บทที่ 118 ผีเสื้อปีกมายา

ไหปีศาจ

บทที่ 118

ผีเสื้อปีกมายา

โล่คริสทัลที่ถูกเสริมพลังวิญญาณ

หลังจากใช้มันรักษาบาดแผลของเฒ่าเฉินแล้ว แสงสีเขียวบนโล่คริสทัลก็หรี่ลงไปมาก ให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่หายไป

ลั่วอู๋ลูบมือของเขาบนโล่ราวกับกำลังใช้ความคิด

ตราวิญญาณธาตุไม้บนโล่นั่นดูยังมีที่ว่างเหลืออยู่ การลงตราไปเพียงตราเดียวมันน่าจะยังไม่ถึงขีดจำกัดของโล่ บางทีมันอาจจะสามารถลงตราธาตุได้ถึงสองแบบ

“ถ้าข้าจะเลือกคุณสมบัติของตราธาตุที่สอง ข้าควรจะเลือกอะไร”

ลั่วอู๋ลังเล

หลังจากคิดเรื่องนี้นานสักพักใหญ่ ลั่วอู๋ก็เลือกที่จะลงตราธาตุดิน

หากใช้ตราธาตุดิน เขาก็จะสามารถเสริมความสามารถในการป้องกันของโล่ได้ ซึ่งก็ดูเหมาะสมที่สุดที่จะจับคู่กับการทำงานของโล่

สัตว์วิญญาณที่มีแก่นวิญญาณเป็นพลังธาตุดินงั้นเหรอ ?

ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและดวงตาของเขาก็มองตรงไปที่หนอนอมรณา

ชิ้นเนื้อนั้นเติบโตอย่างช้าๆและในที่สุดก็เติบโตจนโตเต็มที่ เขาต้องยอมรับเลยว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้ทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัว

“ไหนดูสิว่าเจ้าเป็นอมตะจริงๆรึเปล่า”

“ลงตรา”

เริ่มการแยกแก่นวิญญาณ

พื้นผิวโล่ทั้งหมดเต็มไปด้วยแสงสีเหลือง บรรยากาศที่หนาและเรียบง่ายปรากฏบนพื้นผิวของโล่ ให้ความรู้สึกเหมือนมันเป็นดั่งเนินเขา

แสงทั้งหมดมาบรรจบกัน

บนโล่มีตราไม้และตราดินที่เกิดจากแก่นวิญญาณ เส้นลึกลับเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ตราวิญญาณธาตุทั้งสองทำงานร่วมกันได้

อย่างไรก็ตามแสงสีเขียวนั้นจะอ่อนกว่าเล็กน้อยและแสงสีเหลืองที่เป็นคุณสมบัติของตราธาตุดินนั้นจะส่องสว่างกว่ามาก

ลั่วอู๋สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของโล่และการป้องกันที่เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงขึ้นมากของมัน

“เสริมการป้องกันในขณะที่กำลังรักษาบาดแผลเป็นอะไรที่ไม่เลวเลย” ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ด้วยโล่นี้ลั่วอู๋รู้สึกว่าเขาสามารถป้องกันตัวเองจากสัตว์วิญญาณระดับทองได้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามนั้นโง่และรู้เพียงแค่ว่าต้องโจมตีมาที่โล่อย่างเดียว

ลั่วอู๋แตะโล่ “มันคงจะเป็นการดูถูกถ้าจะเรียกมันว่าโล่คริสทัลที่ได้รับการเสริมพลัง มันคงจะดีกว่าถ้าข้าจะตั้งชื่อใหม่ให้มัน”

“ หลังจากนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าโล่ไร้เทียมทาน!”

“ไม่สิ โล่สองชั้น!!”

ลั่วอู๋มองไปที่หนอนอมรณาอีกครั้ง

ความเร็วในการเติบโตของหนอนอมรณาดูเหมือนจะช้ากว่าเดิมมาก มันนอนแผ่อยู่บนพื้นดินโดยไม่กระสับกระส่ายอะไร แก่นพลังวิญญาณดั้งเดิมของมันขาดดุลไปอย่างมาก ถึงอย่างนั้นเท่านี้มันก็ถือว่าฟื้นกลับคืนมาอย่างรวดเร็วได้ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อแล้ว

“ มันดูเหมือนว่าจะเป็นอมตะจริงๆ” ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง

นี่หมายความว่าหลังจากที่หนอนอมรณาฟื้นสภาพแล้ว เขาจะยังสามารถใช้มันเพื่อลงตราต่อไปได้เรื่อย ๆ รึเปล่า?

ถึงแม้มันจะน่าขยะแขยงมากก็ตามที

แต่มันก็มีมูลค่าสูงมากจริงๆ

ลั่วอู๋จ้องมองไปที่หนอนอมรณาด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทักษะคำสาปอมตะถูกสกัดออกมา

สัตว์วิญญาณตัวอื่น จะสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้หรือไม่?

หนอนอมรณาจะตายรึเปล่า?

พูดไปก็เสียเวลา ลั่วอู๋เรียกส่วนต่อประสานการสร้างตราทักษะขึ้นมาในทันทีและเลือกหนอนอมรณาออกมาทดลอง

ทักษะที่เลือก: คำสาปอมตะ

ระดับ: SS

ราคา: 1,000 แต้มเซียน

ล้มเหลวในการสร้างตรา

ลั่วอู๋รับรู้ได้ถึงข้อความจากไหปีศาจ เขาประหลาดใจมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ทักษะการสร้างตรานั้นล้มเหลว โชคดีที่ความล้มเหลวนั้นคืนแต้มเซียนกลับมาให้ มิฉะนั้นลั่วอู๋คงจะเสียดายแต้มที่เสียไปมาก

“ลองอีกครั้งดีไหมนะ?”

ลั่วอู๋พยายามลองใหม่ติดต่อกันหลายครั้งแต่ทุกครั้งก็ยังล้มเหลว

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถสร้างตราทักษะนี้ได้

นี่มันเป็นเหตุการณ์แปลก ๆ

ลั่วอู๋จ้องไปที่ทักษะคำสาปอมตะเป็นเวลานานโดยไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ แต่ก็พอเดาได้ว่าบางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับคำว่า “คำสาป” ที่อยู่ในชื่อของทักษะ

ใช่ทักษะนี้มันดื้อรั้นและน่ารังเกียจเกินไป

คงจะดีกว่าที่จะสร้างตราจากทักษะอื่น ๆ แทน

ลั่วอู๋ใช้เวลาเลือกอย่างตั้งใจ ไม่ค่อยมีทักษะดี ๆ เท่าไหร่ในหมู่ สัตว์วิญญาณที่เขาได้มาจากส่วนลึกของป่าหวงชา ตอนนี้ที่เขาสนใจที่สุดคงเป็นทักษะพิชิตโค่นล้ม ของแมงป่องหางงู

ทักษะระดับ S [พิชิตโค่นล้ม]: สามารถใช้งานได้ต่อเมื่อสัมผัสร่างกายของศัตรูเท่านั้น ซึ่งสามารถทำให้ศัตรูหยุดอยู่กับที่และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

แก่นวิญญาณของแมงป่องหางงูก็แปลกมากเช่นกัน

มันเหมือนกับการรวมกันของงูและแมงป่อง

แต่ทักษะที่มันมีนั้นค่อนข้างดี

“สร้างตรา”

ทักษะที่เลือก: พิชิตโค่นล้ม

ระดับ: S

ราคา: 500 แต้มเซียน

การสร้างตราประสบความสำเร็จตราของทักษะของแมงป่องหางงูค่อย ๆ ปรากฏขึ้นลอยอยู่ในอากาศ

ลั่วอู๋ใส่ทักษะนี้ให้ต้าหวงในทันที

ล้มเหลว

ไม่น่าแปลกใจที่ทักษะระดับ S จะลงตราไม่สำเร็จ แต่ตามหลักการแล้วทักษะนี้ไม่ควรมีข้อจำกัด และต้าหวงควรจะสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้

เขาจึงทำต่อไปเรื่อย

หลังจากล้มเหลว 90 ครั้ง

นับเป็นโชคดีที่สุดท้ายแล้วเขาก็ประสบความสำเร็จ

ต้าหวงได้เรียนรู้ทักษะพิชิตโค่นล้มและทักษะก็ดูเหมือนจะเลือนรางมากและพร้อมที่จะหายไป

“โชคดีไป” ลั่วอู๋ยิ้ม

จู่ ๆ ในเวลานี้หูของ ลั่วอู๋ก็ได้ยินเสียงดังราวกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกและทุกคนก็ตื่นจากการพักผ่อน

ลั่วอู๋รีบออกจากโลกไหอย่างรวดเร็ว

ทุกคนยืนต่อเป็นแถวและมองไปที่จุดในความมืดไม่ไกลนัก มีเสียงของการตีปีกในความมืดเหมือนกับค้างคาวจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังบินอยู่เหนือศีรษะ

“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋ถามด้วยเสียงเบาต่ำ

ฉูจงฉวนกล่าวด้วยเสียงเบาต่ำเช่นกัน “ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์วิญญาณกลุ่มใหญ่บินผ่านมาข้าไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร”

กองไฟถูกดับลง

ทุกคนกลั้นหายใจและมองดูเงาอันริบหรี่ในความมืด

เจิ้งซีและพรรคพวกของเขาดูเหมือนกำลังทำในสิ่งเดียวกัน

เฒ่าเย่หรี่ตาลงและในที่สุดก็ดูเหมือนจะเห็นบางอย่างได้อย่างชัดเจน เขาพูดขึ้นอย่างสบายใจว่า “มันคือผีเสื้อปีกมายา มันเป็นสัตว์วิญญาณที่อ่อนโยน”

ในที่สุดผู้คนก็มองเห็นชีวิตในความมืดมิดในคืนสลัว

ผีเสื้อปีกมายานั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับเงิน

เป็นสัตว์วิญญาณที่ชอบอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม

ความยาวลำตัวของผีเสื้อที่โตเต็มวัยอยู่ที่ประมาณหนึ่งเมตร เนื้อของปีกคล้ายกับไหมนุ่มและเบา ริ้วบนปีกจะกระจายเป็นลำดับพิเศษ ซึ่งทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หนวดที่ยืดหยุ่นสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายรอบตัว

สิ่งที่พวกมันทำได้ดีก็คือการโปรยผงลึกลับและสร้างภาพลวงตาขึ้น

ดังนั้นสัตว์วิญญาณแบบนี้จึงเป็นของหายากมากที่จะได้พบในป่า

แต่โชคดีที่ผีเสื้อไม่ใช่สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายพวกมันมักจะไม่คิดริเริ่มที่จะโจมตีก่อน

เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเฒ่าเย่พวกเขาก็โล่งใจ

อย่าเพิ่งคิดริเริ่มที่จะโจมตี

“เดี๋ยวก่อนมีบางอย่างผิดปกติกับผีเสื้อเหล่านี้” ใบหน้าของเฒ่าเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วอู๋ถาม

“พวกมันหลายตัวได้รับบาดเจ็บ พวกมันอาจเคยเจอนักล่าหรือถูกขับไล่ในสภาพนี้ ตอนนี้ผีเสื้อปีกมายาจะเริ่มโจมตีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ใกล้ ๆ แล้ว” เฒ่าเย่กล่าว

สีหน้าของทุกคนเริ่มดูไม่ค่อยดีนัก

หลังจากที่ฟังเสียงการเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน พวกเขาก็รู้สึกตัวได้ว่าที่นี่มีผีเสื้อจำนวนมาก

“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ พวกเรามีผงแป้งพิเศษอยู่รอบ ๆ ค่ายพักแรมเพื่อขับไล่สัตว์วิญญาณ พวกมันคงจะจะไม่สังเกตเห็นเรา” ลั่วอู๋กระซิบ

แต่พอเขาพูดจบก็มีเสียงตะโกนโห่ร้องอยู่ไม่ไกล

“นี่มันนรกชัด ๆ ผงแป้งไม่ได้ผล”

“ไอ้พวกแมลงบ้า ออกไปจากที่นี่นะ”

“ท่านพี่!”

“ ปล่อยน้องข้าเดี๋ยวนี้นะ”

ทุกคนเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเสียงของพวก เจิ้งซีพวกเขากำลังถูกโจมตีโดยผีเสื้อปีกมายา

ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว

ผงแป้งไม่มีประโยชน์งั้นเหรอ? ดูเหมือนว้่าผีเสื้อปีกมายาพวกนี้มีความคิดที่อยากจะโจมตีจริงๆ

“รีบไปดูกันก่อนดีกว่า” ลั่วอู๋รีบนำยาคูฉินออกมาจากไหปีศาจ