บทที่ 120 ไม่มีรางวัลสำหรับความเมตตา

ไหปีศาจ

บทที่ 120 ไม่มีรางวัลสำหรับความเมตตา

“กึด กึด กึด”

เสียงที่ก้องในหูของเขาเป็นเสียงจังหวะของการกระพือปีกอันยุ่งเหยิง มีผีเสื้อจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบลั่วอู๋ราวกับต้องการกัดกินเขา

“ท่าจะไม่ดีแล้วรีบออกไปช่วยเร็ว” ฉูจงฉวนกระซิบ

หลี่หยินรีบเรียกเสี่ยวไป่ออกมา

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ส่ายหัว “ไม่ต้องรีบ รอเดี๋ยวก่อน”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ฉูจงฉวนงงงวย

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าผีเสื้อปีกมายาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”

จุดประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้คือการช่วย ฉูจงฉวนตามหาภูตทะเลทราย แต่ถ้ามีโอกาสลั่วอู๋ ก็หวังว่าจะได้เจอกับสัตว์วิญญาณตัวที่สองสำหรับเขาด้วยเช่นกัน

ด้วยที่ว่าในส่วนลึกของป่าหวงชามีสัตว์หายากมากมายและหลายชนิดเป็นสัตว์วิญญาณที่ไม่สามารถหาได้ในโลกภายนอก

ลั่วอู๋ได้คิดอย่างจริงจังมาแล้วว่าเขาต้องการสัตว์วิญญาณแบบไหน

เส้นทางของทุกคนนั้นแตกต่างกันไป บางคนไล่ตามความแข็งแกร่ง ความเร็ว หรือการป้องกันที่มั่นคง คนเหล่านี้ต่างก็มองหา สัตว์วิญญาณที่มีทักษะในประเภทเดียวกัน

หลิวหูเป็นตัวอย่างที่ดี

เขาเลือกแมงป่องพิษยักษ์ที่มีพิษรุนแรงถึงตาย

สัตว์วิญญาณแต่ละตัวของเขามีพิษร้ายกาจ เมื่อพวกมันแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับผู้ใช้พลังวิญญาณ พลังพิษที่เขาปล่อยออกมาจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม

การที่จะเป็นที่หนึ่งในด้านใดด้านหนึ่งก็เป็นอีกวิธีที่จะแสดงถึงความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามการเลือกเส้นทาง ดังกล่าวก็มีข้อบกพร่องร้ายแรงคือการขาดความสามารถในการพลิกแพลงสถานการณ์ นอกจากนี้ยังทำให้ง่ายในการจับทางและหาทางแก้อีกด้วย

ลั่วอู๋มีไหปีศาจ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องไปในเส้นทางที่สุดโต่งแบบนั้น เขาน่าจะสามารถทำได้ดีที่สุดในทุกๆด้านด้วยพลังนี้ ดังนั้นเขาจึงหวังว่าเขาจะสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างรอบด้าน

ต้าหวงมีความสามารถในการโจมตีที่รุนแรงมาก

ดังนั้นลั่วอู๋จึงหวังว่าสัตว์วิญญาณตัวที่สองของเขาจะต้องมีความเร็วสูงหรือความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ที่แข็งแกร่งเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมให้กับเขาได้มากขึ้น

ผีเสื้อปีกมายามีทั้งผงประสาทหลอนและผงอัมพาต ซึ่งสามารถใช้สร้างภาพลวงตาและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นอัมพาตได้

ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ของมันนับได้ว่าแข็งแกร่งมาก

และความเร็วของผีเสื้อปีกมายาก็ไม่ได้ช้า และที่สำคัญที่สุดคือมันมีทักษะการบิน ซึ่งเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสัตว์วิญญาณที่บินได้

เพราะเมื่อเขาฝึกไปถึงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง เขาจะเชี่ยวชาญในการใช้ความสามารถประสานแก่นวิญญาณระหว่างมนุษย์และสัตว์วิญญาณแน่

ผู้ใช้พลังวิญญาณในระดับนั้นจะสามารถยืมทักษะพลังวิญญาณของสัตว์วิญญาณมาใช้ได้อย่างเต็มที่ หากสัตว์วิญญาณของเขามีความสามารถในการบินแสดงว่าเขาเองก็จะสามารถบินได้เช่นกัน

ถ้าเขาไม่สามารถบินไปบนฟ้าได้ เขาก็จะต้องตกที่นั่งลำบากมากหากต้องสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณที่อยู่ในระดับเดียวกัน เพราะแบบนั้นทุกคนจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสัตว์วิญญาณที่มีทักษะการบิน

เดิมทีผีเสื้อปีกมายานั้นไม่ได้แข็งแกร่งลั่วอู๋จึงไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่

แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้เจอกับราชาผีเสื้อปีกมายา มันเหนือกว่าผีเสื้อปีกมายาธรรมดา ๆ ในทุกๆ ด้านของความสามารถ

นั่นเป็นเหตุผลที่ลั่วอู๋ไม่รู้สึกกลัวพวกมัน

ลั่วอู๋ก้าวไปข้างหน้าและพูดออกมาด้วยเสียงดัง “ได้โปรดอย่าเพิ่งทำอะไรข้า ข้าไม่ได้มาเพื่อทำร้ายพวกเจ้า แต่มาเพื่อที่จะช่วยเหลือ”

ราชาผีเสื้อปีกมายามีศักยภาพและความแข็งแกร่งระดับทอง ความฉลาดของมันจึงไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์เท่าไหร่ มันจึงสามารถเข้าใจที่ลั่วอู๋พูดได้ทั้งหมด

“จึด …”

ราชาผีเสื้อปีกมายาโบกสะบัดหนวดของมัน

ผีเสื้อปีกมายาตัวอื่นกระจายออกไปอย่างช้าๆ แต่พวกมันก็ยังคงล้อมรอบตัวของราชาเพื่อรอคำสั่งต่อไปของมัน

ลั่วอู๋เดินไปที่ราชาผีเสื้อปีกมายาแล้วพูดว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะกำลังบาดเจ็บสาหัส และข้าช่วยเจ้าได้”

ทว่าราชาผีเสื้อปีกมายานั้นสั่นปีกและดูเหมือนจะส่ายหัวปฏิเสธ

ลั่วอู๋สับสนเล็กน้อย

มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดหรอกเหรอ

มันปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา หรือมันกำลังปฏิเสธว่ามันเจ็บปวด?

ลั่วอู๋หยิบกริชที่ลงตราวิญญาณไม้ออกมาแล้ววางลงบนพื้น “อาวุธนี้มีความสามารถในการรักษาบาดแผลลองใช้มันดูสิ”

ราชาผีเสื้อปีกมายาไม่ได้ขยับตัว มันเพียงแต่อยู่นิ่ง ๆ ใกล้กับลั่วอู๋ หนวดสองอันสั่นระริกราวกับรับรู้อะไรบางอย่าง

จากรอบ ๆ ตัวของราชาผีเสื้อปีกมายา ดูเหมือนว่าลั่วอู๋จะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่กำลังสับสนอยู่มากกว่า

มันเป็นเรื่องแปลกเพราะสิ่งนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับสัตว์วิญญาณ

ดวงตาของลั่วอู๋มองลงไปที่หน้าท้องของมันโดยไม่ได้ตั้งใจ บาดแผลบนร่างของราชาผีเสื้อปีกมายาไม่ได้ดูน่ารังเกียจ แต่กลับใสดั่งคริสทัลและงดงามราวกับงานฝีมือ

แสงสีแดงที่ท้องราชาผีเสื้อปีกมายานั้นสว่างไสวและมืดลงราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะแตกออกมาจากร่างกาย

ทันใดนั้นร่างกายของมันก็สั่นสะท้าน แสดงความรู้สึกอันเร่งด่วนและความตื่นเต้นที่พรั่งพรู

ลั่วอู๋รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเองก็กำลังทำความเข้าใจกับอะไรบางอย่างในตัวเองเช่นกัน

พอเป็นแบบนี้ลั่วอู๋จึงทำได้เพียงแค่ ลองเอาสินค้าทุกอย่างของเขาออกมา ไม่ว่าจะยาเม็ดหลายชนิด มีดสั้นลงตราวิญญาณ รวมถึงโล่สองชั้นและอาหารแห้ง

ราชาผีเสื้อปีกมายา มองหาบางอย่างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นด้วยปากของมันที่เหมือนกับเส้นฟางก็ได้ดูดยาบางส่วนออกไป

ลั่วอู๋จับจ้องไปที่ยาเหล่านั้น

ยาวิญญาณระดับมิติ 4 ยารวบรวมพลังวิญญาณ

นี่คือเม็ดยาที่สังเคราะห์โดยลั่วอู๋ผลคือทำให้พลังวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นและทำให้พลังวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น หมายความว่าจะสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ดีมากขึ้น

ยาวิญญาณชนิดนี้ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสัตว์วิญญาณ หากพลังวิญญาณไม่บริสุทธิ์เพียงพอย่อมทำให้เกิดอุปสรรคอย่างมากในการฝึกฝนเพื่อพัฒนาระดับวิญญาณ

เขาไม่คาดคิดว่าราชาผีเสื้อปีกมายาจะกินยาเม็ดนี้

“เจ้าต้องการสิ่งนี้งั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “รอก่อนนะ ข้ามียาพวกนี้อยู่เยอะ”

จากนั้นลั่วอู๋ก็เข้าสู่มิติไห

ยาซวนเป็นยารวบรวมพลังวิญญาณเป็นสูตรที่ลั่วอู๋ค้นพบด้วยตัวเอง ตราบใดที่มีวัตถุดิบเขาก็สามารถสังเคราะห์มันเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง โชคดีที่เขามีสมุนไพรที่ต้องใช้อยู่เป็นจำนวนมาก

ไทไป่และเทากูเชา

นี่คือสูตรของยาซวน ซึ่งเป็นยารวบรวมพลังวิญญาณเช่นกัน

หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที ลั่วอู๋ก็ออกมาจากมิติไหพร้อมกับยิ้ม และถือยาซวนเม็ดสีเขียว100 เม็ดออกมา “ทั้งหมดนี้เพื่อเจ้า”

ราชาผีเสื้อปีกมายากระพือปีกอย่างไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนว่ามันจะตื่นเต้นมาก มันดูดกลืนยาซวนทั้งหมดเข้าไป

ลั่วอู๋สะดุ้ง

เดิมทีแล้ว มันไม่น่าจะสามารถรับประทานยานี้ในลักษณะนี้ได้ มันรุนแรงพอที่จะฆ่าคนได้หากกินมากเกินไป

หลังจากนั้นราชาผีเสื้อปีกมายาก็ไม่พูดอะไร มันหันกลับมาและบินจากไป มันค่อยๆบินออกไปไกลอย่างช้าๆ

รอบข้างว่างเปล่าท้องฟ้าในระยะไกลสว่างขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นหมู่เมฆสีขาว

ดูเหมือนว่ามันจะเข้ารุ่งสางแล้ว

ลั่วอู๋ตัวแข็งอยู่ที่เดิม หลังจากผ่านไปนานด้วยความโล่งใจเขาก็เริ่มคิดได้ แค่นี้เองเหรอ? ข้าเพิ่งให้ยามากมายกับเจ้าไปนะ

“นี่ … ” ลั่วอู๋อยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาไหลออกมา “หมายความว่ายังไงเหรอ?”

“ ลืมมันไปซะน่าจะดีกว่า” ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ลั่วอู๋ถอนหายใจและกลับไปพร้อมกับทุกคน

เจิ้งซีและพรรคพวกยังคงรอพวกเขาอยู่

เจิ้งเว่ยเดินออกมาข้างหน้าอย่างมีชีวิตชีวา “เจ้ากลับมาแล้ว ต้องขอบใจเจ้าจริงๆไม่อย่างนั้นพี่ชายของข้าและข้าคงจะถูกจับตัวไป”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่คิดมาก” ลั่วอู๋ไม่ได้สนใจ

เจิ้งซีเข้ามาและมอบยาคูฉินคืนให้กับลั่วอู๋ ซึ่งมันได้สลายไปจนเกือบหมดแล้ว เขายิ้มและขอบคุณลั่วอู๋อย่างผิดธรรมชาติ “ขอบคุณ”

ลั่วอู๋รับยาคูฉินกลับมาและตอบรับคำขอบคุณจากอีกฝ่าย

“ เดินทางเข้ามาตั้งนานแล้ว แต่เรายังไม่ได้อะไรกลับไปเลย” ฉูจงฉวนกล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ข้าไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าภูตทะเลทรายอยู่ที่ไหน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้พี่น้องเจิ้งก็ตกตะลึง

“ท่านเองก็กำลังตามหาภูตทะเลทรายอยู่เหมือนกันเหรอ?” เจิ้งซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ