เล่มที่ 4 บทที่ 110 ไม่มีกินกันทั้งบ้าน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวจื่อเซวียนยกอาหารไปยังบ้านท่านปู่เซียว ท่านปู่เซียวกำลังจุดไฟในห้องครัว เขายังไม่ได้หุงข้าวด้วยซ้ำ

อยู่คนเดียว ทำอะไรกินอย่างขอไปทีก็พอแล้ว

เซียวจื่อเซวียนเข้ามา เอ่ยเรียกท่านปู่เซียวสองครั้ง

ท่านปู่เซียวเดินออกจากห้องครัว เห็นเซียวจื่อเซวียนก็ยิ้มจนตาแทบปิด “จื่อเซวียนมางั้นหรือ? ”

เซียวจื่อเซวียนยกอาหารให้ท่านปู่เซียว “ท่านปู่ นี่เป็นอาหารนำมาให้ท่านขอรับ”

ท่านปู่เซียวรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับการดูแลอย่างไม่คาดคิด “อัยยะ ส่งข้าวมาให้ข้าจริงหรือนี่? เจ้ากินหรือยัง? ”

เมื่อคราวนั้นเขาเพียงกล่าวเป็นเชิงเย้าหยอก ใครจะรู้ว่าแม่หนูนั่นกลับคิดเป็นจริง!

“ยังไม่ได้กินขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าให้ข้ามาส่งข้าวให้ท่านก่อน ประเดี๋ยวข้าก็กลับไปกิน พี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้าเตือนท่าน ว่าปลาตัวเล็ก มีก้างเยอะ ขณะท่านดื่มน้ำแกงต้องระวังด้วยขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวจบ จึงอำลาแล้วกลับไป

ปฏิบัติต่อผู้อื่นและรับมอบสิ่งของอย่างเหมาะสม ก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อนไม่น้อยเลย

ท่านปู่เซียวเปิดฝาตะกร้าดู เห็นอาหารข้างใน แววตาก็แข็งทื่อทันที

ภรรยาเซียวยวี่ทำอาหารเก่งเกินไปแล้วกระมัง

น้ำแกงปลาจี้ที่เคี่ยวจนเป็นสีขาวหนึ่งถ้วย ในนั้นมีปลาจี้หนึ่งตัว สูดดมกลิ่นทั้งหอมและสดใหม่ ไม่มีกลิ่นคาวสักนิด ผักตี้เอ่อผัดไข่หนึ่งจาน ใส่ไว้จนเต็ม ยังมีข้าวขาวอีกหนึ่งชามใหญ่ เพียงได้กลิ่นก็แทบน้ำลายไหล

อาหารการกินไม่เลวเลย!

ท่านปู่เซียวหยิบตะเกียบมาทานทันที

ดื่มน้ำแกงปลาจี้ก่อนหนึ่งคำ ช่างหอมอร่อยเสียจริง มิน่าล่ะเวลานี้เด็กสองคนทั้งขาวทั้งอวบอ้วน อาหารการกินเช่นนี้ คิดจะไม่อ้วนยังยากเลย!

ท่านปู่เซียวกินข้าวขาวชามโตจนหมด ดื่มน้ำแกงปลาหนึ่งถ้วยใหญ่ กินปลาจี้ไปหนึ่งตัว กินผักตี้เอ่อผัดไข่อีกหนึ่งจานจนเกลี้ยง

หลังจากกินเสร็จ ลูบปากที่มันวาวจนสะท้อนแสง ก่อนขยับปากทำเสียงแจ๊บๆ รู้สึกยังไม่หนำใจเลย

ฝีมือการทำอาหารนี่ ไร้ที่ติเสียจริง!

ขณะเซียวจื่อเซวียนกระโดดโลดเต้นออกจากบ้านของท่านปู่เซียว ก็พบเข้ากับเซียวต้าหมินที่เดินสวนมาพอดี

เมื่อเซียวต้าหมินพบเซียวจื่อเซวียน ก็เหมือนศัตรูคู่แค้นพบหน้ากัน อารมณ์โมโหฉุนเฉียวเป็นพิเศษ

เขาจ้องเซียวจื่อเซวียนเขม็ง แค้นจนอยากถลกหนังเลาะเอ็นเซียวจื่อเซวียนเสีย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะบิดาของเขาย้ำกำชับว่าห้ามก่อเรื่อง ไม่อย่างนั้นจะตีก้นเขาจนบวม หวนคิดถึงเรื่องครั้งก่อนที่เขากลั่นแกล้งเซียวจื่อเมิ่งจนตกใจ กลับไปบิดาของเขาก็ดึงหูเขาพร้อมตะคอกอยู่นาน เซียวต้าหมินจึงได้แต่ปล่อยไป

เซียวจื่อเซวียนคร้านจะสนใจเขา กลับบ้านไปแล้ว

เซียวต้าหมินกลับบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ เถียนเอ๋อเก็บผักตี้เอ่อมาหนึ่งตะกร้ากลับบ้านทำอาหารพอดี เห็นบุตรชายของตนเองกลับมาด้วยท่าทางอารมณ์เสีย ภายในใจก็รู้สึกร้อนรน “ลูกแม่ เจ้าเป็นอะไรไป? ”

เซียวต้าหมินนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ข้าพบเซียวจื่อเซวียน! ”

เมื่อเถียนเอ๋อได้ยินชื่อเซียวจื่อเซวียน ก็โมโหจนใบหน้าถมึงทึง “บ้านเขาอยู่ทางทิศตะวันตกไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมาทางทิศตะวันออกได้ล่ะ? ”

แทบจะอ้อมรอบหมู่บ้านเลยทีเดียว!

เซียวต้าหมิน “ใครจะไปรู้ ข้าเห็นเขาหยิบถ้วยชามออกจากบ้านท่านอาเซียวเหลียง! ”

ในบ้านเซียวเหลียง?

เถียนเอ๋อคิดถึงเรื่องที่ช่วงเช้าเห็นเซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนไปช่วยงานท่านปู่เซียวทันที ไม่ได้เป็นญาติสนิทมิตรสหายอะไรกัน เหตุใดท่านปู่เซียวต้องให้เซี่ยยวี่หลัวไปช่วยล่ะ!

แจกันดอกไม้ที่มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอกจะทำอะไรได้!

เถียนเอ๋อ “เจ้าแน่ใจ? เซียวจื่อเซวียนออกมาจากบ้านเซียวเหลียง? ”

เซียวต้าหมิน “ข้าจะดูผิดได้อย่างไร ท่านแม่ ท่านทำอาหารอะไรไว้? ข้าหิวแล้ว อยากกินข้าว! ”

เถียนเอ๋อรีบขานตอบ “ใกล้เสร็จแล้ว รออีกเดี๋ยว! ”

เมื่อเซียวต้าหมินได้ยินว่ายังต้องรออีกเดี๋ยว จึงพุ่งพรวดออกจากห้องครัวไปเล่นในลานบ้าน เถียนเอ๋อทำอาหารไปพลางครุ่นคิดเรื่องระหว่างเซี่ยยวี่หลัวและบ้านเซียวเหลียงไปพลาง

เซี่ยยวี่หลัวนั่นไปช่วยงานที่บ้านเซียวเหลียงได้ ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่!

เซี่ยยวี่หลัวรอเซียวจื่อเซวียนกลับมา ทั้งสามคนกินอาหารเที่ยงเสร็จ นางพาเด็กสองคนนอนหลับหนึ่งงีบแล้วจึงพาเด็กๆ ไปเก็บผักตี้เอ่อในท้องนา

ขณะนี้มีคนเก็บจำนวนมาก ทั้งสามคนเก็บตลอดช่วงบ่ายก็เก็บได้เพียงหนึ่งตะกร้า เห็นว่าแสงแดดแรงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าพรุ่งนี้คงตากแห้งได้ทั้งหมด!

หากตากแห้งสักหนึ่งตะกร้า คาดว่าน่าจะผัดได้ประมาณสี่ถึงห้าจาน ไม่พอกินเลย หากพรุ่งนี้มีคนนำมาขาย นางจะเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อนำไปตากแห้ง!

เก็บได้หนึ่งตะกร้าเต็ม เซี่ยยวี่หลัวก็พาเด็กสองคนไปล้างอยู่ริมแม่น้ำ เห็นต้าจ้วงและเสี่ยวฮวา บุตรชายและบุตรสาวของหลัวซื่อเล่นซนอยู่ริมแม่น้ำแต่ไกล

อากาศร้อน เด็กๆ ชอบความเย็น จึงนั่งอยู่ริมน้ำมองดูปลาเล็กและจับปลา

เซี่ยยวี่หลัวไม่มีอคติต่อเด็กสองคนนี้ เด็กๆ เอาแต่ใจและซุกซน ล้วนเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้สั่งสอนให้ดี นางเห็นเด็กสองคนมักจะเล่นซนอยู่ริมแม่น้ำ รู้สึกเป็นห่วง จึงเอ่ยเรียกเด็กสองคนแต่ไกล ให้พวกเขาอย่าเล่นริมแม่น้ำ ระวังจะลื่นตกน้ำ

เมื่อต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาเห็นว่าเป็นเซี่ยยวี่หลัว ก็แลบลิ้นพร้อมตะโกนว่าเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ก่อนจะวิ่งหนีไป!

เซียวจื่อเซวียนถกแขนเสื้อจะตามไปคิดบัญชีกับต้าจ้วง เซี่ยยวี่หลัวห้ามเขาไว้

“แค่เด็กสองคน ปล่อยพวกเขาไป! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวโดยไม่แสดงท่าทางอะไร

ช่วงนี้หลัวซื่อบาดเจ็บที่ขานอนอยู่ที่บ้าน เซียวไฉซุ่นมีงานต้องทำมากมาย

เด็กสองคนเหมือนเด็กไม่มีคนดูแล เล่นซนไปทั่ว เล่นที่ไหนไม่เล่น กลับไปเล่นอยู่ริมแม่น้ำ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น…

ในยุคปัจจุบันมีเด็กตั้งเท่าไรที่ลงเล่นน้ำแล้วจมน้ำเสียชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตามธรรมชาติที่ไม่มีระบบป้องกันอะไรเลย!

เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าคิด เมื่อเห็นแล้ว จึงเอ่ยเตือนทีหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น!

เซียวต้าจ้วงและเสี่ยวฮวาไม่คิดว่าเซี่ยยวี่หลัวเตือนด้วยความหวังดี กลับไปแล้วก็เบ้ปากบอกเล่าเรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวข่มขู่พวกเขาให้หลัวซื่อฟัง หลัวซื่อโมโหจนแทบอยากกระโดดลุกขึ้นมาเพื่อไปคิดบัญชีกับเซี่ยยวี่หลัว

ถึงช่วงเย็น หลัวซื่อบอกเรื่องที่เซี่ยยวี่หลัวข่มขู่เด็กสองคนให้เซียวไฉซุ่นฟัง ทั้งยังบอกว่าเซี่ยยวี่หลัวจิตใจชั่วร้ายดั่งอสรพิษ ไม่อาจเห็นเด็กสองคนมีความสุข ให้เซียวไฉซุ่นไปหาเรื่องเซี่ยยวี่หลัว

เซียวไฉซุ่นถือว่ามีความสัมพันธ์กับครอบครัวเซียวยวี่อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวนั้นเสียทั้งบิดามารดา เหลือเพียงเด็กสามคน เวลานี้เซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เซี่ยยวี่หลัวต้องดูแลทั้งเรื่องในบ้านและนอกบ้าน เขาเป็นบุรุษให้ไปหาเรื่องมันสมควรอย่างไรกัน!

เซียวไฉซุ่นไม่ไป มองหลัวซื่อที่อาละวาดโวยวายอย่างเย็นชา “ขาเจ้าบาดเจ็บแล้ว ก็พักรักษาตัวดีๆ อย่าคิดฟุ้งซ่านทั้งวัน! เด็กสองคนเจ้าก็ดูแลให้ดี อย่าให้วิ่งซนไปทั่ว! ”

หลัวซื่อตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “เซียวไฉซุ่น เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าจะบอกว่าข้าอยู่บ้านนั่งว่างทั้งวันไม่ทำงานอะไร อยู่ว่างแล้วหาเรื่องใส่ตัวใช่หรือไม่? ข้าดูแลเด็กสองคน ขาของข้าขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าจะดูแลเด็กสองคนอย่างไร เด็กสองคนนี้ไม่ใช่ของข้าคนเดียวเสียหน่อย เจ้าดูแลไม่เป็นหรือไง! ”

เซียวไฉซุ่นปราดสายตามองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะออกไป

เขาไม่อยู่ที่บ้าน เรื่องในบ้านและนอกบ้านล้วนต้องให้เขาจัดการ หากเขาอยู่ที่บ้านทั้งวัน ครอบครัวสี่คนคงไม่มีอันจะกินแล้ว!