ส่วนที่ 5 ระบบพลิกบทนางรอง ตอนที่ 12 ระบบพลิกบทนางรอง (12)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เรื่องที่ฐานชังหยาถูกยึดนั้น ต่างก็อยู่ในความคาดหมายของฐานอื่นๆ ตั้งนานแล้ว แม้แต่ฐานที่อยู่ใกล้กับฐานชังหยาก็เริ่มเตรียมการขนถ่ายเสบียงอย่างลับๆ แล้ว เมื่อกองทัพซอมบี้บุกเข้ามาโจมตี พวกเขาก็จะทำการอพยพทันที

 

 

แต่ว่า เมื่อข่าวล่าสุดของฐานชังหยาแพร่กระจายไปยังฐานอื่นโดยรอบ เหล่าผู้คนต่างก็ตกตะลึง…

 

 

ฐานชังหยาที่ถูกโจมตีได้รับการช่วยเหลือจากปีศาจน้อยคนนั้นจริงเหรอ

 

 

และปีศาจน้อยที่ใช้คนเพียงคนเดียวต้านทานซอมบี้นับหมื่นในตำนานคนนั้นไม่เพียงแต่มีพลังพิเศษกลายพันธุ์สายวิญญาณติดตัวมาตั้งแต่เกิดเท่านั้น แต่เขายังมี ‘ญาติ’ ที่เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ชั้นสูงที่สามารถพูดได้ถึงสองตัว

 

 

จำเป็นต้องถึงขนาดนี้ไหม

 

 

หลังจากได้ยินข่าวนี้ ผู้นำของแต่ละฐานใหญ่ต่างก็คิดว่าช่วงนี้ตัวเองคงเหนื่อยเกินไปหน่อยจนหูไม่ดี!

 

 

อืม เอาเถอะ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หูไม่ดี พวกเขาก็ไม่เชื่อเรื่องไร้สาระอย่างนี้ ดังนั้นแต่ละฐานใหญ่จึงส่งทีมสายลับของตัวเองไปยังฐานชังหยา เพื่อไปสืบหาข่าวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

และในตอนนี้เอง ในฐานหลงเสียงก็ได้รับข่าวเกี่ยวกับฐานชังหยาเช่นกัน

 

 

หลังจากที่ได้รู้ข่าวนี้ ใบหน้าของหยางจื่อซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธอก็ได้รู้ว่าเยี่ยนอวี่ยังมีชีวิตอยู่!

 

 

ผู้ที่มีพลังพิเศษสายวิญญาณกลายพันธุ์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ต้องเป็นเยี่ยนอวี่อย่างไม่ต้องสงสัย!

 

 

หลังจากที่ยืนยันตำแหน่งปัจจุบันและตัวตนของเยี่ยนอวี่แล้ว หยางจื่อซีก็เชื่อมต่อกับระบบนางรองของเธอ เธออยากรู้ว่าเยี่ยนอวี่เป็นภัยคุกคามต่อเธอหรือเปล่า

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นหยางจื่อซียังอยากรู้ว่า จะใช้เยี่ยนอวี่เป็นทางผ่านเพื่อจบภารกิจได้หรือไม่

 

 

ระบบพลิกบทนางรองทำให้หยางจื่อซีได้มีโอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังให้โอกาสและพลังที่คนอื่นได้แต่วาดฝันถึงไปทั้งชาติกับเธอ!

 

 

อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ไม่ได้ครอบคลุมไปหมดทุกอย่าง!

 

 

ตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่ใช้อุปกรณ์ของระบบก็จะต้องใช้คะแนนเป็นจำนวนมาก และคะแนนเหล่านั้นได้รับมาจากการทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ จึงจะได้คะแนนมาสะสม

 

 

เมื่อพูดถึงภารกิจของระบบก็ยิ่งบ้าบอขึ้นไปอีก เพราะว่าพอระบบมอบภารกิจหลักให้ ผู้ถูกระบบอาศัยอยู่หรือก็คือเธอ จะปฏิเสธไม่ได้ และจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนดมิฉะนั้นระบบจะเป็นฝ่ายกำจัดผู้ถูกอาศัยเสียเอง!

 

 

ไม่มีใครอยากถูกคนอื่นควบคุมชีวิตและความเป็นความตายของตัวเอง แต่หยางจื่อซีผู้ซึ่งถูกระบบผูกมัด เธอตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ระบบได้ให้โอกาสเธอเกิดใหม่อีกครั้ง เธอไม่มีทางเลือกตั้งนานแล้ว…

 

 

เธอต้องสะสมคะแนนอย่างสุดชีวิต และต้องทำภารกิจต่างๆ ที่ระบบมอบให้ให้สำเร็จ

 

 

หลังจากที่เชื่อมต่อกับระบบแล้ว หยางจื่อซีก็ถามเกี่ยวกับเยี่ยนอวี่ และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ข้อมูลภารกิจย่อยเกี่ยวกับเยี่ยนอวี่ก็ปรากฏขึ้นมา

 

 

ระบบ : [ผู้ถูกอาศัยได้รับมอบหมายภารกิจย่อยชื่อ ‘ชีวิตแสนสุขของเยี่ยนอวี่’ ผู้ถูกอาศัยมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือยอมรับ เมื่อยอมรับภารกิจนี้แล้วโปรดเป็นเพื่อนที่ดีกับเยี่ยนอวี่ภายในเวลาที่กำหนด และปล่อยให้เขากับคนรักได้แต่งงานกัน!]

 

 

“…” หยางจื่อซีนิ่งงัน

 

 

เยี่ยนอวี่ตอนนี้อายุยังไม่ถึงสิบขวบเลย โอเคไหม

 

 

ยังจะมีเรื่องคนรักอะไรนั่นอีก ภารกิจที่แล้วไม่ใช่ให้ไปกำจัดซูเหยียนหรอกเหรอ

 

 

หยางจื่อซีคิดถึงซูเหยียนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เป็นเพราะในวันนั้นซูเหยียนตามฉู่เฟยหยางไปที่ฐานหลงเสียง ดังนั้นเธอก็เลยได้รับภารกิจย่อยอันหนึ่งมา ชื่อภารกิจว่า ‘กำจัดแบบถอนรากถอนโคน’ เนื้อหาของภารกิจย่อมเกี่ยวกับการกำจัดซูเหยียน

 

 

หยางจื่อซีรับภารกิจแล้ว แต่เมื่อเห็นน้ำตาบนใบหน้าของซูเหยียน ได้เห็นเด็กคนนี้ เธอก็ยังลังเลเล็กน้อย จนในที่สุดหยางจื่อซีก็ไม่ได้เป็นคนลงมือทำเอง เธอแค่ทำให้ซูเหยียนหมดสติและโยนเข้าไปในพื้นที่ที่ถูกยึดครองนอกฐาน ใช้เวลาไม่นานนัก เธอก็ได้รับการแจ้งเตือนว่าภารกิจสำเร็จ…

 

 

ตามที่ระบบได้บอกไว้ ในชีวิตก่อน ซูเหยียนและเยี่ยนอวี่เป็นคู่รักที่ไม่สามารถครองคู่อยู่ด้วยกันได้ แต่ในชีวิตนี้พวกเขาทั้งสองคนกลับคลาดกันด้วยเหตุผลหลายประการ ซูเหยียนตายไปแล้ว และเยี่ยนอวี่ก็ได้เริ่มต้นเส้นทางชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

 

หยางจื่อซีเปิดดูเวลาของภารกิจเยี่ยนอวี่ที่กำหนดไว้โดยระบบ คือแปดปี

 

 

แปดปีให้หลังเยี่ยนอวี่ก็คงอายุสิบเจ็ดปีแล้ว

 

 

หยางจื่อซีลังเลเล็กน้อยและยอมรับภารกิจย่อยที่คะแนนเยอะนี้ ในตอนนี้เธอไม่รีบร้อนที่จะทำความรู้จักกับเยี่ยนอวี่ ก่อนอื่นเธอต้องหาเด็กผู้หญิงในฐานหลงเสียง หาคนที่มีบุคลิกคล้ายกับซูเหยียน เอามาอบรมเลี้ยงดูก่อนถึงจะได้…

 

 

 

 

ฐานชังหยา

 

 

ในฐานเวลานี้เสียหายทรุดโทรมอย่างยิ่ง ผู้มีพลังพิเศษที่ใช้พลังเกินขีดจำกัดในการต่อสู้กำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในแผนกพลาธิการแนวหลังอย่างวางใจ และพลเรือนในฐานก็กำลังสร้างบ้านขึ้นมาใหม่พร้อมกับฝูงซอมบี้ที่แข็งแกร่งภายใต้การจัดการและออกคำสั่งของหลี่เทา

 

 

เอาเถอะ ในตอนแรกพวกซอมบี้ที่มีใบหน้าสีเขียวแสยะเขี้ยวน่าเกรงขามต่างทำให้ทุกคนหวาดกลัวและต่อต้าน

 

 

แต่หลังจากที่ได้เห็นเยี่ยนอวี่สั่งการพวกซอมบี้และได้เห็นซอมบี้ที่พูดได้ทั้งสองตัวที่อยู่ข้างกายเขา ทุกคนก็รู้สึกว่าพวกซอมบี้อะไรนั่น บางทีก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นแล้ว

 

 

ดังนั้นเมื่อสายลับจากฐานอื่นมายังรอบนอกของฐานชังหยา พวกเขาก็จะได้เห็นภาพของกลุ่มคนและฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ที่กำลังสร้างกำแพงเมืองอย่างสามัคคี…

 

 

ทุกคนต่างบอกว่า วันนี้ฉันลืมตาผิดวิธีแน่ๆ …

 

 

ในฐาน…

 

 

ซูหว่านและซูรุ่ยกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนรอบข้างเหมือนไม่มีคนอยู่ เพราะเวลานี้ซูหว่านยังคงร่างซอมบี้ระดับสามเอาไว้ ตอนนี้รูปร่างของเธอก็เหมือนคนปกติ และไม่ได้น่ากลัวกว่าซอมบี้ตัวอื่นอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าทั้งสองจะไปที่ไหนก็ไม่มีความวุ่นวายมากนัก

 

 

บางครั้งก็มีเด็กใจกล้าบนถนนโผล่หัวออกมา และมองไปที่ซูหว่านกับซูรุ่ยอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

 

ทั้งสองเดินไปถึงแผนกพลาธิการแนวหลังโดยไม่รู้ตัว มาถึงสถานที่ที่ทุกคนกำลังพักฟื้นตัว

 

 

เนื่องจากในครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทว่าในฐานชังหยากลับมีผู้มีพลังพิเศษสายรักษาเพียงคนเดียว เมื่อต้องเผชิญกับผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เขาคนเดียวจึงยุ่งจนตัวเป็นเกลียว ทางออกเดียวในตอนนี้คือเร่งช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บสาหัสก่อน ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาลธรรมดาทั่วไป ใช้ยาที่เก็บไว้ในฐานเพื่อการรักษาเบื้องต้นไปก่อน

 

 

“คุณหมอหวัง ยาแก้ปวดในฐานถูกใช้หมดแล้ว!”

 

 

ตอนที่ซูหว่านและซูรุ่ยเข้าประตูมาก็ได้ยินพยาบาลรายงานเรื่องยาแก้ปวด ในยุคโลกาวินาศอย่างนี้การรักษาและยาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และช่วงนี้ไม่ว่าจะยังไง เศรษฐกิจของฐานชังหยาก็ยังคงซบเซาอยู่ ค่าใช้จ่ายก็มากเกินไป การที่ตอนนี้ขาดแคลนยาฉุกเฉินต่างๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ

 

 

เมื่อได้ยินการรายงานของพยาบาล ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่า ‘คุณหมอหวัง’ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ฉันจะทำยังไงดี ยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคนที่ต้องผ่าตัดทันที ตอนแรกฉันวางแผนไว้ว่าจะใช้ยาแก้ปวดแทนยาชา! ตอนนี้แม้แต่ยาแก้ปวดก็ไม่มีแล้ว หรือจะต้องทำการผ่าตัดสดจริงๆ”

 

 

แม้ว่าผู้มีพลังพิเศษจะมีทักษะที่สูงกว่าคนปกติ แต่ร่างกายของพวกเขาก็เปราะบางเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้มีพลังพิเศษที่เหลืออยู่ในการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาล้วนเป็นญาติพี่น้องของคนธรรมดาในฐาน พวกเขาอยู่และต่อต้านเพื่อญาติพี่น้องของพวกเขา เมื่อเทียบกับผู้มีพลังพิเศษที่ทำการหลบหนีแล้ว พวกเขาทุกคนเป็นวีรบุรุษ พวกเขาทุกคนมีเลือดนักสู้!

 

 

“ฉันจัดการเอง!”

 

 

เสียงเนือยๆ ของผู้หญิงดังขึ้นทีหนึ่ง และทันใดนั้นคุณหมอหวังก็หันหลังกลับมามอง เห็นซอมบี้สองตัวที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา

 

 

“ว้าย!”

 

 

พยาบาลตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ กรีดร้องอย่างหวาดกลัว จากนั้นเธอก็ปิดปากของเธออย่างประหม่า มองไปที่ซูหว่านและซูรุ่ยอย่างหวาดกลัว

 

 

เนื่องจากคุณหมอหวังอายุมากแล้ว ปฏิกิริยาของเขาจึงดูสงบไม่น้อย นอกจากนี้เขาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับซอมบี้สองตัวที่อยู่ข้างกายเยี่ยนอวี่ ซึ่งถูกเขาเรียกว่า ‘พี่สาว’ และ ‘พี่เขย’ อยู่แล้วด้วย

 

 

ทุกคนเคยลอบศึกษาเรื่องราวของซอมบี้สามีภรรยาคู่นี้อย่างลับๆ ในจินตนาการของทุกคน นี่อาจเป็นคู่รักที่รักกันมากคู่หนึ่ง ในยุคโลกาวินาศ พวกเขาติดเชื้อเพราะช่วยน้องชายของพวกเขา และน้องชายพวกเขาก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าพี่สาวและพี่เขยกลายเป็นซอมบี้เพื่อที่จะช่วยตัวเขา พลังพิเศษสายวิญญาณของน้องชายพวกเขาจึงถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา และยังเป็นการกลายพันธุ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด!

 

 

ภายใต้สายเลือดที่เชื่อมโยงกันและความสัมพันธ์ทางพลังวิญญาณ ซอมบี้ทั้งสองตัวนี้จึงติดตามเยี่ยนอวี่เพื่อปกป้องเขา พวกเขาเริ่มฟื้นคืนความคิดของตนเองขึ้นมาอย่างช้าๆ จนมาตอนนี้พวกเขาสามารถปริปากพูดออกมาได้ ถือได้ว่านอกจากรูปลักษณ์แล้ว พวกเขาทั้งสองก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป

 

 

ดังนั้นจึงบอกได้ว่า ทุกคนมีจินตนาการล้ำเลิศสุดๆ!

 

 

“นี่…”

 

 

คุณหมอหวังมองไปที่ซูหว่าน จริงๆ แล้วเขาไม่รู้ว่าจะเรียกเธอว่ายังไงดี เขาเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ เหมือนที่เยี่ยนอวี่เรียกไม่ได้ใช่ไหม

 

 

“คุณ คุณมีวิธีอื่นเหรอครับ”

 

 

“ฉันคือสายลวงตา”

 

 

ซูหว่านก้าวไปข้างหน้า “บอกฉันมาใครต้องการการผ่าตัด ฉันสามารถสร้างภาพลวงตาเสมือนจริงเพื่อให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดได้!”

 

 

“จริงเหรอคะ เยี่ยมไปเลย!”

 

 

คุณหมอหวังยังไม่ทันจะตอบ พยาบาลตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น

 

 

คุณหมอหวัง “…”

 

 

“เอาเถอะ คุณมากับผม!”

 

 

หลังจากนั้นซูหว่านก็ใช้ทักษะภาพลวงตาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้พลังพิเศษที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสามคนได้รับการผ่าตัดอย่างราบรื่น และด้วยการร้องขอของคุณหมอหวัง ซูหว่านได้ใช้ทักษะภาพลวงตากับผู้ใช้พลังพิเศษวัยเยาว์ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บปวดของบาดแผล ให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างวางใจในภาพลวงตาที่สวยงาม…

 

 

หลังออกมาจากแผนกพลาธิการแนวหลัง ซูรุ่ยก็มองไปที่ซูหว่านและหัวเราะไม่หยุด

 

 

“นายหัวเราะคิกคักอะไรกัน”

 

 

ซูหว่านรู้สึกงุนงงกับเสียงหัวเราะของซูรุ่ย

 

 

“เปล่าไม่มีอะไร”

 

 

ซูรุ่ยเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทา “เสียวหว่าน คุณดูสิ ท้องฟ้าสดใสมากเลย!”

 

 

“พูดภาษาคนหน่อยสิ!”

 

 

ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเขา สดใสที่ไหนกัน มีแต่หมอกควันสีเทาเต็มท้องฟ้า

 

 

“เอ่อ”

 

 

ซูรุ่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งและยื่นมือไปจับแขนของซูหว่าน “ที่จริง ผมแค่คิดว่าเสียวหว่าน คุณเป็นคนเก่งที่สุดเลย คุณใจดีและน่ารักเสมอ”

 

 

ใจดีอะไร! น่ารักอะไร!

 

 

ซูหว่านหรี่ตาลง “พวกเขาอุทิศชีวิตต่อสู้เพื่อครอบครัวของตัวเอง ทำเพื่อสิ่งที่พวกเขาหวงแหน ฉันทำเพื่อพวกเขาได้เท่านี้เอง”

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวิธีเบี่ยงเบนความรู้สึกที่ดีที่สุด! อย่าบอกฉันนะว่านายไม่เข้าใจ!

 

 

อันที่จริงทั้งคู่รู้ดี พวกเขาจัดฉากสงครามนี้ด้วยมือของพวกเขาเอง ตอนนี้ไม่เท่ากับว่ากำลังทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกอยู่หรอกเหรอ หรือว่าแค่เสแสร้งแกล้งทำดี

 

 

ซูหว่านไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะนิยามในตัวเธอ เธอก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร

 

 

ในฐานะที่เป็นคนเลว เธอไม่ต้องการความเข้าใจและความเห็นชอบจากใคร…

 

 

“เดี๋ยวก่อน พวกคุณรอก่อน!”

 

 

เมื่อทั้งคู่เงียบเสียงลง เสียงที่วิตกกังวลผู้หญิงก็ดังมาจากด้านหลังพวกเขา

 

 

ซูหว่านยืนอยู่กับที่อย่างงุนงง หันไปรอบๆ ช้าๆ และเห็นว่าตอนนี้พยาบาลตัวน้อยที่อยู่กับคุณหมอหวังกำลังวิ่งมาหาเขาอย่างเหนื่อยหอบ “ฉัน…ฉันชื่อหนิงซือซือ! ฉันอยากจะขอให้คุณช่วยฉันสักหน่อย คุณจะช่วยฉันได้ไหมคะ”

 

 

หนิงซือซือมองตรงเข้าไปในดวงตาของซูหว่าน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง

 

 

ซูหว่านขมวดคิ้ว เธอไม่ใช่พระแม่ที่เห็นใครก็จะช่วย

 

 

“ฉันไม่มีเวลา”

 

 

ขณะที่พูด เธอก็หันกลับไปอีกครั้งและเตรียมจะจากไป

 

 

“ฉันขอร้องคุณค่ะ!”

 

 

น้ำเสียงสะอึกของหนิงซือซือที่ดังมาจากด้านหลัง “ฉันแค่ แค่อยากเห็นเขาอีกครั้งในภาพลวงตา! แค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว! เมื่อก่อนฉันไม่ดีเอง ฉันเอาแต่ใจตัวเอง ฉันรู้ว่าฉันอารมณ์เสียใส่เขา รังเกียจเขาที่ไม่มีงานดีๆ ทำ ไม่มีฐานะที่ร่ำรวย มันเป็นความผิดของฉัน! ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน! ฉันไม่แม้แต่จะคิดจริงจังกับเขาเลย ถึงขนาดที่ฉันไม่พูดกับพ่อแม่เขาเพียงเพราะพ่อแม่เขาเป็นคนชนบท! ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉัน…ฉันแค่อยาก…”

 

 

“แค่อยากเจอเขาอีกครั้งเหรอ เขาตายเพื่อเธอใช่ไหม เธอต้องการสารภาพหรือชดใช้เขาล่ะ”

 

 

ซูหว่านหันกลับมา เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา “ช่างลึกซึ้งกินใจจังเลยนะ! เธอไม่คู่ควรกับที่เขาใช้ชีวิตของเขาแลกชีวิตเธอมา ดังนั้น…เธอสมควรใช้ชีวิตอยู่อย่างอับอายแบบนี้ตลอดไป ส่วนจะพบกันอีกครั้งหรือขอโทษอะไรนั่น ฉันจะไม่มีวันให้โอกาสนี้กับเธอ!”

 

 

ขณะที่พูดนั้น ซูหว่านก็จากไปอย่างไม่แยแส ลมหายใจของซูรุ่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยและรีบเดินไปพร้อมกับซูหว่าน

 

 

มีบางคน มักจะรอให้สูญเสียไปก่อนแล้วโหยหาอย่างเจ็บปวดภายหลัง แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา

 

 

คนที่ตายไปแล้วไม่มีทางได้ยิน และบาดแผลที่ถูกเธอเฉือนก็ไม่มีวันหาย หากจะมีชีวิตที่จมปลักอยู่กับอดีต ใช้ชีวตอยู่ความอับอายอย่างนี้ สู้ปล่อยวางและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไม่ดีกว่าเหรอ

 

 

หรือไม่ก็เกิดใหม่เหมือนกับนกฟิกนิกซ์ ทำใหม่ทุกอย่างและเห็นคุณค่าของคนที่รัก

 

 

ไม่ก็ ตายไปซะ! ความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างนี้ต้องการจะให้ใครดูกันแน่ คนที่จะเห็นใจเธอ เขามองไม่เห็นตั้งนานแล้ว…