บทที่ 99 ทางลับ Ink Stone_Romance
หมิงเฉิงรีบเดินเข้าไปในห้องโถง พอเขาเดินเข้าไปสตรีที่อยู่ในห้องนี้ล้วนหันมามองเขา
“ซื่อเกอ ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม
“ท่านย่า” หมิงเฉิงยิ้ม “ไม่เป็นอันใดแล้วขอรับ ไฟไหม้ที่ยอดเขาชุ่ยมู่ห่างจากวัดเป่าหลิงค่อนข้างไกล เป็นเพราะถนนถูกปิดกั้นจึงไม่สามารถออกไปได้ก็เท่านั้น”
เมื่อเห็นเขายิ้มและน้ำเสียงก็ดูผ่อนคลาย สตรีทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ก็โล่งใจ
คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่คลาย “เรื่องแค่นี้เหตุใดข้างนอกถึงเสียงดังเอะอะเช่นนั้นเล่า พวกเรายังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปงั้นหรือ”
“นั่นเป็นเพราะพวกบุรุษสร้างปัญหาพวกนั้นขอรับ” หมิงเฉิงไม่พอใจ
“พอรู้ว่าไม่สามารถลงเขาได้ก็ร้องโวยวายเสียงดังจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก พวกใต้เท้ากลัวว่าจะเกิดการเหยียบกันจึงสั่งห้ามเคลื่อนไหว รอให้เคลื่อนย้ายหินบนถนนเสร็จก่อนเราถึงสามารถออกไปได้ขอรับ”
“อย่างนี้นี่เอง” ฮูหยินผู้เฒ่าคลายข้อสงสัยในใจตนได้ “ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องอันใดกัน แค่เรื่องเล็กน้อยก็โวยวายจนเป็นเรื่องใหญ่ ไม่แปลกใจที่เหล่าใต้เท้าจัดการเช่นนี้”
“ขอรับ” หมิงเฉิงตอบ
“เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่มันเกิดจากพวกเขาสร้างปัญหา เกิดเพลิงไหม้ที่ยอดเขาชุ่ยมู่ ก็ไม่สามารถลามมาถึงที่นี่ได้อยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับการที่ลงจากเขาไม่ได้เลย แต่หินจากภูเขาคงต้องให้คนมาจัดการ อาจจะเกิดความล่าช้าไปบ้างขอรับ”
สาวใช้นามหวงอิงยิ้มและกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลไปนะเจ้าคะ คุณชายสี่พูดเช่นนี้ พวกเรารอที่นี่กันเถอะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วพยักหน้า
หมิงเฉิงกำลังจะออกไป แต่ถูกฮูหยินสี่รั้งไว้ “เมื่อครู่อาเซียงออกไปหาอันเซียงเสี้ยนจู่ เฉิงเอ๋อร์ แม่ไม่สบายใจเลย ลูกไป…”
ยังไม่ทันพูดจบสาวใช้จากจวนจวิ้นอ๋องรีบเดินเข้ามาถาม “อันเซียงเสี้ยนจู่กับคุณหนูแปดจากจวนตระกูลหมิงออกไปเล่นด้วยกันยังไม่กลับมา หวังเฟยเป็นกังวลมากเลยให้บ่าวมาถามท่านว่าพวกนางมาที่นี่หรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินสี่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ “อะไรนะ พวกนางไม่ได้อยู่กับหวังเฟยหรอกหรือ”
สาวใช้ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน “ฮูหยินไม่เห็นพวกนางเลยเจ้าค่ะ เสี้ยนจู่กับคุณหนูแปดไปเล่นกันที่สระปล่อยปลา คนที่ติดตามพวกนางถูกทิ้งไว้…”
สระปล่อยปลา! วันนี้วัดเป่าหลิงมีงาน ที่สระปล่อยปลาจึงเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันพลุกพล่าน หากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจะทำอย่างไร!
“เฉิงเอ๋อร์!” น้ำเสียงของฮูหยินสี่สั่นเครือ “เจ้ารีบไปหาน้องสาวของลูกเร็ว! ผ่านไปนานเพียงนี้แล้วนางยังไม่กลับมา…”
หมิงเฉิงรีบตอบ “ท่านแม่อย่าใจร้อนไปเลยขอรับ ด้านนอกอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ อาจเป็นเช่นนี้ก็เป็นได้อาเซียงถึงยังไม่กลับมา ลูกจะออกไปดูแล้วถามเจ้าหน้าที่ให้นะขอรับ”
“ได้ๆๆ รีบไปเร็ว!”
สาวใช้จากจวนอ๋องหน้าซีด ทางด้านเจ้าหน้าที่แน่นอนว่าพวกนางไปถามมาแล้ว พบว่าไม่เห็นอันเซียงเสี้ยนจู่ พวกนางยังไม่ทันได้ตามหาคุณหนูจนพบก็เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ภูเขา จากนั้นก็เกิดความจลาจลจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวใด
ได้ยินฮูหยินสี่กล่าวเช่นนี้นางก็รีบคำนับแล้วเตรียมตัวกลับไป
พระเจ้าคุ้มครองจะต้องไม่เกิดอันใดขึ้นกับอันเซียงเสี้ยนจู่ มิฉะนั้นคนที่คอยปรนนิบัติพวกนางคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปสักคน!
หมิงเฉิงไม่รอช้ารีบเดินตามออกไปทันที “ท่านแม่โปรดรอสักครู่ เจ้ากับข้าไปหาหวังเฟยด้วยกัน!”
หมิงเซียงและอันเซียงเสี้ยนจู่หายไปด้วยกันมันคงจะดีกว่าหากจะยืมกำลังของจวนอ๋อง
…………
กำแพงเคลื่อนออกไปเผยให้เห็นประตูบานเล็ก
ทางลับ! มีทางลับ!
องครักษ์เดินเข้าไปผ่านไปไม่นานก็ออกมาเรียนว่า “คุณชายเป็นยุ้งฉางขอรับ!”
หยางชูไม่พูดอันใดสักคำแล้วเข้าไปที่ประตูเล็กๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อเทียบกับห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นลวกๆ ด้านนอกนั่นแล้วที่นี่มีขนาดกว้างขวางมาก อิฐที่ใช้ก่อกำแพงนั้นแน่นหนาไม่มีช่องว่างซึ่งกันน้ำได้เป็นอย่างดี
หยางชูก้าวไปสองก้าวจากนั้นหันกลับมาสั่ง “พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่ หากมีคนเข้ามาให้รีบแจ้งเตือนข้า”
“ขอรับ”
คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในห้องยิ่งมองก็ยิ่งตกใจ
ยุ้งฉางนี้ใหญ่เกินไป องครักษ์ใช้กริชเจาะกระสอบ แล้วข้าวขาวก็รั่วออกมา นอกจากนี้ยังมีถั่วเหลืองแป้งสาลี
พอหันกลับไปหยางชูก็หยุดเดิน “ธัญพืชเหล่านี้ต่อให้พระสงฆ์ในวัดเป่าหลิงทานหลายปีก็ทานไม่หมด”
หมิงเวยถอนหายใจ “ยุ้งฉางเก็บเสบียงของทหารหรือเปล่า”
หยางชูพยักหน้า “ปกติยุ้งฉางที่โจวฝู่ไม่มีข้าวมากมายถึงเพียงนั้น นอกจากคำตอบนี้ ข้าก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว”
“หมายความว่าวัดเป่าหลิงเกี่ยวข้องกับฉีตงจวิ้นอ๋องงั้นหรือ”
“มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ผู้อื่นจะเก็บอาหารจำนวนมากเพียงนี้ไปเพื่ออันใดกัน” หยางชูคิด “น่าเสียดายที่ไม่มีชุดเกราะหรือกระบี่มิฉะนั้นจะสามารถจับกุมได้ทันที”
เรื่องการก่อกบฏนี้ชุดเกราะกับกระบี่เป็นหลักฐานที่แน่นหนา
ในประวัติศาสตร์มีการพูดให้ร้ายผู้อื่นว่าเป็นกบฏจำนวนมากโดยการซ่อนชุดเกราะกับกระบี่ไว้ในจวน ขอเพียงแค่ถูกค้นพบจากเรื่องไม่จริงก็กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้
หมิงเวยจับปิ่นปักผมสีทอง “ข้าอยากรู้มากกว่าว่าแม่กุญแจที่ตรงกับกุญแจดอกนี้อยู่ที่ใด”
“ใช่ ยังมีสิ่งนี้” หยางชูสั่งองครักษ์ “พวกเจ้าค้นหาให้ละเอียดว่ามีสิ่งที่เหมือนจะเป็นประตูลับอยู่หรือไม่”
“ขอรับคุณชาย”
…………
ด้านนอกยอดเขาชุ่ยมู่ องครักษ์สองสามนายนอนหมดสติอยู่บนโขดหิน แต่ละคนล้วนถูกเผาจนทั้งร่างกลายเป็นสีดำ
ชายฉกรรจ์ถือกระบี่หลายคนมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว
นายท่านสามยืนเอามือไขว้หลัง สายตาจ้องมองควันสีดำจากหุบเขา
บุรุษสวมชุดทหารรับจ้างกระโดดออกมาจากควันและกลิ้งไปบนพื้นเพื่อดับไฟบนร่างของเขา
“นายท่านสาม” เขาประสานมือคำนับนายท่านสาม “มีบางอย่างผิดปกติ ไม่พบคุณชายหยางในหุบเขาขอรับ”
นายท่านสามหรี่ตา “จะไม่อยู่ได้อย่างไร เจ้าก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเขาถูกขังอยู่ในนั้น”
“ขอรับ” ชายคนนั้นก็งงงวยเช่นกัน “พวกเราเฝ้าดูอยู่ตลอด องครักษ์ที่วิ่งออกมาจากในนั้นก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด”
“หาต่อไป!” นายท่านสามตะโกน “ต้องให้แน่ใจว่าเขาตายอยู่ในนั้น!”
ชายคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงแช่เสื้อผ้าที่สั่งทำพิเศษให้เปียกจนชุ่มแล้วปิดปาก และจมูกด้วยผ้าเปียก จากนั้นพุ่งเข้าไปในหุบเขาอีกครั้ง
นายท่านสามจ้องไปทางวัดเป่าหลิง…จะล่าช้าไปกว่านี้ไม่ได้ อีกไม่ช้าต้องมีคนมาช่วยตามหาเป็นแน่
ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเขา ผ่านไปไม่นานชายผู้นั้นก็วิ่งออกมาแล้วตะโกนว่า “นายท่านสาม ท่าไม่ดีแล้วขอรับ! พวกเขาขุดไปยังอุโมงค์ใต้ดิน!”
นายท่านสามสะดุ้ง “อุโมงค์ใต้ดินงั้นหรือ”
“ขอรับ”
ผมของชายผู้นั้นไหม้เกรียม เขาไอสองครั้งจากการสำลักควันแล้วรีบตอบไปว่า “ข้าน้อยทราบแล้วว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ใด พบว่ามีอุโมงค์ใต้ดินอยู่ด้านล่างขอรับ”
แล้วนายท่านสามก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ไม่ได้การ!”
“นายท่านสามขอรับ”
เขาสั่งการอย่างรวดเร็ว “เจ้าเข้าไปอีกครั้ง ปกปิดหลุมที่พวกเขาขุดออกไปให้ดี อย่าให้ผู้อื่นพบเห็นเข้า ส่วนคนอื่นตามข้ามาจัดการร่องรอยพวกนี้ให้หมด อย่าให้ผู้อื่นพบว่าพวกเรามาที่นี่”
“ขอรับ”
หลายคนแยกย้ายกันทำหน้าที่ บางคนเข้าไปในหลุม ส่วนที่เหลือก็แบกองครักษ์คนละคนแล้วรีบไปจากที่นี่
ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นว่าบนยอดเขานั้นหลังก้อนหินใหญ่มีเงาร่างเล็กกำลังหดตัวอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว หมิงเซียงก็เงยหน้าขึ้นและปล่อยมือที่ปิดปากและจมูกของตน
ใบหน้าของนางซีดเป็นอย่างมาก แววตาของนางดูว่างเปล่า
เมื่อพบว่าหุบเขาถูกปิดด้วยหินที่ตกลงมานางจึงปีนขึ้นจากด้านข้างเพื่อดูว่าเกิดอันใดขึ้น
ผู้ใดจะรู้ว่าพอปีนไปได้ครึ่งทางก็ได้ยินเสียงคนมา เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นเหมือนบิดาของตนมาก แต่ผู้อื่นกลับเรียกเขาว่านายท่านสาม!
ในขณะที่หมิงเซียงกำลังตกตะลึงนางก็ได้ยินเรื่องที่ไม่สมควรได้ยินเข้า
คนผู้นี้ไม่ใช่ท่านพ่อของนาง! พวกเขารู้ว่ามีคนอยู่ในหุบเขา! แล้วพวกเขาก็เป็นคนวางเพลิง!
หมิงเซียงไม่กล้าขยับทำได้เพียงขดตัวกลม โชคดีที่เสียงหญ้าเสียงต้นไม้ช่วยปกปิดเสียงลมหายใจของนางไว้ ไม่ให้พวกเขาพบเห็นเข้า
“พี่สี่ ต้องไปบอกพี่สี่…” นางพึมพำแล้วปีนลงจากเนินเขา
………………………….