด็ก เหลือขอตัวน้อย! ไม่เลวเลยนี่หว่า! ดูเหมือนข้าจะมองเจ้าผิดไป!” ด้วยทักษะการยิงธนูของเขา เขาจึงรู้ว่าหัวลูกศรดอกสุด ท้ายนั้นถูกถอดออกไป มิเช่นนั้นเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็เป็นได้
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า “ท่านอาวุโส ข้าแค่โชคดีเท่านั้นแหละ ตอนที่ข้ายิงลูกศรดอกสุดท้าย ออกไป มือของข้าดันลื่นพอดี มันเลยพุ่งออกไปกระยึกกระยือไม่ตรงเป้าเท่าไหร่ ใครจะรู้ว่าท่านจะไปกระแทกโดนมันโดย ไม่ตั้งใจ เฮ้อ สรุปว่าข้าผ่านการทดสอบด่านแรกหรือไม่?”
มือลื่น? คิ้วของหลัวเขอตี้กระตุกขณะที่เขาสบถในใจว่า เจ้าคิดว่าเจ้าโกหกใครอยู่รึ?? ลูกศรดอกก่อนหน้าเจ้า ไม่ได้เอาหัวลูกศรออก แต่ดอกสุดท้ายนี้เจ้ากลับเอาออก เจ้าคงจะไม่ทำเช่นนั้นหากไม่มั่นใจว่าลูกศรดอกนั้นจะพุ่งโดนร่าง ข้าแน่นอน ฮึ่ม! จอมเจ้าเล่ห์ตัวน้อยนี้รู้วิธีแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือจริงๆ[1] ทำไมท่าทางของเขาถึงได้ดูคุ้นๆ นักนะ?
หลัวเขอตี้กัดฟันพูดว่า “ใช่ เจ้าทั้งคู่ผ่านด่านทดสอบแรกแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเข้าสู่ด่านที่ 2 เจ้าเด็กเหลือขอ ส่งธนู อุษาม่วงมาให้ข้าพร้อมกับแล่งธนูของเจ้า”
โจวเหว่ยชิงมองเขาอย่างระมัดระวัง “เอาไปทำอะไรหรือ?”
แววตาของหลัวเขอตี้เผยเล่ห์เหลี่ยมออกมาขณะที่เขาอมยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะได้ทันตอบโต้หรือ แม้แต่เห็นหลัวเขอตี้ขยับตัว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่วูบวาบเบื้องหน้า จากนั้นร่างของเขาก็ถูกยกขึ้น พริบตา เดียวธนูอุษาม่วงและแล่งธนูก็ไปปรากฏอยู่ในมือของหลัวเขอตี้เรียบร้อยแล้ว
“ก่อนหน้านี้เจ้าทั้งคู่ยิงลูกศร 20 ดอกใส่ข้าแล้ว ตอนนี้ถึงตาข้ายิงลูกศร 20 ดอกใส่พวกเจ้าทั้ง 2 คนบ้างหากลูก ศรของข้ายิงไม่โดนพวกเจ้าครบทั้ง 2 คน พวกเจ้าทั้งคู่ก็จะผ่านด่านทดสอบที่ 2 ไปได้ทันที ไม่ต้องกังวล ข้าจะถอดหัวลูกศร ออกแน่นอน ตอนนี้พวกเจ้าวิ่งออกไปได้เลย ข้าจะนับถึง 1 ถึง 5”
“1…”
ปัดโถ่เอ้ย! นี่คือการใช้อำนาจแก้แค้นส่วนตัวอย่างไม่ถูกต้องชัดๆ! โจวเหว่ยชิงพลันสบถด่าอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้า จะชักช้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เขาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากันว่าให้แยกไปคนละทิศ จากนั้นทั้งคู่ก็หัน หลังกลับและวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดอย่างไม่ลังเลฃ
ในขณะเดียวกัน หลัวเขอตี้ก็รีบหยิบลูกธนูออกจากแล่ง เขาใช้นิ้วมือแตะที่หัวลูกศร จากนั้นพวกมันก็ปริแตกออก จากกันทันที เขาหักมันออก จากนั้นก็ง้างธนูขึ้น ก่อนจะนับอย่างช้าๆ “2 3 4 5…นี่คือลูกศรดอกแรก!”
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ยินเสียงของเขาจึงกระโดดหลบและพลิกตัวไปด้านข้างทันที อย่างไรก็ตามทัน ทีที่พวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเนื่องจาก ไม่มีใครได้ยินเสียงของลูกศรที่แหวกผ่าน อากาศมาเลย
หรือว่านั่นคือศรไร้เสียง?
“เจ้าโง่! ถ้าข้าบอกว่าลูกศรกำลังจะพุ่งออกไป นั่นหมายความว่ามันจะพุ่งออกไปจริงๆรึไง?” ในขณะที่โจวเหว่ย ชิงม้วนตัวกับพื้นและกำลังจะกระโดดขึ้นเพื่อเปลี่ยนทิศทาง เขาก็รู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายขึ้นมาอย่างฉับพลัน แรงปะทะนั่นทำให้ เขากระเด็นไปไกลถึง 3 ฟุตทันที
นั่นคือศรไร้เสียง? เห็นได้ชัดว่าลูกศรดอกนั้นถูกยิงออกมาหลังจากพูดเตือนพวกเขาจริงๆ แต่ถึงแม้ว่าลูกศรนั่นจะ มีเสียง เขาก็ยังไม่อาจหลบมันพ้นอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว ลูกศรดอกนั้นก็มาถึงตัวเขาในขณะที่ร่างของเขายังอยู่บนพื้นด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา เขาก็ไม่อาจจะหลบมันพ้นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงไม่ต้อง การเปิดเผยความลับของมณีธาตุของเขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะนี้ในการทดสอบด่านแรก แต่นั่นก็ยังอยู่ภายใต้ เงื่อนไขที่ว่าหลัวเขอตี้ไม่สามารถมองเห็นลูกศรดอกนั้นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าหากเขาใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาอีก แน่นอนว่าหลัวเขอตี้ต้องรู้แน่
แม้ว่าหัวลูกศรจะถูกถอดออกแล้ว แต่ด้วยพลังของธนูอุษาม่วง ขณะที่ลูกศรนั้นกระแทกเข้าที่ก้นของเขา โจว เหว่ยชิงก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงปะทะขนาดย่อมๆ อย่างไรก็ตาม ลูกศรดอกนั้นก็ได้พุ่งชนเข้ากับเกราะเทพอมตะที่ถูกกางออก เพื่อปกป้องเขาไว้ในเวลาเดียวกัน พลังโจมตีนั้นจึงถูกเกราะเทพอมตะกระจายออกไปทั่วร่างกายของเขา อีกทั้งแรงปะทะ ส่วนใหญ่ยังถูกสลายออกไปอีกด้วย เช่นนี้เขาจึงกระเด็นกลับไปด้านหน้าเพียง 2-3 ฟุต ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็ก น้อย
นี่คือวิธีการใช้ประโยชน์จากเกราะเทพอมตะอย่างแท้จริง! โจวเหว่ยชิงตระหนักได้ถึงพลังของของเกราะเทพ อมตะทันที เมื่อร่างกายของเขาถูกโจมตี เกราะป้องกันจากหลุมดำพลังปราณทั้ง 5 เป็นเพียงแค่การป้องกันในระดับพื้น ฐานเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการกระจายแรงปะทะออกไปทั่วร่างกาย แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังคงได้รับความเสียหาย แต่พลังโจมตีที่รุนแรงก็ได้ถูกกระจายออกไปแล้ว และนั่นก็ช่วยลดอาการบาดเจ็บของเขาลงได้มากเลยทีเดียว
“ฮึ? เจ้ารับลูกศรได้เก่งจริงๆ!” หลัวเขอพูดด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไปยังโจวเหว่ยชิงที่พลิกตัวกลับไปยืน แล้ววิ่งต่อได้หลังจากโดนลูกศรของเขายิงใส่ครั้งแรก
ตามแผนเดิมของเขา ลูกศรดอกแรกควรจะทำให้ก้นของโจวเหว่ยชิงชาหนึบจนขยับไม่ได้ จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ หลัวเขอตี้ยิงลูกศรตามไปอีก 20 ดอกตามความตั้งใจของเขาเพื่อเป็นการลงโทษเจ้าเด็กเหลือขอคนนั้น แท้จริงแล้วเขา สงวนลูกศรทั้ง 20 ดอกไว้สำหรับโจวเหว่ยชิงโดยเฉพาะเลยทีเดียว ท้ายที่สุดเขาก็เพียงแค่ต้องการจะระบายความโกรธที่ ตนถูกโจวเหว่ยชิงยิงจนกระเด็นออกไปก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็ยังคงอยู่ดีหลังจากโดนลูกศรแรกของ เขายิงเข้าใส่ และสิ่งนี้ก็ท้าทายอารมณ์โกรธของหลัวเขอตี้อย่างมา
*สวบ* ลูกศรอีกดอกพุ่งออกมา คราวนี้โจวเหว่ยชิงได้ขยายประสาทสัมผัสของเขาให้ตึงถึงขีดสุด และเมื่อทำเช่น นั้นเสร็จ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกศรอีกดอกได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นั่นทำให้ใจของเขาร่วงไปอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว เป็นเพราะเขาพบว่ามันไม่ใช่ศรไร้เสียง!!
ลูกศรที่หลัวเขอตี้ยิงออกมานั้นมีเสียงดังออกมาจริงๆ แต่มันก็เบาบางมากๆ แม้กระทั่งประสาทสัมผัสที่ถูกขยาย ออกจนถึงขีดสุดของโจวเหว่ยชิงก็ยังเพิ่งจะได้ยินเสียงของมันเพียงแผ่วเบาเมื่อลูกศรดอกนั้นพุ่งมาใกล้เขาในระยะ 10 หลา แล้ว
เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร? โจวเหว่ยชิงคิดอย่างสับสนขณะที่บั้นท้ายของเขาปะทะเข้ากับลูกศรอีกดอก ในคราวนี้ ขณะที่ร่างกายของเขาเพิ่งจะโผทะยานไปข้างหน้าด้วยแรกผลัก ลูกศรดอกที่ 3 ก็ตามมาถึงแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ กระเด็นออกไปจากแรงปะทะครั้งที่ 2 ลูกศรดอกที่ 3 4 และ 5 ก็ตามมาติดๆ อย่างไม่ให้โอกาสเขาได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่ น้อย!
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เริ่มวิ่งออกไปในเวลาเดียวกันกับโจวเหว่ยชิงและทั้งคู่ก็ได้แยกย้ายกันไปคนละทางก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดก็โผล่เข้ามาในสายตาของเธอ
โจวเหว่ยชิงถูกหลัวเขอตี้ระดมยิงอย่างต่อเนื่อง ลูกศรเหล่านั้นพุ่งใส่เขาติดๆกันในขณะที่เขาลอยคว้างอยู่กลาง อากาศ และเขาก็ยังไม่ทันจะได้ยันตัวกับพื้นเลยด้วยซ้ำ!!
นี่มันทักษะการยิงธนูแบบไหนกันแน่? ร่างของซ่างกวนปิงเอ๋อร์แข็งค้าง เธอจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตก ตะลึง ยังไงซะ ทั้งสองฝ่ายก็อยู่ห่างกันตั้ง 300 หลา และเพื่อให้เกิดผลเช่นนั้น ขณะที่ลูกศรดอกแรกปะทะเข้ากับร่างของ โจวเหว่ยชิง ลูกศรดอกที่ 3 ของ หลัวเขอตี้ก็ต้องทะยานอยู่กลางอากาศแล้ว! มีเพียงลูกศรที่ยิงออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ หยุดพักเท่านั้นจึงจะสามารถขึงเขาไว้กลางอากาศเช่นนั้นได้ นี่ก็หมายความว่า ทันทีที่หลัวเขอตี้ยิงลูกศรดอกแรกออกไป เขาก็ต้องขบคิดไว้แล้วว่าโจวเหว่ยชิงจะขยับไปที่ไหนและขยับอย่างไร จากนั้นก็ยิงลูกศรดอกถัดไปในเส้นทางนั้นทันที นี่จึง ไม่ใช่แค่เพียงทักษะการมองเห็นที่เฉียบคมและการคิดคำนวณอย่างง่ายๆแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอหันไปมองหลัวเขอตี้ เธอก็เห็นว่าเขากำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ทั้งๆ ที่ยิงธนูออกไป อย่างรวดเร็วเช่นนั้น อีกทั้งเธอแทบจะมองตามไม่ทันว่าเขายิงธนูออกไปอย่างไร ท่าทางของเขาดูสบายๆ มาก เขา อารมณ์ดีกระทั่งหันกลับมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและแทบจะไม่มองกลับไปที่โจวเหว่ยชิงแม้แต่น้อย สิ่งที่น่าตกใจยิ่ง กว่านั้นคือหลัวเขอตี้ไม่ได้ใช้ศรไร้เสียง แต่เขาก็สามารถลอกเลียนทักษะของศรไร้เสียงได้มากกว่า 8 ใน10 ส่วน!
ทักษะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้! มันคือทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้าชัดๆ!!
คำเหล่านั้นคือสิ่งที่ใช้อธิบายทักษะการยิงธนูของเขาได้เพียงอย่างเดียว ทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้า! แม้ว่าเขาจะ มีมณีเพียง 5 ดวง แต่ด้วยการทักษะการยิงธนูเช่นนี้ นั่นก็ทำให้เขาเกือบจะเกินความสามารถของมนุษย์ไปแล้ว! นี่คือจุด แข็งที่แท้จริงของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์งั้นหรือ?
ถึงตอนนี้ ระดับพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็กำลังลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจเป็นอันตรายได้ หลังถูกยิง ด้วยลูกศร 8 ดอกหรือมากกว่านั้น แม้ว่าเขาจะมีพลังการดูดกลืนปราณสวรรค์ที่น่าประทับใจจากหลุมดำทั้ง 5 พลังปราณ สวรรค์ของเขาก็ยังคงแห้งเหือดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขาได้เผาผลาญปราณสวรรค์ไปกับธนูราชัน และลูกศรราชัน เคลื่อนย้ายพริบตาไปส่วนหนึ่งแล้ว ประกอบกับการใช้เกราะเทพอมตะ ทำให้พลังปราณสวรรค์ของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
โจวเหว่ยชิงทำการตัดสินใจหยุดการป้องกันจากเกราะเทพอมตะในทันที เนื่องจากเขาต้องการสำรองพลังปราณ สวรรค์ไว้เพื่อใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาในครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากจะล้มเหลวในการทดสอบครั้งที่ 2 นี้!
หลังจากระงับพลังของเกราะเทพอมตะเอาไว้ได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกคือความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น อย่างมาก ปกติแล้วโจวเหว่ยชิงจะถูกลูกศรแต่ละดอกผลักให้กระเด็นออกไปเพียง 3 เมตรเท่านั้น แต่หลังจากเขาปลด เกราะเทพอมตะออก ลูกศรดอกต่อมาก็ทำให้เขากระเด็นออกไปไกลถึง 5 เมตร ส่วนความเจ็บปวด และอาการชาหนึบที่ ก้นของเขาก็ทำให้โจวเหว่ยชิงต้องร้องออกมาเสียงดัง
……………………………………………………..
[1] แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ แปลว่า คนที่แท้จริงแล้วมีความสามารถ แต่กลับแกล้งเซ่อซ่าหลอกให้ผู้อื่นหลงกลเพราะมุ่งหวังผลประโยชน์จากอีกฝ่าย