ตอนที่ 155 ไม่ยอม
เขาหันมองเธอแล้วเผยรอยยิ้มออกมาเงียบๆ
ป๋อจิ่งชวนเดินเข้าไปใกล้ห้องแต่งตัว สายตาสอดส่องไปมาก่อนจะเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง
“สวมชุดนี้”
“ค่ะ” เธอรับมันมาอย่างไม่อิดออดแล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อไป
ไม่นาน หลังจากที่เธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมา
ชุดสูทตัวเล็กยาวคลุมเข่าสีน้ำเงินเข้มกางเกงขาม้า สง่า สบาย และภูมิฐาน
เธอล่ะชอบความตาถึงของเขาเสียจริงๆ ทุกอย่างที่เขาสรรหามาให้เธอล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเธอ ไม่เพียงแต่จะไม่บังคับให้เธอต้องแต่งตัวในแบบที่ใช่ แต่กลับปล่อยให้เธอแต่งตัวในสไตล์ที่ต้องการ
ชุดๆ หนึ่งที่เหมาะกับตัวเอง มักจะทำให้ผู้คนต่างก็ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ
“สายตาคุณ…ควรได้รับคำสรรเสริญจริงๆ ” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำชื่นชม
เขามองท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
“ถูกต้อง เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้เลือกคุณ”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก “ทานมื้อเช้ารึยัง”
“ยัง”
“ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ฉันจะไปต้มบะหมี่ให้”
“อืม”
–
เมื่อทั้งสองทานมื้อเช้าเสร็จก็เดินเคียงคู่กันลงมาชั้นล่าง
อวี๋ซงเห็นทั้งคู่มาแต่ไกล พวกเขาอยู่ในสูทที่น้ำเงินเข้มแบบเดียวกัน
ชายหนุ่มอยู่ในลุคสูงศักดิ์ หญิงสาวดูเปี่ยมไปด้วยความสามารถ
แต่กลับดูเป็นคู่ที่แปลกเป็นพิเศษ
ป๋อจิ่งชวนไปส่งเฉินฝานซิงก่อน ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกไปจากรถนั้น จู่ๆ เขากลับเอื้อมไปจับมือของเธอเอาไว้แล้วรั้งเธอกลับเข้ามา
“มีอะไร”
เขาโน้มตัวลง ก่อนที่จะประทับจูบลงบนปากของเธออย่างนุ่มนวล
เธอถูกจูบ ขณะที่กำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น
“คุณเป็นอะไร”
เขากดหน้าผากของเธอพลางลูบไล้แก้มนุ่มด้วยนิ้วของเขา น้ำเสียงแหบพร่าดูมีเสน่ห์แต่กลับฟังดูเศร้าหมอง
“อีกเดี๋ยวผมต้องไปดูงาน”
เธอหรี่ตามอง “ทำไมเพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้”
“ไม่อยากบอก ตอนนี้ก็ไม่อยากบอก” เขากระชับเอวเธอแน่น หน้าผากที่กดลงไปผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
ใครก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจกันทั้งนั้นเธอเข้าใจดี
“ไปไหน ไปกี่วัน”
“ยุโรป ประมาณหนึ่งอาทิตย์”
ไร้เสียงตอบรับ
เฉินฝานซิงลดสายตาลงพร้อมกับหัวใจที่หล่นวูบ อัดแน่นไปด้วยความไม่ยินยอม
เธอเข้าใจดีว่าความรู้สึกเช่นนี้มันรุนแรงแค่ไหน
เพราะก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยสัมผัสมันมาแล้ว
ระยะเวลาที่คบกับซูเหิง เธอและซูเหิงต้องไปทำงานต่างที่บ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดาแต่ไม่เคยลังเลขนาดนี้มาก่อน
อีกอย่างเวลาหนึ่งสัปดาห์สั้นๆ เธอเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจู่ๆ การอยู่ด้วยกันกับเขาจะซึมซับลงไปได้มากเพียงนี้
“งั้้น…ฉันจะรอคุณกลับมานะ”
เสียงทุ้มนุ่มทำเอาคนฟังตกตะลึงจนไม่อาจหาคำบรรยาย
เพราะต้องพรากจาก
“ไปเถอะ”
สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็เป็นคนเอ่ยพูดขึ้น เพราะเกรงว่าหากเธอยังไม่ไปเขาคงจะฉุดเธอไปสนามบินพาออกนอกประเทศไปพร้อมกัน
“อื้ม…คุณดูแลตัวเองนะ”
“ครับ” เขาฉีกยิ้มพลางลูบลงบนเส้นผมของเธอ
ก่อนจะมองดูเธอที่่เปิดประตูลงจากรถไป
ตอนที่ 156 บังเอิญเจอกัน
ตั้งแต่ที่ได้รับข้อความว่าป๋อจิ่งชวนขึ้นเครื่องไปเมื่อเก้าโมง อารมณ์ที่หดหู่อยู่แล้วของเฉินฝานซิงกลับดิ่งลงยิ่งกว่าเก่า
สวี่ชิงจือเองก็แวบไปแวบมาทั้งวันอย่างกับเทพมังกร ถ้าไม่ใช่เพราะต้องพบปะผู้คนก็เพราะมัวแต่ทำงานในออฟฟิศอย่างบ้าดีเดือด
เฉินฝานซิงในชุดกาวน์สีขาว กำลังทดลองผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าภายในห้องปฏิบัติการวิจัย
เธอออกจากห้องทดลองไปก่อนจะถึงเวลาเที่ยงวัน เธอเพิ่งจะกลับเข้าไปในออฟฟิศ จู่ๆ สวี่ชิงจือก็บุกพรวดเข้ามา
“ไปกัน! ฝานซิง ชดเชยมื้อเที่ยงของเมื่อวาน”
แม้แต่คำพูดยังรัวเหมือนปืนกล รวดเร็วจนทำเอาคนฟังไม่มีโอกาสได้พูดสักแอะ
“ก็แค่มื้อเที่ยง เธอต้องกังวลขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ต่อให้ฉันจะยุ่งอีกสักแค่ไหนฉันก็ต้องได้กินมื้อเที่ยง ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์นะ มีร้านอาหารเปิดใหม่บรรยากาศดีอยู่ที่เฉิงตง พวกเราลองไปดูกันเถอะ”
สวี่ชิงจือขับรถพลางสนทนากับเธอไปด้วย
“เธอเห็นไหม ในที่สุดเราสองคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก นี่ขนาดอยู่บริษัทเดียวกันนะ วันๆ หนึ่งได้เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง จริงๆ เล๊ย…เฮ้อ…”
เสียงทอดถอนหายใจดังออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
หัวใจของเธอเองก็รู้สึกหน่วงๆ ไม่แพ้กัน
“แหงล่ะ ก็โตๆ กันหมดแล้วนี่นะ แถมทุกคนต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพราะมันเป็นวัยที่ต้องหาเลี้ยงตัวเอง”
“อ้อ…ฉันนึกออกแล้ว เร็วๆ นี้ก็จะครบรอบร้อยปีการสถาปนาวิทยาลัยของทีเกา พวกเราไปด้วยกันเถอะ ไม่ได้เจอกันนาน ไปดูกันว่าทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง! ดูสิว่าเจ้าชายในฝันของฉันจะขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นบ้างไหม!”
เฉินฝานซิงยิ้มขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดที่แฝงเลศนัยอย่างเห็นได้ชัดของสวี่ชิงจือ….
ทีเกา…
เป็นที่รู้ทั่วกันว่าวิทยาลัยทีเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศ
ด้วยระบบการศึกษาที่เป็นเอกลักษณ์ บุคลากรทางด้านการศึกษาที่เข้มแข็ง การจัดระบบวิชาการอันเป็นที่เลื่องลือแถมยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ของบรรดาลูกท่านหลานเธอจำนวนไม่น้อย
ครบรอบหนึ่งร้อยปีแห่งการสถาปนาสถาบันของทีเกา คงเลี่ยงไม่เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันส่วนหนึ่งไม่ได้
สวี่ชิงจือเองก็จงใจเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น แต่มีหรือที่เฉินฝานซิงจะฟังไม่ออก
เฉินฝานซิงนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน สวี่ชิงจือเองก็มองเธอด้วยดวงตาหม่นหมอง
“ฝานซิง พวกเราล้วนเติบโตมาในผิงเฉิง แวดวงสังคมทั้งหมดก็อยู่ในโรงเรียนนั้นด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมต้องหลีกเลี่ยงด้วยล่ะ!”
“เปล่า ฉันขอคิดแป๊บหนึ่ง”
“ไม่เห็นจะต้องคิดเลย…”
เสียงพึมพำของเพื่อนรัก ทำเอาเธอต้องเผยยิ้มออกมา “ว่าแต่พอพูดถึงพ่อเทพบุตรของเธอ…ชิงจือ เธอหมายถึง…หลีม่อเหรอ”
สวี่ชิงจือเม้มปากเงียบ
“เขาอยู่ที่หรงเฉิงใช่ไหม จะมาได้เหรอ?”
“มาได้สิ! เพราะในงานสถาปนาวิทยาลัยมักจะมีพวกที่ไม่น่าปรากฏตัวมาปรากฏตัว!”
คำว่าคนที่ไม่น่ามาในประโยคนี้คงไม่ได้หมายถึงคนคนเดียว!
ร้านอาหารที่เฉิงตงที่เพิ่งเปิดกิจการ การประชาสัมพันธ์ของร้านดีพอสมควร แถมคนก็ไม่ใช่น้อยๆ
สวี่ชิงจือจองที่เอาไว้แล้ว ทั้งสองจึงตรงเข้าไปนั่งในที่ที่จับจองเอาไว้
แต่หลังจากที่พวกเธอเริ่มทานอาหารไปได้ไม่นาน ร่างเพรียวร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวข้างๆ พวกเธอ
“พี่คะ พี่เองก็มากินข้าวที่นี่เหรอ?”
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมอง เฉินเชียนโหรวกำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ท่าทีเสแสร้งแบบนี้…
เฉินฝานซิงเลื่อนสายตามองเบื้องหน้าก็พบกับซูเหิงในชุดสูท สองเท้าของในรองเท้าหนัง กำลังก้าวเข้ามาทางนี้
เธอมองซูเหิงที่ค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
“ฝานซิง…” ซูเหิงเองก็ประหลาดใจไม่น้อย เพราะเขานึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเฉินฝานซิงที่นี่
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงไม่คิดจะเสวนาพาทีกับพวกเธอ เฉินเชียนโหรวจึงส่งสายตาน้อยใจไปให้ซูเหิงพร้อมกัดริมฝีปาก
“พี่คะ มะรืนนี้บ้านเราจองห้องอาหารข้างนอกเอาไว้ คุณย่าเองก็อยากให้พี่ไปด้วย…”
เฉินเชียนโหรวนิ่งไปก่อน เพราะกลัวว่าจะถูกพี่สาวปฏิเสธจึงรีบเสริมขึ้น
“อาจจะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับงานครบรอบของบริษัท พี่คะ คุณปู่ก็แบ่งหุ้นส่วนให้พี่ไปไม่น้อย เรื่องของบริษัทท่านก็หวังว่าพี่จะเก็บเอามาใส่ใจให้มากๆ …”