“อาจารย์ ข้าทำสำเร็จแล้ว!”

หลินมู่อวี่กระโดดตัวลอย ดีใจเป็นอย่างมาก

ผู้เฒ่ากระบี่ก้าวออกมาจากห้องอีกครั้ง ยิ้มพูด “ดีมาก พรสวรรค์ของเจ้าหาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้”

“อาจารย์ ขั้นต่อไปต้องเรียนอะไรหรือ ท่านจะถ่ายทอดเพลงกระบี่ของทักษะควมคุมกระบี่ให้ข้าใช่หรือไม่” คำถามของหลินมู่อวี่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“เพลงกระบี่?”

ผู้เฒ่ากระบี่อดหัวเราะไม่ได้ ลูบเคราตอบ “อาอวี่ การใช้จิตควบคุมกระบี่ไม่มีเพลงกระบี่หรอก เจ้าอยากจะใช้ยังไงก็ได้ ขอแค่เจ้าชนะคู่ต่อสู้ได้ กระบวนท่าใดๆ ก็ล้วนแต่เป็นเพลงกระบี่ของเจ้า! แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่มีเพลงกระบี่ สิ่งเดียวที่สอนเจ้าได้…ก็คือเคล็ดวิชาเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้นเอง!”

“อาจารย์โปรดชี้แนะด้วย!”

“ดูให้ดีล่ะ!”

ผู้เฒ่ากระบี่ยกฝ่ามือขึ้นช้าๆ กระบี่ชิงเฟิงที่อยู่บนชั้นวางกระบี่ใกล้ๆ หลุดออกจากฝักทันที ส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับมีชีวิต ตั้งตรงอยู่กลางอากาศ แล้วค่อยๆ หมุนวนตามการเคลื่อนไหวของผู้เฒ่ากระบี่ เกิดเป็นกระแสลม พริบตาเดียวกระแสลมโดยรอบก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปกระบี่ ผู้เฒ่ากระบี่เปล่งเสียง กลุ่มกระบี่ที่มีกระบี่ชิงเฟิงเป็นศูนย์กลางพุ่งเข้าใส่แผ่นหินด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

“เปรี้ยง…”

เกิดเสียงดังกึกก้อง แผ่นหินเเตกเป็นเสี่ยงๆ

หลินมู่อวี่มองตะลึง แผ่นหินนี้หนาอย่างน้อยหนึ่งเมตร แต่กระบี่ชิงเฟิงเล่มนั้นเป็นแค่กระบี่ธรรมดา พลานุภาพของทักษะควบคุมกระบี่ช่างน่าตกใจเสียจริง

ผู้เฒ่ากระบี่ยิ้ม “ทักษะควบคุมกระบี่ที่ข้าฝึกแบ่งได้เป็นสองรูปแบบ แบบแรกคือการรวม ก็คือการโจมตีเมื่อครู่นี้ รวมพลังไปที่จุดเดียวเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ อีกรูปแบบหนึ่งคือกระจาย ก็คือกระจายพลังออกไป โจมตีวงกว้าง ทำให้ศัตรูไร้ทางหลบหนี ทักษะควบคุมกระบี่เเม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่จะเปลี่ยนอย่างไรก็ไม่พ้นสองรูปแบบนี้ นั่นก็คือการรวมและกระจาย”

ขณะที่พูด ผู้เฒ่ากระบี่โบกแขนเบาๆ กระบี่ชิงเฟิงเล่มนั้นก็ลอยขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากท้องฟ้า ในนั้นมีเพียงเล่มเดียวที่เป็นกระบี่จริง ที่เหลือเป็นกระบี่ปราณที่เกิดจากปราณยุทธ์ของผู้เฒ่ากระบี่ แต่ก็มีพลานุภาพรุนแรงเหมือนกัน พริบตาเดียวแผ่นหินในลานบ้านก็เต็มไปด้วยรูพรุน

“……”

หลินมู่อวี่ตะลึงตาค้าง “ข้าต้องทำยังไงถึงจะทำได้แบบนี้”

ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะลั่น “เจ้าฝึกการรวมก่อนก็แล้วกัน ห้ามใช้มือจับกระบี่ ใช้กระบี่ของเจ้าซัดแผ่นหินให้แตก ก็ถือว่าสำเร็จเบื้องต้นแล้ว”

“ขอรับ อาจารย์!”

กระบี่เหลียวหยวนอยู่ไกล หลินมู่อวี่ค่อยๆ แบมือออก สัมผัสวิญญาณกระบี่ที่อยู่ในกระบี่ ส่วนวิญญาณมังกรไฟก็ตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ตื่นเต้น แต่กระบี่เหลียวหยวนเพียงแค่สั่นเบาๆ และไม่ขยับเขยื้อนเลย

“ตั้งสมาธิให้แน่วแน่” ผู้เฒ่ากระบี่พูดอยู่ข้างๆ “ต้องทำจิตให้สงบว่างเปล่าถึงจะไปถึงขอบเขตสูงสุดของการบังคับกระบี่ได้!”

“ขอรับ อาจารย์!”

หลินมู่อวี่ลองฝึกต่อ เขาทำใจให้สงบอย่างรวดเร็ว นิ้วชี้และนิ้วกลางติดกันเป็นเหมือนกระบี่ จิตและวิญญาณกระบี่ขานรับกันและกัน วิญญาณมังกรไฟในกระบี่ท่าทางดีใจ

“ลอย!”

เขาเปล่งเสียง คราวนี้กระบี่เหลียวหยวนส่งเสียงดัง “วิ้ง” กระบี่ค่อยๆ ลอยขึ้นมา หลินมู่อวี่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก บังคับปลายกระบี่เหลียวหยวนให้เล็งไปที่แผ่นหิน ส่งพลังออกไปทันที “ไป!”

“ฟิ้ว!”

กระบี่ยาวบินออกไปอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงดัง “เปรี๊ยะ” กระบี่แทงเข้ากลางแผ่นหิน แต่ไม่ทะลุ

ผู้เฒ่ากระบี่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เอ่ยเตือน “อาอวี่ สมาธิเจ้ายังไม่นิ่งพอ ส่งจิตของเจ้าเข้าไปในกระบี่และประสานกับวิญญาณกระบี่ให้ได้ ถึงจะเกิดพลังมหาศาลขึ้นมา ระดับการประสานของเจ้าตอนนี้แม้แต่ส่วนเดียวก็ยังไม่ถึง จงฝึกต่อไปเถอะ!”

“ขอรับ อาจารย์!”

……

ฝึกติดต่อกันกว่าพันครั้ง ในที่สุดตอนที่ฟ้ากำลังจะสว่าง หลินมู่อวี่กางฝ่ามือออก ใช้จิตบังคับกระบี่เข้าโจมตีส่วนยอดของเเผ่นหินจนแหลกละเอียด แถมบนหินก้อนมหึมานี้ก็เต็มไปด้วยรูพรุนนับพันรู คืนนี้มันถูกเขาทรมานมาพอแล้ว

“ไม่เลว”

ผู้เฒ่ากระบี่ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของลูกศิษย์ผู้ขยันขันแข็งอีกครั้ง ยิ้มพูด “อาอวี่ ทักษะควบคุมกระบี่ของเจ้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว…”

“ขอบคุณท่านอาจารย์!”

“อย่าได้ใจไปนัก นี่เป็นแค่ความสำเร็จเล็กๆ เท่านั้น เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก!”

ผู้เฒ่ากระบี่ลูบเคราพึมพำแล้วเอ่ยขึ้น “ความเร็วและพลังคือหัวใจสำคัญของทักษะควบคุมกระบี่ นี่เป็นแค่ทักษะพื้นฐาน ต่อไปข้าจะสอนรูปแบบการโจมตีที่เรียกว่า ‘การรวม’ ซึ่งเหนือชั้นยิ่งกว่าให้เจ้า”

“หืม?”

ผู้เฒ่ากระบี่สะบัดแขนเสื้อ กระบี่ไม้สำหรับฝึกซ้อมด้ามหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลลอยขึ้นมา เล็งไปที่แผ่นหินอีกแผ่นที่อยู่ไม่ไกล ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะแล้วเอ่ยถาม “อาอวี่ เจ้าว่ากระบี่ไม้เล่มนี้จะแทงทะลุก้อนหินได้ไหม”

หลินมู่อวี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ “ไม้แทงทะลุก้อนหิน ออกจะเกินจริงไปหน่อยกระมัง”

“งั้นหรือ”

ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะฮ่า ขยับแขนโดยพลัน คาดไม่ถึงว่ากระบี่ไม้เล่มนั้นจะหมุนคว้างพร้อมมีเสียงแหลมดังออกมา มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ และพุ่งออกไปอย่างรุนแรง เศษหินกระจายไปทั่วก้อนหิน จริงหรือนี่ กระบี่ไม้แทงทะลุก้อนหิน!

“โอ้โห…”

หลินมู่อวี่ปากค้าง ตกตะลึงสุดขีด

ผู้เฒ่ากระบี่ยิ้มน้อยๆ “นี่ก็คือ ‘พลังเกลียว’ พลังการหมุนเป็นเกลียวสามารถเพิ่มระดับการเจาะทะลุ บนโลกนี้ผู้ที่เข้าใจทักษะควบคุมกระบี่มีมากมาย แต่คนที่เข้าใจการใช้พลังเกลียวกลับมีน้อยแบบที่นับนิ้วได้ ขั้นต่อไปเจ้าฝึกพลังเกลียวก็แล้วกัน!”

“ขอรับ อาจารย์…”

……

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งวัน ความเร็วในการก้าวหน้าของการฝึกของหลินมู่อวี่ แม้แต่ผู้เฒ่ากระบี่เองก็ตกใจ เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอัจฉริยะด้านกระบี่จริงๆ !

“วิ้งๆ ๆ…”

ปราณหลายสายห่อหุ้มกระบี่เหลียวหยวน วิญญาณมังกรไฟในกระบี่ส่งเสียงยินดีเบาๆ กระบี่หมุนวนด้วยความเร็วสูง หมุนคว้างเป็นเกลียวอยู่กลางอากาศ เกิดเสียงดัง “ปัง” กระบี่เหลียวหยวนพุ่งเข้าใส่กลางก้อนหิน จนก้อนหินเเตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที!

“ไม่เลว!”

ผู้เฒ่ากระบี่ลูบเคราเบาๆ หัวเราะอย่างพอใจ “ลำดับต่อไป เจ้าต้องใช้กระบี่ไม้ทำก้อนหินให้แตก!”

“เอ๋?”

หลินมู่อวี่รู้สึกอยากตายขึ้นมา ต้องมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดไหนถึงจะใช้กระบี่ไม้ทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ! ทว่าเขาไม่ได้ยอมแพ้ แต่หยิบกระบี่ไม้เล่มหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ไม่มีการขานรับกับวิญญาณกระบี่แล้ว ได้แต่พึ่งปราณบังคับกระบี่ไม้ กระบี่ไม้เล่มเล็กๆ ลอยอยู่กลางอากาศ สองแขนของหลินมู่อวี่โบกขึ้นลง ใช้ปราณกระตุ้นให้กระบี่ไม้หมุนวน เร็วขึ้นเรื่อยๆ!

“เปรี๊ยะ!”

กระบี่ไม้กลายเป็นเศษไม้กองหนึ่ง ส่วนหินไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

ผู้เฒ่ากระบี่เอ่ยเสียงเรียบ “พ่อบ้าน ไปซื้อกระบี่ไม้มาอีกร้อยเล่ม ไม่สิ ซื้อมา อีกสองร้อยเล่ม!”

“ขอรับ ผู้เฒ่ากระบี่!”

……

พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้วสองวัน

“วิ้งๆๆ…”

กระบี่ไม้หมุนคว้างอยู่ตรงหน้าอกของหลินมู่อวี่ด้วยความเร็ว ฝ่ามือสองข้างของเขากางออก ปราณเปลี่ยนเป็นแสงอัสนีเชื่อมระหว่างฝ่ามือและกระบี่ไม้ นี่ก็คือผลจากการฝึกสองวันนี้ เปลี่ยนปราณเป็นพลังอัสนีมาควบคุมกระบี่ไม้ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เฒ่ากระบี่ตะลึงจนพูดไม่ออก ผู้เฒ่ากระบี่ที่ฝึกตนมาทั้งชีวิต เคยเห็นการใช้ปราณบังคับกระบี่ แต่ว่าไม่เคยเห็นการใช้สายฟ้าบังคับกระบี่มาก่อน และหลินมู่อวี่ก็เพิ่งจะทำสิ่งนี้สำเร็จ

“ปัง!”

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงอัสนีห่อหุ้มกระบี่ไม้แทงทะลุแผ่นหินจนแตกกระจุยในทันที!

หลินมู่อวี่ดีใจ “อาจารย์ เป็นอย่างไร แบบนี้ถือว่าทำสำเร็จไหมขอรับ”

ผู้เฒ่ากระบี่กลับรู้สึกกลัวขึ้นมา ตนเองสอนบุคคลที่น่ากลัวขนาดไหนอยู่กันแน่ เขาบอกตัวเองในใจว่าจะถ่ายทอดทักษะกระบี่ขั้นสูงกว่านี้ให้เจ้าเด็กนี่ไม่ได้แล้ว

“อืม ใช้ได้แล้ว”

ผู้เฒ่ากระบี่ลูบเคราขาว พลางเอ่ย “อาอวี่ เคล็ดสำคัญของการรวมและกระจายเจ้าได้เรียนรู้แล้ว ด้วยฝีมือควบคุมกระบี่ของเจ้าในตอนนี้ก็จัดอยู่ในระดับสูง ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้ว กลับวิหารไปเถอะ เจ้าอยู่กับข้าที่นี่มานานกว่าเจ็ดวันแล้วนะ”

“หา?”

หลินมู่อวี่ตะลึง เพิ่งจะนึกได้ว่าเหลยหงให้วันหยุดเขาสามวัน แต่ตัวเขากลับอยู่ข้างนอกไปเจ็ดวันแล้ว

เขาถือกระบี่เหลียวหยวน แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว คุกเข่าสองข้างลงบนพื้น โขกศีรษะ “ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะ หลินมู่อวี่จะจดจำตลอดไป อาจารย์โปรดวางใจ ข้ากลับไปจะหลอมอาวุธชั้นเยี่ยมส่งกลับมาให้เร็วที่สุดอย่างแน่นอน”

ผู้เฒ่ากระบี่หัวเราะร่า “เด็กดี ลุกขึ้นเถอะ รีบกลับไปได้แล้ว ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว!”

“ขอรับ!”

……

เขาแวะซื้อเหล็กทมิฬและศิลาวิญญาณจำนวนหนึ่งจากสมาคมการค้ากลับมา ตอนที่เขาจะมาถึงหน้าวิหาร ทหารเฝ้าประตูจำเขาได้ จึงยิ้มทักทาย “ท่านหลินจื้อ ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที!”

“อืม มีธุระอะไรไหม”

“มีขอรับ เมื่อวานซืนกับเช้าวันนี้ นักปรุงโอสถหญิงของสมาพันธ์โอสถผู้หนึ่งมาหาท่าน แต่ว่าท่านไม่อยู่ นางจึงกลับไป และให้พวกเราบอกท่านว่าถ้าท่านกลับมาแล้วให้ไปหานางด้วย”

ต้องเป็นฉู่เหยาแน่ๆ หลินมู่อวี่อบอุ่นใจ ยิ้นตอบไปว่า “ขอบใจมาก!”

สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือเกอหยางและเหลยหงไม่ได้ลงโทษเขา อย่างไรเสียเมล็ดพันธุ์ชั้นดีแบบนี้ ผู้ดูแลทั้งสองต่างก็ต้องการบ่มเพาะปลูกฝัง โดยเฉพาะเมื่อเห็นประกายในแววตาของหลินมู่อวี่ พวกเขาทั้งสองก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ออกไปไม่กี่วัน ฝีมือก็พัฒนาขึ้นมาก ตอนนี้ใกล้ถึงปราชญ์สงครามระดับห้าสิบเก้าแล้ว สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งได้ทุกเมื่อ

หลังจากนำเหล็กทมิฬและของอื่นๆ ไปวางไว้ในห้องแล้ว เขาก็รีบรุดไปที่สมาพันธ์โอสถ

สมาพันธ์โอสถยังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยาจีนเช่นเคย ฉู่เหยาสวมเครื่องแบบนักปรุงโอสถหญิงสีขาวหิมะ ชุดขับรูปร่างสะโอดสะองของนางให้ชัดเจนยิ่งขึ้น พอนางเห็นหลินมู่อวี่ ก็รีบวิ่งออกมาจับมือของเขาไว้อย่างรวดเร็ว “อาอวี่ เจ้าออกไปหลายวันขนาดนั้น ไปทำอะไรมาหรือ”

“ไปเรียนกระบี่กับยอดฝีมือมาน่ะ!”

“เอ๋? งั้นทักษะกระบี่ของเจ้าก็ต้องรุดหน้ามากแล้วสินี่” ฉู่เหยาเอียงศีรษะยิ้มถาม

หลินมู่อวี่กำหมัดแน่น หัวเราะตอบอย่างมั่นใจ “ก็พอได้อยู่…”

ถ่อมตัวใช่เล่น

ฉู่เหยายิ้มขำ แล้วดึงมือหลินมู่อวี่ให้เดินเข้าไปด้านใน ก่อนเอ่ย “อาอวี่ ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งอยากแนะนำให้เจ้ารู้จัก!”

“หา? พี่ฉู่เหยาคบสหายใหม่ในสมาพันธ์โอสถแล้วหรือ”

“พูดอะไรของเจ้าน่ะ!”

ฉู่เหยาเเสร้งทำเป็นโกรธ ก่อนจะยิ้มออกมา จากนั้นก็หยิบกรงใบหนึ่งขึ้นมาจากกองสมุนไพร ในนั้นคือนกสีขาวตัวเล็กๆ บนขาของมันมีกระบอกไม้ไผ่ว่างเปล่าผูกติดอยู่ นางอุ้มนกขึ้นมา ยิ้มพูด “นี่เป็นนกส่งสารที่ได้รับการฝึกมา และเป็นช่องทางหลักในการส่งข่าวสารของจักรวรรดิด้วย นกส่งสารตัวนี้เป็นนกวิญญาณ ต้องใช้เลือดเป็นสื่อ ว่ากันว่าสามารถตามหาคนที่อยู่ห่างออกไปถึงพันลี้ได้ด้วยนะ!”

“โอ้?”

“เพียงแต่เป็นหนึ่งต่อหนึ่งน่ะ ข้าป้อนเลือดของข้าให้มันไปแล้วนิดหน่อย เจ้าก็นำเลือดของเจ้าป้อนมันด้วย แบบนี้ถึงแม้จะอยู่ห่างพันลี้ข้าก็หาเจ้าเจอได้!”

“มหัศจรรย์แบบนี้เชียว” หลินมู่อวี่เดาะลิ้นประหลาดใจ

“เอามือมานี่…”

“อืม”

นางจับมือของหลินมู่อวี่ไว้ แล้วดึงเข็มเงินออกมาหนึ่งเล่มจิ้มลงที่มือของหลินมู่อวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ก็ต้องขมวดคิ้วงามทันที “นี่…อาอวี่ ผิวเจ้านับวันยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ข้าแทงเข็มไม่เข้าเลย…”

“พี่ฉู่เหยา ท่านกำลังด่าข้า…”

“ข้าไม่ได้พูดถึงหนังหน้าสักหน่อย…”

ในที่สุด ฉู่เหยาก็ใช้เข็มเงินแทงเข้าทะลุผิวหนังของหลินมู่อวี่ได้แล้ว นางบีบเลือดหนึ่งหยดออกมาให้นกวิญญาณดื่มลงไป ทันใดนั้นนกน้อยก็สยายปีกบินไปมาระหว่างสองคนทันที ดูสนิทสนมใกล้ชิดกันมาก

ฉู่เหยาใช้นิ้วมือลูบปีกของนกน้อย หัวเราะ “ข้าเรียกมันว่าเสี่ยวไป๋ อาอวี่ จากนี้ไปมันก็เป็นของเราสองคน ข้าจะเลี้ยงดูมันเอง ตอนที่ข้าหาเจ้าไม่เจอ ก็จะให้เสี่ยวไป๋ไปตามหาเจ้า”

“อืม ได้เลย!”

……

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ด้านนอกสมาพันธ์โอสถก็มีคนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์มาเยือนอีกคน เป็นจางเหว่ย เขาสวมชุดเกราะทั้งตัว ท่าทางองอาจไม่ธรรมดา ทำให้ทหารยามหน้าประตูสมาพันธ์โอสถไม่กล้าสอบถาม เขาจึงเดินดุ่มๆ เข้ามาในสมาพันธ์โอสถได้อย่างสบาย

“ใต้เท้าจางเหว่ย มีธุระอะไรหรือ” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

จางเหว่ยยิ้มมุมปาก “แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี! ท่านหลินจื้อ องค์หญิงถังเสี่ยวซีอยู่ที่วิหาร ต้องการให้ท่านกลับไปพบ!”

“เอ๋ เสี่ยวซีมาหรือ…”

หลินมูอวี่ยิ้มบางๆ หันกลับไปพูดกับฉู่เหยา “องค์หญิงคงมีธุระ พี่ฉู่เหยา งั้นข้าไปก่อนนะ ไว้วันหลังค่อยมาเยี่ยมท่านใหม่”

“อื้ม!”