ตอนที่ 110 กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสาของหนานกงเยี่ย

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงจริงจังกับงานเลี้ยงในครั้งนี้มาก เธอตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวและยังแต่งหน้าอ่อนๆ อีกด้วย ชุดเดรสลายทะเลสาบสีฟ้าครามฟูฟ่องรุ่นลิมิเต็ดระดับโลก ตรงช่วงหัวไหล่เป็นชีฟอง ปักลวดลายดอกไม้ แขนเรียวสวยเผยออกมา ผมยาวสลวยรวบตึงขึ้นเหนือศีรษะดูสะอาดสะอ้าน คอระหงส์ประดับด้วยเครื่องเพรช 

 

 

เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากอยู่แล้ว พอลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศแบบนี้ ทำให้เธอยิ่งดูสวยเหมือนนางฟ้าลงมาจุติ ไม่รู้ว่าความสวยของเธอจะทำให้ผู้ชายกี่คนต้องเพ้อฝัน 

 

 

หนานกงเยี่ยยืนอยู่ด้านหลังเหลิ่งรั่วปิง เขามองเธอผ่านกระจก สีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ชอบให้เธอแต่งตัวแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น เขารู้สึกเหมือนของรักของตนกำลังถูกจ้องมอง 

 

 

เห็นได้ชัดว่าเหลิ่งรั่วปิงเข้าใจเขาผิด เธอหมุนตัวหันหลังแล้วคลายยิ้มบางๆ “ถ้าคุณไม่อยากไปงานเลี้ยงที่แสนน่าเบื่อ ฉันไปเองได้นะคะ” เหลิ่งรั่วปิงไปไหนมาไหนตัวคนเดียวได้ เธอไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายคอยอยู่ด้วย 

 

 

สีหน้าของหนานกงเยี่ยเคร่งขรึมมากกว่าเดิม “คุณแต่งตัวสวยขนาดนี้เพื่อไปงานเลี้ยงที่หรูหรา แล้วยังไม่อยากให้ผมไปด้วยอีก อยากไปยั่วผู้ชายคนอื่นลับหลังผมหรอ” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงกรอกตามองบน เธอหันหลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ พูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ “คนอย่างเหลิ่งรั่วปิง ถ้าอยากได้ผูู้ชายสักคน จำเป็นต้องไปยั่วด้วยหรอคะ” 

 

 

หนานกงเยี่ยคว้าจับแขนของเธอเอาไว้ รีบดึงตัวเธอให้หันมาประจันหน้ากับเขา “คุณลองไปหาผู้ชายคนอื่นดูสิ” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงแค่พูดเล่นเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าเขาจะคิดจริงจังขนาดนี้ หนานกงเยี่ยจับแขนของเธอจนเจ็บไปหมด เธอจึงมีน้ำโหขึ้นมา “คุณหนานกงเยี่ย คุณรู้ไหมคะว่าตอนนี้คุณทำตัวเหมือนเด็กมาก!” 

 

 

หนานกงเยี่ย “…” 

 

 

ถูกเหลิ่งรั่วปิงพูดจนเสียหน้า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองทำตัวไร้สาระเหมือนเด็กขึ้นมา หนานกงเยี่ยจึงปล่อยมือเธอ พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แต่งตัวเสร็จรึยัง เราจะไปกันได้หรือยัง” 

 

 

“ไปได้ทุกเมื่อค่ะ คุณนั่นแหละเป็นคนมาหาเรื่องที่นี่” 

 

 

หนานกงเยี่ยหันหลังเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่สมอารมณ์ เขาไม่มีท่าทีรอเหลิ่งรั่วปิงแม้แต่น้อย ลมเย็นๆ แผ่ซ่านไปทั่วจนพื้นก่อเป็นน้ำแข็งขึ้นมาหนึ่งชั้น เหลิ่งรั่วปิงเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงงี่เงา เธอไม่เคยให้ผู้ชายต้องรออยู่แล้ว เหลิ่งรั่วปิงเดินไปอย่างรวดเร็ว เธอเดินไปขึ้นรถก่อนหนานกงเยี่ยเสียอีก ขณะที่เธอปิดประตูรถเสียงดัง หนานกงเยี่ยเดินไปถึงรถพอดี เขาหยุดเดิน ตัวแข็งทื่อขึ้นมา ใบหน้าที่เย็นชากระตุกยิ้มมุมปาก อันที่จริงเวลาเธอโกรธน่ารักมาก บางครั้งเขาถึงกับติดใจ 

 

 

พวกเขานั่งเงียบตลอดทาง ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหลิ่วเย่ว์วานซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เวลานี้หลิ่วเย่ว์วานมีคนเดินเข้าออกจำนวนมาก เสียงดนตรีดังคลอตลอดเวลา บรรยากาศในงานกำลังครึกครื้น คุณหญิงคุณนายและพวกดาราต่างใส่ชุดราตรีหรูมาร่วมงาน พวกเธอเติมเต็มสีสันให้กับงานในวันนี้ บรรดาผู้ชายรวมกลุ่มกันเสวนาพูดคุย มีบางคนกำลังหาเป้าหมายของตนเอง อีกทั้งยังมีชายหญิงเต้นรำกันเป็นคู่ๆ ส่วนพวกคนที่เข้าไปในเต้นท์ส่วนตัวนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาเข้าไปทำอะไร 

 

 

การมาของหนานกงเยี่ย เพิ่มสีสันให้กับงานเลี้ยงในคืนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาเหมือนเทพที่เดินเคียงคู่มาพร้อมกับนางฟ้าอย่างเหลิ่งรั่วปิง ให้ความรู้สึกเหมือนเทพกำลังเดินลอดผ่านซุ้มดอกไม้ของงานเลี้ยง มีเสียงอุทานดังขึ้น ตามด้วยคำชื่นชมสรรเสริญ ทางด้านจั่วเยี่ยนเหารีบพาลู่หวาหนงมาประจบทันที 

 

 

หนานกงเยี่ยพยักหน้าลวกๆ ถือเป็นการขานตอบ จากนั้นพาเหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปในงาน เขามองหาโต๊ะนั่งที่เงียบสงบแล้วนั่งลง พนักงานรีบมาเสริฟไวน์ให้กับพวกเขาทันที 

 

 

ก่วนอวี้เดินตามหลังหนานกงเยี่ยตลอดเวลา แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ลู่หวาหนง เพราะก่อนจะมางานเลี้ยงในคืนนี้ หนานกงเยี่ยได้กำชับสั่งให้เขาคอยจับตาดูลู่หวาหนง 

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน มู่เฉิงซีและเวินอี๋ก็มาถึง นี่เป็นครั้งแรกที่เวินอี๋ออกงานในฐานะแฟนสาวของมู่เฉิงซี ทำให้ผู้คนมองด้วยความตกใจและสงสัย ไม่มีใครคาดคิดว่ามู่เฉิงซีจะเลือกผู้หญิงธรรมดามาเป็นแฟน 

 

 

“พี่รั่วปิง” เมื่อเวินอี๋เห็นเหลิ่งรั่วปิง เธอยิ้มร่าทันที 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มแล้วเดินไปหาเวินอี งานเลี้ยงในวันนี้ เป็นสถานที่แก้แค้นของพวกเธอ เธออยากจะแบ่งปันช่วงเวลานี้กับเวินอี๋ ดังนั้นจึงรีบไปพาตัวเวินอี๋มา 

 

 

เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงที่แอบมองเหลิ่งรั่วปิงมาโดยตลอด พวกเธอตกใจจนอ้าปากกว้าง คิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะได้เจอกับเวินอี๋อีก เดิมทีคิดว่าหลังจากไล่สองพ่อลูกออกไปจากบ้านตระกูลเจียงแล้ว สองพ่อลูกนี้คงตกระกําลําบาก ชีวิตนี้ไม่มีวันโผล่มาให้พวกเธอสองแม่ลูกเห็นอีก แต่คิดไม่ถึงเวินอี๋จะโตเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ อีกทั้งยังกลายเป็นแฟนสาวของมู่เฉิงซี แล้วจะไม่ให้พวกเธออิจฉาได้ยังไง 

 

 

ความสนิทสนมของเวินอี๋และเหลิ่งรั่วปิง ทำให้ลั่วซูเยียงยิ่งมั่นใจในความดคิดของตนเอง “แม่คะ แม่ดูสิ หนูพูดไม่ผิดเลยสักนิด เหลิ่งรั่วปิงกับเจียงหน่วนซินเป็นคนเดียวกัน แม่ดูพวกมันสิคะ พวกมันสนิทสนมกันมาก” 

 

 

เจี่ยนชิวพยักหน้า “ดูท่าวันนี้เราต้องกำจัดมันทิ้ง ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องเมื่อสิบปีก่อนถูกเปิดโปง พวกเราสามคนพ่อแม่ลูกก็อย่าได้คิดฝันว่าจะมีชีวิตที่ดี” เงียบไปครู่หนึ่ง “คิดไม่ถึงจริงๆ มันไม่ได้โดนไฟครอกตายในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น” 

 

 

“แม่ดูนั่นสิ ต้นคอด้านหลังของเวินอี๋มีรอยแผลเป็น แผลเป็นนั้นดูเหมือนแผลไฟไหม้เลยค่ะ” 

 

 

เจี่ยนชิวมองซ้ายขวาอย่างละเอียด แล้วหัวเราะในลำคอ “เวินจี๋ไห่และเวินอี๋เป็นคนช่วยชีวิตเจียงหน่วนซินหลังจากที่พวกเราออกไปจากที่นั่นแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นเราน่าจะฆ่าเวินจี๋ไห่กับลูกสาวมันก่อน” 

 

 

“อั๊ยย๊า แม่คะ พูดแล้วจะมีประโยชน์อะไรคะ ไม่รู้ว่าเจียงหน่วนซินทำอะไรให้พ่อหลงเชื่อมันนักหนา พ่อถึงไม่ยอมเชื่อที่หนูพูด” 

 

 

“หึ ตอนนี้พ่อของแกหลงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เจียงหน่วนซิน คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ต้องสนใจพ่อหรอก วันนี้พวกเราฆ่าเจียงหน่วนซินให้ตาย นางเวินอี๋ก็อย่าให้เหลือรอด” 

 

 

“ค่ะ” ลั่วซูเยียงพยักหน้า “เดี๋ยวหนูถามลู่หวาหนงดูก่อนว่าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว” 

 

 

พูดจบ ลั่วซูเยียงโทรศัพท์ไปาลู่หวาหนง เวลานี้ลู่หวาหนงกำลังต้อนรับแขกกับจั่วเยี่ยนเหา เธอปรายตามองโทรศัพท์ ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ รีบเดินไปรับสายในที่ที่ไม่มีคน “โทรมาหาฉันตอนนี้ทำไม ถ้าถูกคนจับได้จะทำยังไง” 

 

 

ลั่วซูเยียงเองก็ไม่เกรงใจ “ฉันอยากถามว่าทำไมเธอยังไม่ลงมือ” 

 

 

ลู่หวาหนงขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “ฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ พวกเธอจับตาดูเอาไว้ให้ดี หลังจากเหลิ่งรั่วปิงกินเหล้าเข้าไปแล้ว ยาจะออกฤทธิ์ทันที พวกเธอต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้” 

 

 

“เข้าใจแล้ว” 

 

 

ลู่หวาหนงตัดสายลั่วซูเยียง เธอหันหน้าไปทางบริกรในชุดขาวที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องไวน์แล้วทำสัญญาณมือ เห็นได้ชัดว่าบริกรคนนั้นเตรียมพร้อมแต่แรก เขารับสัญญาณจากเธอ ถือถาดพร้อมไวน์สองแก้วเดินตามลู่หวาหนงไปหาเหลิ่งรั่วปิง 

 

 

ก่วนอวี้เห็นการกระทำทุกอย่าง เขาดึงสายตากลับมาอย่างเงียบๆ ก้มหน้าลงแล้วพูดกระซิบข้างหูหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งแสยะยิ้มมุมปาก 

 

 

ลู่หวาหนงยิ้มร่า เดินไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง “คุณเหลิ่งคะ เรื่องในอดีตฉันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจึงได้ทำผิดต่อคุณ วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณค่ะ” ลู่หวาหนงเป็นนักแสดงอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงแสดงสีหน้าและอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี คำพูดแต่ละคำของเธอดูจริงใจมาก 

 

 

เธอมันเป็นปีศาจพันปี 

 

 

ทว่าเหลิ่งรั่วปิงก็ไม่ใช่เด็กน้อย ดังนั้นเธอไม่ได้ตกหลุมพรางนี้ เหลิ่งรั่วปิงชำเลืองมองบริกรด้านหลังลู่หวาหนง เธอจ้องมองไปยังไวน์บนถาด จากนั้นหลบตาลง ไม่ได้พูดอะไร 

 

 

หนานกงเยี่ยส่งยิ้มให้กับลู่หวาหนง พูดด้วยน้ำเสียงเชื้อชวน “ลู่หวาหนง คุณอยากกลับเข้ามาในวงการบันเทิงไหมครับ” 

 

 

“!!!” ลู่หวาหนงตกใจจันตัวแข็งทื่อ หนานกงเยี่ยกำลังจะให้โอกาสเธอหรอ 

 

 

เธอดึงสติตนเองกลับมา พูดตะกุกตะกัก “คุณ…คุณชายเยี่ย ฉันอยากค่ะ แม้แต่หลับฝันฉันก็อยากกลับเข้าไปในวงการ คุณได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ!” 

 

 

“ครับ” หนานกงเยี่ยยิ้ม “เห็นแก่ที่คุณขอโทษจากใจ ผมตัดสินใจจะให้โอกาสคุณอีกครั้งครับ ช่วงนี้บริษัทหนานกงกำลังจะลงทุนภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ผมคิดว่าคุณลองไปแคสเป็นนางเอกก็ดีนะครับ” 

 

 

“จริงหรอคะ” ลู่หวาหนงดีใจจนน้ำตาคลอ ภาพยนตร์ที่บริษัทหนานกงลงทุนล้วนเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ถึงแม้เธอจะเงียบหายไปนาน แต่ถ้าได้เป็นนางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องกลับมาโด่งดังอีกครั้งแน่ๆ “คุณชายเยี่ย ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับฉันนะคะ!” 

 

 

ลู่หวาหนงเกือบคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว ถ้าเธอกลับมาโด่งดังเหมือนเดิมอีกครั้ง มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาเสียตัวให้กับเฒ่าหัวงูอย่างจั่วเยี่ยนเหา หนานกงเยี่ยให้โอกาสดีๆ แบบนี้กับเธอ เป็นเพราะเขาเบื่อเหลิ่งรั่วปิง? หันมาสนใจในตัวเธอแทน? คิดถึงความเป็นไปได้นี้ ลู่หวาหนงดีใจมาก เธอมองหนานกงเยี่ยด้วยสายตายั่วยวน อดที่จะรู้สึกโชคดีไม่ได้ วันนี้ตนได้กำจัดเหลิ่งรั่วปิงทิ้ง หนานกงเยี่ยไม่มีวันปกป้องยัยนั่นแล้ว 

 

 

ดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวของหนานกงเยี่ยมองทะลุเข้าไปอ่านใจคน สำหรับแผนตื้นๆ ของลู่หวาหนงเขาดูออกมาหมด หนานกงเยี่ยหรี่ตาลง พูดกับเหลิ่งรั่วปิง “หวาหนงยอมถ่อมตนถึงขั้นนี้ เธออยากเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณ คุณก็อย่าถือสาเธเลย” 

 

 

พูดจบ หนานกงเยี่ยยกมือขึ้น ก่วนอวี้เข้าใจทันที เขารับถาดไวน์มาจากบริกร ยื่นไปตรงหน้าหนานกงเยี่ย 

 

 

หนานกงเยี่ยยื่นแก้วไวน์ให้เหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง ส่วนอีกแก้วหนึ่งก่วนอวี้ก็ยื่นให้กับลู่หวาหนง เวลานี้ลู่หวาหนงดีใจจนไม่ทันสังเกตว่าหนานกงเยี่ยสลับแก้วไปแล้ว แก้วไวน์ที่เดิมทีเธอจะให้เหลิ่งรั่วปิงดื่มนั้น อยู่ในมือของตัวเธอเอง 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน เธอสังเกตคนเก่งไม่น้อยไปกว่าหนานกงเยี่ย ดังนั้นเธอที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไร แต่ความเป็นจริงสิ่งที่ก่วนอวี้และหนานกงเยี่ยทำล้วนอยู่ในสายตาเธอ ที่แท้หนานกงเยี่ยแอบช่วยเธอนี่เอง! เหลิ่งรั่วปิงเดาออกแต่แรกแล้วว่าคนอย่างลู่หวาหนงไม่มีทางอยากจะคืนดีกับตน ตีให้เธอก็ไม่เชื่อว่าไวน์แก้วนั้นไม่มีปัญหา เดิมทีเหลิ่งรั่วปิงกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำยังไงเพื่อใช้กลยุทธ์ลักขื่อเปลี่ยนเสา คิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยได้จัดการปัญหาให้ตนแล้ว เมื่อกี้เธอยังคิดว่าเขาสนใจลู่หวาหนงแล้วเสียอีก เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกผิดที่เข้าใจเขาผิดไป 

 

 

ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงให้เกียรติหนานกงเยี่ยมาก เธอคลายยิ้มแล้วรับแก้วไวน์จากหนานกงเยี่ย “คุณลู่ โบราณว่าเอาไว้แค่ยิ้มให้กันเรื่องในอดีตทุกอย่างก็จงลืมมันไป วันนี้คุณหนานกงเยี่ยเป็นคนกลางเชื่อมสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน คุณกับฉันเราต่างลืมเรื่องในอดีตกันดีไหมคะ” 

 

 

ลู่หวาหนงคลายยิ้ม ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ยั่วยวน เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมา “เชิญดื่มค่ะ” 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ มองดูลู่หวาหนงดื่มไวน์ แล้วเหลือบมองบริกรที่เหมือนจะพูดบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา เหลิ่งรั่วปิงยกแก้วไวน์ขึ้น ดื่มหมดแก้วในรวดเดียว เธอยากจะรู้จริงๆ หลังจากดื่มไวน์ลงไปแล้วอีกเดี๋ยวลู่หวาหนงจะเป็นยังไง