ตอนที่ 735 ฉันไม่อยากถูกคนพวกนั้นล้อเลียน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“เพราะอย่างนั้นคุณถึงยอมยกลูกชายตัวเองให้คนอื่นตอนที่เปลี่ยนสายอาชีพงั้นเหรอ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองสินะ” โม่ถิงถาม

 

 

ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นอึ้งกับคำพูดของโม่ถิง เธอไม่เคยนึกภาพเลยว่าเขาจะใช้วิธีนี้โต้ตอบ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มหัวเราะออกมา “นี่เป็นตัวเลือกของครอบครัวฉัน ท่านประธานโม่ไม่มีสิทธิ์มาพูด”

 

 

“งั้นคุณก็ควรระวังคำพูดของตัวเองให้ดี”

 

 

โม่ถิงมักไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นเรื่องของถังหนิง เขาจะตอบโต้เสมอ

 

 

“ก็ได้ ฉันจะไม่พูดอะไรก็แล้วกัน เพราะถึงยังไงทุกคนก็มีตาอยู่แล้ว…”

 

 

“ผมจำพฤติกรรมในวันนี้ของคุณเอาไว้แล้ว ดังนั้นอย่าโทษผมถ้าจะไม่ไว้หน้าคุณก็แล้วกัน”

 

 

ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเริ่มประนีประนอมขึ้นเล็กน้อย “เอาอย่างนี้ไหม่ ฉันจะกลับไปสั่งสอนน้องสาวของฉันแล้วกัน คุณคิดว่าไงล่ะคะท่านประธานโม่”

 

 

“สายไปแล้ว!” โม่ถิงกล่าวก่อนวางสายโทรศัพท์

 

 

แม้เดิมทีผู้หญิงคนนี้จะมาจากไห่รุ่ย แต่เธอก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยอีกแล้ว และแน่นอนว่าเฉินซิงเยียนเองก็ไม่ได้มาไห่รุ่ยเช่นกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องของถังหนิง ไม่มีใครหน้าไหนได้รับอนุญาตให้พูดจาใส่ร้ายถังหนิงต่อหน้าเขาทั้งนั้น

 

 

โม่ถิงไม่ชอบคนที่มาประจบสอพลอเขาแล้วก็ไม่ชอบคนที่มาท้าทายอำนาจเขาเช่นกัน คนที่อยู่ในวงการต่างทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี นี่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกหวั่นใจนิดหน่อย

 

 

เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเฉินซิงเยียนแต่ยังเกี่ยวกับถังหนิงด้วย!

 

 

เพราะเฉินซิงเยียนตกอยู่ในความวุ่นวายนี้เพราะเธอทำเพื่อถังหนิง

 

 

 

 

ประธานของอี้ซิงฟิล์มมีชื่อว่าไป๋อวี๋ ส่วนน้องสาวของเธอมีชื่อว่าไป๋หลินหลิน

 

 

เดิมทีไป๋อวี๋ตั้งใจจะฝึกฝนน้องสาวของเธอด้วยตัวเอง แต่โชคไม่ดีที่น้องสาวของเธอมีความคิดในหัวมากเกินไป

 

 

เพราะความกลัวที่มีต่อโม่ถิง สุดท้ายไป๋อวี๋จึงโทรหาน้องสาวของเธอ “คราวนี้เธอสร้างปัญหาใหญ่เกินไปแล้วนะ คนอื่นอาจจะไม่เป็นปัญหา แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเธอเอาอึไปเทใส่น้องสาวของโม่ถิงแบบนั้น เธอยังอยากรอดอยู่ในวงการนี้อยู่ไหม”

 

 

ไป๋หลินหลินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่บ้านด้วยท่าทีภาคภูมิใจ “แล้วไง ตอนนี้พี่สาวของหนูกำลังทำงานอยู่ที่ฮอลลีวูด ถ้าเรื่องมันเลวร้ายจริงๆ หนูก็ยังทำงานกับพี่ได้เสมออยู่ดี!”

 

 

“ไปขอโทษเฉินซิงเยียนซะ!” ไป๋อวี๋สั่ง

 

 

“ไม่ไป!”

 

 

“ถ้าเธอไม่ไปก้ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่อีก ฉันจะไม่ให้เธอได้มาทำงานในฮอลลีวูด ไว้ค่อยมาบอกฉันว่าเธอจะเอายังไงหลังจากไปคิดให้ดีแล้วกัน”

 

 

ไป๋หลินหลินวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธขนเกือบจะขว้างมันลงกับพื้น แม้เธอจะไม่อาจเก็บกลั้นความโกรธภายในเอาไว้ได้ แต่เธอก็เข้าใจว่าคนฉลาดจะไม่มีวันต่อสู้เมื่อโอกาสไม่อำนวย ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงโทรหาผู้จัดการของเธอ “หาโอกาสซื้อของขวัญไปขอโทษเฉินซิงเยียนซะ”

 

 

“เธอไม่คิดจะไปขอโทษด้วยตัวเองงั้นเหรอ” ผู้จัดการคนนั้นถาม

 

 

“แค่ฉันคิดจะขอโทษก็โชคดีแค่ไหนแล้ว จะให้ฉันไปขอโทษด้วยตัวเองงั้นเหรอ ไม่มีทาง อีกอย่างฉันไปพูดอะไรเรื่องถังหนิงหรือไง มันก็เป็นความจริงทั้งนั้นที่ถังหนิงทั้งแก่ แล้วก็กำลังจะตกยุคในไม่ช้า ไม่ใช่เรื่องลับอะไรสักหน่อย”

 

 

ผู้จัดการคนนั้นมองดูโทรศัพท์ของเธอด้วยความไม่สบายใจ ไป๋อวี๋ได้โทรมาและสั่งให้ไป๋หลินหลินไปขอโทษด้วยตัวเอง…

 

 

“พี่อวี้บอกให้เธอไปขอโทษด้วยตัวเอง”

 

 

ไป๋หลินหลินเตะขาโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว หลังระบายความไม่พอใจออกไปได้เล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ตอบ “ช่วยหาตารางงานของนังนั่นให้ฉันที”

 

 

“ตกลง” ผู้จัดการคิดว่าไป๋หลินหลินคิดได้แล้ว เธอจึงเริ่มหาข้อมูลอย่างมีความสุข

 

 

ไป๋หลินหลินทำเสียงเยาะเย้ยอย่างไม่พอใจ เธอจะดูสิว่าพี่สาวของเธอจะใส่ใจอะไรไหม่ถ้าเธอไปหาเรื่องไห่รุ่ยให้ถึงที่สุดจริงๆ

 

 

 

 

ถังหนิงเข้าใจสถานการณ์ที่เฉินซิงเยียนกำลังประสบอยู่เป็นอย่างดี แม้ไม่มีใครกล้าพูดว่าร้ายเธออย่างโจ่งแจ้ง แต่เธอก็ต้องพบกับความยากลำบากมากมายอยู่เบื้องหลังเช่นกัน เพราะในฐานะน้องของโม่ถิง เธอมีสิทธิ์พิเศษที่ทำให้คนอื่นเกรงกลัว แต่เธอก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับสถานะนี้เช่นกัน

 

 

โม่ถิงเป็นคนไร้ความปรานีในวงการนี้มาโดยตลอด เมื่อต้องจัดการกับศิลปินที่มาจากค่ายอื่น เขาไม่เคยแสดงความเมตตาใดๆ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายที่แอบเก็บความไม่พอใจที่มีต่อโม่ถิงเอาไว้ แต่เพราะความสามารถมากมายของเขา คนพวกนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ทว่าเฉินซิงเยียนนั้นต่างออกไป เธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยและเธอไม่มีคนหนุนหลัง แม้จะมีอันจื่อเฮ่าเป็นผู้จัดการ เขาก็ไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นโล่ให้เธอได้

 

 

หากคนสักคนอยากจะใช้อุบายบางอย่างจากที่มืด ก็ไม่มีใครทันสังเกตทั้งนั้น

 

 

หลังจากข่าวที่เธอถูราดด้วยอุจจาระรั่วไหลออกไป เฉินซิงเยียนยังคงนิ่งเงียบอยู่อีกหลายวัน

 

 

แม้อันจื่อเฮ่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดช่วงเวลาเหล่านั้น เธอก็ยังคงรู้สึกเซื่องซึมและไม่มีสิ่งใดที่เธอสามารถทำได้

 

 

กระนั้นเธอก็ยังมีตารางงานถ่ายทอดสดในวันพรุ่งนี้ เมื่อคิดถึงท่าทางล้อเลี่ยนของคนอื่นๆ ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคงอย่างรุนแรง ไม่ว่างานนี้จะสำคัญแค่ไหน เธอก็ไม่อยากไปอีกแล้ว

 

 

อันจื่อเฮ่าบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกต่อต้าน เขาจึงโอบกอดเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างและดึงเธอมานั่งที่ตักของเขา จากนั้นเขาจึงถามอย่างอ่อนโยน “เธออยากยกเลิกงานพรุ่งนี้ไหม”

 

 

“อือหึ ฮันไม่อยากถูกคนพวกนั้นล้อเลียน”

 

 

“เธอไม่ใช่เฉินซิงเยียนคนที่ฉันเคยรู้จัก เฉินซิงเยียนคนที่สามารถเปลี่ยนโลกให้กลับตาลปัตได้เพื่อยั่วโมโหคนอื่นหายไปไหนแล้วนะ”

 

 

หลังได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ฉันกลัวจะสร้างปัญหาให้นาย”

 

 

เธอไม่ต้องการให้อันจื่อเฮ่าต้องมาผลาญเงินเพื่อแก้แค้ให้เธออีกแล้ว

 

 

“ความน่าเคารพมันสร้างกันได้ ถ้าเธอต้องการให้คนอื่นเห็นค่าของเธอ เธอก็ต้องเห็นค่าตัวเองเสียก่อน เธอจะไปร่วมรายการถ่ายทอดสดพรุ่งนี้ ต่อให้ฟ้าถล่มฉันก็จะลากเธอไป!” อันจื่อเฮ่าปลอบโยนอีกฝ่ายทั้งที่หัวใจเขารู้สึกเจ็บปวด เฉินซิงเยียนเปลี่ยนไปมากนักตั้งแต่มาอยู่กับเขา

 

 

เธอเคยเป็นเฉินซิงเยียนที่มีอิสระและไม่แคร์สิ่งใด แต่บัดนี้…

 

 

… เธอกลับหวาดระแวงมากจนสูญเสียความเป็นตัวเองไปจนหมดสิ้น

 

 

ยามดึกคืนนี้ อันจื่อเฮ่านั่งอยู่ในห้องทำงานเพื่อจัดการเอกสารต่างๆ ขณะนั้นเอง ถังหนิงโทรหาเขาเพื่อคอนเฟิร์มตารางงานของเฉินซิงเยียน “เธอมีงานถ่ายทอดสดพรุ่งนี้ใช่ไหม”

 

 

“ใช่ พรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม”

 

 

“ฉันจะไปดูด้วยและไปเป็นกำลังใจให้เธอสักหน่อย”

 

 

“โอเค” เขารู้สึกมีความสุขมากที่มีคนอีกคนมาช่วยเขาปกป้องเฉินซิงเยียน

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงไม่ได้คาดคิดว่าไป๋หลินหลินเองก็จะมาปรากฏตัวที่รายการถ่ายทอดสดนี้ด้วย ในเวลาเช่นนี้เธอจึงควรทำหน้าที่พี่สะใภ้ อย่างน้อยเธอต้องบอกทุกคนรู้ว่าตระกูลโม่ไม่ยอมถูกรังแกได้ง่ายๆ

 

 

โม่ถิงได้ยินบทสนทนาของถังหนิงจากด้านหลัง เขาจึงเอ่ยถามขึ้น “คุณวางแผนจะไปปกป้องเฉินซิงเยียนงั้นเหรอ”

 

 

“คุณปกป้องฉันและฉันก็จะปกป้องครอบครัวของเรา”

 

 

โม่ถิงไม่ได้ตอบอะไรพลางเอามือลูบผมอีกฝ่าย ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วย

 

 

“อีกอย่าง ถ้าซิงเยียนยังถูกรังแกอยู่แบบนี้ มันก็จะยิ่งทำให้คุณขายหน้าไปด้วยไม่ใช่เหรอ คนตระกูลโม่จะยอมให้คนอื่นมาทำร้ายแบบนี้ได้ยังไง”

 

 

“เข้าใจแล้ว”

 

 

ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ ถังหนิงจะไปร่วมรายการถ่ายทอดสดอย่างไม่เป็นทางการ เธอเพียงแต่ไปให้กำลังใจเท่านั้น แน่นอนว่าก่อนที่งานโฆษณาของเธอจะเริ่มถ่ายทำ เธอจะไม่เผยตัวเองต่อหน้าสื่อสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ในเมื่อมีคนมาล้อเลียนว่าเธอมีรอยท้องลาย เธอก็จะจัดการฉีกหน้าคนพวกนั้น

 

 

กระนั้น เฉินซิงเยียนในฐานะผู้ถูกกระทำกลับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไป๋หลินหลินเลย และไม่รู้ด้วยว่าถังหนิงจะมาปรากฏตัวเช่นกัน

 

 

รายการโชว์ที่กำลังจะมาถึงจะต้องสนุกมากแน่ๆ …

 

 

 

 

บ่ายวันต่อมา เฉินซิงเยียนเดินทางมาถึงสถานีโทรทัศน์พร้อมอันจื่อเฮ่า ทว่าขณะที่ผู้คนเดินผ่านเดิน พวกเขากลับแอบยิ้มอย่างเยาะเย้ย

 

 

เฉินซิงเยียนรู้สึกอับอาย อันจื่อเฮ่าจึงถามคนพวกนั้นตรงๆ “ขำอะไรนักเหรอ”