บทที่ 90 อำนาจที่แผ่ออกมา

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

บทที่ 90 อำนาจที่แผ่ออกมา Ink Stone_Fantasy

แซนเบเกอร์ต้องการสละชีพของสมาชิกสิบปีศาจทั้งสามคนเพื่อขวางเย่เทียนเฉินให้ได้ชั่วครู ให้ตนเองมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดแต่กลับไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ไปตั้งนานแล้ว และรู้เหตุการณ์ทุกอย่างภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วดั่งฝ่ามือของตน จะอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้น

ตอนนี้แซนเบเกอร์เจอโกสต์ เขาถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง เนื่องจากในหมู่สมาชิกสิบปีศาจ หัวหน้าอย่างโกสต์มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด กล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต ดังนั้นเขาจึงคิดว่าขอเพียงตนเองเจอโกสต์ ต่อให้เย่เทียนเฉินจะเก่งกาจ แต่ก็คงสามารถหยุดเขาไว้ได้ใช่ไหม?

ไหนเลยจะรู้ว่า แซนเบเกอร์เพิ่งจะตะโกนเรียโกสต์ เย่เทียนเฉินก็ตามมาถึงแล้ว ณ บริเวณห่างออกไปสิบเมตรกว่า มือขวารวบรวมพลังพิเศษฟันออกไปในแนวนอนไปยังศีรษะของแซนเบเกอร์ ราวกับใบมีดลายลมก็มิปาน จนทำให้ศีรษะของแซนเบเกอร์ถูกฟันขาด

แซนเบเกอร์ที่น่าสงสาร เดิมทีคิดว่าการขายพวกพ้องอีกครั้ง การเจอโกสต์ จะสามารถทำให้มีชีวิตรอดไปได้ แต่กลับไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินพูดออกมาแล้วว่าจะฆ่าเขา ก็ย่อมไม่ให้เขารอดออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วโดยเด็ดขาด

“นี่ถึงจะเป็นการล้างแค้นให้เหล่าพี่น้องที่ตายไปที่ป่าหมอกดำอย่างแท้จริง!” เย่เทียนเฉินกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ก้าวออกมาทีละก้าวปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกโกสต์

พี่น้องยิ่งใหญ่ สั่นไหวดินฟ้า ใครกล้าทำลาย ข้าจักคืนสนอง! นี่คือศรัทธาของเย่เทียนเฉิน และเป็นสิ่งที่เขามอบให้แก่วิญญาณของเหล่าสหายศึกที่ตายไป ณ ป่าหมอกดำ

ตอนนี้ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นสามคน โกสต์และสมาชิกสิบปีศาจอีกสองคน ซึ่งก็คือชาโดว์และบลัด ต่างก็หยุดการโจมตีฆ่าฟันอีกฝ่ายและมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างตกตะลึง ไม่เพียงแต่โกสต์ที่สั่นสะท้าน กระทั่งพวกหลิวอวี่ทั้งสามก็ยังขมวดคิ้ว โดยเฉพาะหลิวอวี่ เขาเคยประมือกับเย่เทียนเฉินมาก่อน ตอนนั้นเย่เทียนเฉินก็ได้กระตุ้นความสามารถขอบเขตจอมราชันเช่นกัน ทำให้เขาพ่ายแพ้ เพียงแต่เขาไม่รู้ก็เท่านั้น

แต่ตอนนี้ เย่เทียนเฉินเค้นพลังขอบเขตจอมราชันไปจนถึงขีดสุด นี่เป็นความสามารถที่ก้าวข้ามขอบเขตเล็กๆ จนไม่อาจนำมาเทียบกันได้ ดังนั้นหลิวอวี่จึงยิ่งสั่นสะท้าน หากว่าตนเองในตอนนี้ไปหาเรื่องเย่เทียนเฉิน…ไม่อยากจะคิดเลย

“แกเป็นใคร?” โกสต์รู้สึกถึงกลิ่นอายอำนาจบนร่างกายเย่เทียนเฉินที่ราวกับกลับไปเป็นสัตว์ป่าก็มิปาน พอได้เริ่มลงมือโจมตี จะต้องทำให้ผู้คนสั่นสะท้านอยู่ในใจ

“คนที่จะมาฆ่าพวกแกไง” เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

โกสต์ขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะตื่นตกใจกับความสามารถของเย่เทียนเฉินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เชื่อว่า ตนเอง ชาโดว์ และบลัด หากมีสามพี่น้องนี้อยู่ ต่อให้อีกฝ่ายฝีมือแข็งแกร่งก็ไม่อาจฆ่าพวกเขาได้แน่นอน

เนื่องจากพวกเขาทั้งสาม เป็นพี่น้องแท้ๆ และเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่เพียงเป็นสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สิบปีศาจ ในเวลาต่อสู้ยังสามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณถึงกันได้ สู้กับทั้งสามเช่นนี้ ก็เท่ากับหนึ่งคนเผชิญหน้าสามยอดฝีมือ ทั้งยังเป็นสามยอดฝีมือที่เข้าขากันอีกด้วย ที่ผ่านมายังไม่เคยพ่ายแพ้ โกสต์มีความมั่นใจในตนเองเช่นนี้

“เฮอะ พูดมาได้ไม่อายปาก ต่อให้ฝั่งตะวันออกของแกส่งราชาปีศาจมา ฉันก็จะฆ่าไม่เลี้ยง” โกสต์สบถอย่างเย็นชา

เย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดของโกสต์ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เดินมาด้วยท่าทางอันธพาลและหล่อเหลา เขาไม่ได้ดูเบาโกสต์ รู้ดีว่าคนคนนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนสามารถสู้ตอบโต้กับหลิวอวี่ร้อยกระบวนก็ยังไม่แพ้ และสามารถทำให้หลิวอวี่บาดเจ็บได้ รวมทั้งยังมีชาโดว์และบลัดอยู่ หากต้องการฆ่าสามพี่น้อง ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่

“เย่เทียนเฉิน แกอย่าลำพองใจไป สามคนนี้ฝีมือแข็งแกร่งมาก” หลิวอวี่เห็นเย่เทียนเฉินเดินมาทางโกสต์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็รีบเปิดปากกล่าว

แม้ว่าหลิวอวี่และเย่เทียนเฉินจะเคยมีปัญหาถึงขั้นลงมือลงไม้กันมาก่อน จนหลิวอวี่ถูกอีกฝ่ายต่อยกลายเป็นหมีแพนด้า แต่ตอนนี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับคนนอก หลิวอวี่ย่อมยืนอยู่ข้างเดียวกับเย่เทียนเฉิน ทั้งทัศนคติในใจของหลิวอวี่ที่มีต่ออีกฝ่ายก็ได้เปลี่ยนไปบ้างแล้ว คิดว่าเมื่อก่อนตนเองเข้าใจเย่เทียนเฉินผิดไป นี่ไม่ใช่คนบ้า ไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่เป็นคนที่มีสมองเป็นอย่างยิ่ง กระทำการเรียบร้อยว่องไว ฝีมือแข็งแกร่ง ทั้งยังเหนือกว่าตนเอง

“ไม่มีปัญหาหรอก ผมไม่เป็นเหมือนคุณหรอกน่า จะอัดพวกมันให้เป็นหมีแพนด้าเลย” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ พลางกล่าวกับหลิวอวี่

“ไอ้เด็กนี่…” หลิวอวี่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง เดิมทีตนเองเตือนเย่เทียนเฉินด้วยความหวังดี แต่คนคนนี้กลับมาล้อเขาเล่น อย่างไรก็ตามหลิวอวี่ยังคงรู้สึกนับถือเย่เทียนเฉิน ดูเหมือนว่าคนคนนี้ไม่ว่าจะเวลาใด ต่อให้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่อยู่ในวิกฤตการณ์ถึงขั้นเป็นตาย ก็มักจะยังคงรักษาสมองอันปลอดโปร่งไว้ได้ ทั้งยังสามารถพูดเล่นได้อีกด้วย

เย่เทียนเฉินมองเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง พวกเขาเป็นสมาชิกหัวกะทิของกองทัพเหยี่ยว ฝีมือย่อมไม่อ่อนแอ แต่ตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพียงพอที่จะเห็นได้ถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของชาโดว์และบลัด มิฉะนั้นด้วยฝีมือของเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นคงฆ่าพวกเขาได้ไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมัวมาสู้กันจนถึงตอนนี้

“พวกนายสองคนยังจะอึ้งอยู่ทำไม ไปยืนข้างๆ นู้น รอดูพี่ชายใหญ่อย่างฉันว่าจะเก็บกวาดพวกเขาอย่างไร” เย่เทียนเฉินกล่าวกับเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นพลางหัวเราะ

ได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นก็ทั้งโกรธทั้งร้อนรน ทั้งหน้าแดงก่ำ พวกเขาทั้งสองต่างก็อายุมากกว่าเย่เทียนเฉิน แต่เจ้าหมอนี่กลับมองพวกเขาเป็นน้องชายตัวน้อย อีกทั้งสู้กับชาโดว์และบลัดมานานขนาดนี้ก็ยังไม่อาจฆ่าพวกเขาได้ ตัวพวกเขาทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บ พลันนั้นก็โกรธจนสองมือกำแน่น อยากจะพุ่งเข้าไปสู้สุดชีวิตต่อไป

“นี่นี่ ทำอะไร? เจ้าสามหน่อนี่ฉันจะฆ่าเอง พวกนายไปดูอยู่ข้างๆ เถอะ ดูจากสภาพพวกนายตอนนี้แล้ว ต้องสักผ่อนสักหน่อยถึงจะดี!” เย่เทียนเฉินเห็นว่าเจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นตั้งท่าจะเข้าไปสู้ต่อ ก็รีบตะโกนหยุดพวกเขาไว้

“ไอ้หนูนี่ ตกลงจะให้พวกเราทำยังไงกันแน่?” เจียงเหมิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

“อย่าคิดว่ามีแต่แกคนเดียวที่สามารถฆ่าศัตรูได้นะ” เฟยอวิ๋นเองก็โกรธจนต้องพูดออกมา

“เฮ้อ พวกนายสองคนนี่ ฝีมือแข็งแกร่งพอ แต่ว่าหุนหันพลันแล่นเกินไป ถ้าหากฉันเป็นศัตรูพูดจากระตุ้นแค่ไม่กี่ประโยค พวกนายก็พุ่งเข้าไปสู้สุดชีวิตแล้ว ไม่ใช่ว่าตกหลุมพลางเอาง่ายๆ เหรอไง? อีกอย่างด้วยสภาพของพวกนายตอนนี้ ใช้พลังกายไปจนเกินขีดจำกัดแล้ว หากเข้าไปสู้อีก จะต้องตายอย่างไม่ต้องสสัยเลย” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางส่ายหัว

“แก…ไม่ต้องให้แกมาสนใจหรอก พวกเราไม่กลัวตาย”

“ใช่ ต่อให้พวกเราสู้จนตาย ก็เป็นการสู้เพื่อเกียรติยศ ตายเพื่อความรุ่งเรืองของประเทศจีน” เฟยอวิ๋นมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันพลางกล่าว

“ผิดแล้ว พวกนายสองคนเป็นสมาชิกระดับหัวกะทิของกองทัพเหยี่ยว เป็นตัวแทนองประเทศออกไปสู้ ถ้าหากพวกนายตาย ฉันคิดว่าพวกชาวต่างชาติจะต้องลือกันออกไปอย่างบ้าคลั่ง บอกว่าสมาชิกหัวกะทิของกองทัพปัจเจกที่แข็งแกร่งที่สุดของจีนอะไรนั่น ที่ประเทศMสู้ได้ไม่เอาไหน ถึงตอนนั้นคงเสียหน้าครั้งยิ่งใหญ่ เกรงว่าจะไม่มีเกียรติยศอะไรเลย…” เย่เทียนเฉินถอนหายใจ

เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋นชะงักไปชั่วครู่ พวกเขาไม่คิดเลยว่า เย่เทียนเฉินที่ทำเป็นเล่นมาตลอด ทั้งยังดูเหมือนอันธพาล ในเวลาเช่นนี้จะสามารถพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ ทั้งยังพูดได้มีเหตุผลเป็นอย่างมาก การที่พวกเขาสองคนตายด้วยน้ำมือของกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิต สำรับกองทัพเหยี่ยวของจีนแล้ว เป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุด กระทั่งอาจส่งผลกระทบต่อเกียรติ์และศักดิ์ศรีของกองทัพเหยี่ยว ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของจีน

“พวกแกคุยกันเสร็จรึยัง ชื่อเสียงของพวกชาวเอเชียตะวันออกป่วยๆ อย่างพวกแกถึงตอนนี้ก็ยังโด่งดังในระดับนานาชาติอยู่ อย่าเถียงกันเลย ยังไงก็ต้องตายทุกคน!” บลัดมองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามพลางกล่าว

“งั้นแกก็เข้ามาลองดูก็ได้ อย่ามาทำให้พี่ชายเสียเวลานอนสิ” เย่เทียนเฉินหาวออกมาครั้งหนึ่ง ไม่มองบลัดแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่เอาอย่างบลัดที่พูดจาอวดเก่ง

สองมือของบลัดกำแน่นจนส่งเสียงออกมา แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเจอคนที่กล้าดูถูกตนเองเช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินโดยไม่สนใจอะไร เตรียมจะฆ่าเขาทิ้งซะ

“ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสชาติของการถูกหมัดต่อยจนแหลก” บลัดพุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินพลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็น มั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่

“กลัวก็แต่ว่าหมัดของแกจะไม่แข็งพอ”

เผชิญหน้ากับการจู่โจมอันแข็งกร้าวของบลัด เย่เทียนเฉินก็ยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน ทำเพียงเลื่อนมือขวาของตนออกจากกระเป๋ากางเกง เตรียมตัวตอบโต้ เมื่อสักครู่ต้องการจะจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อเย่เทียนเฉินลงมือ ก็กระตุ้นพลังของขอบเขตจอมราชันในร่างกายออกมา ฆ่าแซนเบเกอร์รวมทั้งสมาชิกสิบปีศาจทั้งสี่คนในพริบตา ตอนนี้มองดูบลัดพุ่งเข้ามา แม้เย่เทียนเฉินจะกระตุ้นพลังขอบเขตจอมราชัน แต่ก็ไม่อยากใช้พลังพิเศษ อยากใช้เพียงร่างกายล้วนๆ และความสามารถของร่างกายตนเองในการสู้กับบลัด

ชาติก่อนเย่เทียนเฉินมักจะไม่ใช้พลังพิเศษในการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง เป็นเพราะเย่เทียนเฉินที่ก้าวไปถึงผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษระดับพระเจ้านั้น เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งหากต้องการแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากต้องการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น จนกระทั่งไปถึงระดับของผู้แข็งแกร่งที่มีพลังจอมเทพราชัน นอกจากการหล่อหลอมพลังพิเศษในร่างกายของตนและการซึมซับพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยังต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของกายเนื้ออีกด้วย

ก็แค่หลักการง่ายๆ หลักการหนึ่ง แม้ว่าการทะลวงขอบเขตของพลังพิเศษจะทำให้พลังพิเศษที่แฝงอยู่ในร่างกายของผู้มีพลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ถ้ากายเนื้อไม่แข็งแกร่งงพอ เส้นเอ็นและกระกระดูกไม่แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นจุดจบก็มีเพียงอย่างเดียว ก็คือร่างกายระเบิดจนตาย เพราะพลังพิเศษในร่างกายอัดแน่นจนระเบิด

“น้องสาม กลับมา!” โกสต์ตกตะลึงไปชั่วครูแล้วจึงรีบตะโกนออกมา

โกสต์คือคนที่ฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในหมู่สิบปีศาจ กระทั่งหลิวอวี่ก็มีแนวโน้มรางๆ ว่าจะไม่ใช่คู่มือของเขา เพียงแต่ถ้าเขาต้องการเอาชนะหลิวอวี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ชาโดว์และบลัดเป็นอันดับสองและสาม ฝีมือไม่อาจสู้ตนเองได้ ทั้งยังหุนหันพลันแล่นเกินไป ย่อมมองไม่ออกว่าชายวัยรุ่นชาวตะวันออกที่ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ที่กำลังยืนยืนเบื้องหน้าพวกเขาคนนี้ แข็งแกร่งเพียงใด

แม้ว่าโกสต์จะไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็สามารถฟันธงได้ว่า ชาโดว์และบลัดไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน กระทั่งตนเองก็ไม่อาจล้มชายวัยรุ่นชาวตะวันออกคนนี้ได้ง่ายๆ

“พี่ใหญ่ ให้ผมอัดสมองเจ้าหมอนี่ให้เละสักหมัด ให้เห็นได้เห็นมันสมองของตัวเองสาดกระจาย…” บลัดไม่ฟังคำสั่ง หัวเราะอย่างชั่วร้ายใส่เย่เทียนเฉินพลางปล่อยหมัดออกไป

ฉัวะ!

ร่างกายของบลัดนับว่าค่อนข้างใหญ่โต เดิมทีชาวต่างชาติก็มีร่างกายกำยำอยู่แล้ว เย่เทียนเฉินยืนเบื้องหน้าเขาจึงให้ความรู้สึกเตี้ยเล็กอยู่บ้าง ดังนั้นบลัดจึงซัดหมัดไปยังศีรษะของเย่เทียนเฉินด้วยความมั่นใจ ทั้งในปากก็ยังตะโกนก้องว่า “ให้แกได้ลิ้มรสชาติของหมัดที่ใหญ่ดั่งกระสอบทรายนี่กระทบสมองสักหน่อย…”

“งั้นมาดูกันว่าหมัดใครจะแข็งกว่ากัน!”

เย่เทียนเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ออกกระบวนท่าอะไรมากมาย มีเพียงกำปั้นขวาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เตรียมปะทะกับกำปั้นอันใหญ่โตราวกระสอบทรายของบลัด…

………………………………………………………..