ตอนที่ 63 อย่าคิดทำให้ทะเลสาบข้าต้องแปดเปื้อน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “อีกไม่นานข้าก็จะอายุสิบหกปี โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สินสอดนี่ก็สามารถที่จะพอยื้อเวลาเอาไว้ได้ เห็นแก่การที่ฝ่าบาทต้องเหน็ดเหนื่อยกับการปกป้องดูแลข้ามาครึ่งปี  หนี้สินที่ติดค้างอยู่ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย แต่ข้าขอให้พระองค์คืนมันให้ครบจำนวนก่อนที่ข้าจะบรรลุนิติภาวะ  ฝ่าบาท พระองค์คิดเห็นเช่นไร ?”

เส้นเอ็นบนหน้าผากซวนหยวนจือกระตุกอย่างแรง

“ซีเอ๋อร์ เวลาที่เจ้าจะบรรลุนิติภาวะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เหลืออีกเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น ข้าเกรงว่าภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ข้าคงจะรวบรวมเงินมากมายขนาดนั้นไม่ไหว”

อันที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะการพูดต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ แต่ซวนหยวนจือจนปัญญา อย่างไรเขาก็ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ครบจริง ๆ

อย่าว่าแต่สามเดือนเลย ต่อให้คืนในสามปี แม้เขาจะเป็นเจ้าแคว้นก็ยังไม่สามารถทำได้

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก “คืนไม่ครบรึ ? เช่นนั้นข้าก็ไม่ทำให้พระองค์ลำบากใจแล้ว”

ซวนหยวนจือตกตะลึง ในตอนแรกมู่เฉียนซีพูดจากดดันให้ลำบากใจ แต่กลับมาพูดดีเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?

“เอาอย่างนี้แล้วกัน!ได้ยินมาว่าราชวงศ์ของแคว้นจื่อเยี่ยมีสวนสมุนไพรขนาดใหญ่ ช่วงนี้ข้ามีความสนใจในเรื่องการปรุงยา ฝ่าบาท พระองค์นำสมุนไพรวิญญาณนั่นมาจำนองกับข้าสิ ถือว่าใช้แทนครึ่งนึงของส่วนน้อยนั่นแล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงใส ใบหน้าเยาว์วัยของนางเปื้อนยิ้ม

เป็นอีกครั้งที่ทำให้มุมปากของทุกคนกระตุกอย่างแรง ปรุงยารึ ? มิใช่เรื่องที่ผู้ใดจะฝึกหัดกันได้ง่าย ๆ นึกไม่ถึงว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะมาสนใจวิชาชีพที่ผลาญเงินเช่นนี้

นางคงจะไม่ขอสมุนไพรวิญญาณในสวนหลวงกับฝ่าบาท เพียงเพื่อให้นางนำไปใช้ฝึกปรุงยาได้อย่างสุรุ่ยสุร่ายทั้งหมดใช่ไหม ?!

แท้ที่จริงแล้วสวนสมุนไพรหลวงของแค้วนจื่อเยี่ยก็มีคุณค่าทางเงินตราเทียบได้กับเงินที่ยืมมู่เฉียนซีไป เพื่อที่จะรีบจบบทสนทนาที่ทำให้เขาไม่สบายใจในงานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งนี้  ซวนหยวนจือจึงคิดตอบตกลง

“เสด็จพ่อ!”

ในตอนนี้เอง ซวนหยวนหลี่ซางทนไม่ไหว เปิดปากกล่าวขึ้น “หากสมุนไพรวิญญาณในสวนหลวงถูกผู้หญิงมือเติบอย่างมู่เฉียนซีทำสิ้นเปลือง มันช่างน่าเสียดายเกินไปจริง ๆ”

ซวนหยวนจือ “ซางเอ๋อร์ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อซีเอ๋อร์มีความต้องการเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าต้องทำให้นางพอใจ”

มู่เฉียนซียิ้มพึงพอใจ เก็บข้าวของสัมภาระอื่น ๆ ไปพลาง กล่าวไปพลาง “เช่นนั้นข้าขออนุญาตฝ่าบาทให้คนพาข้าไปที่สวนสมุนไพรทีเถิด”

นางแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ไปสวนสมุนไพรหลวง สมุนไพรวิญญาณในสวนหลวงนั้นอุดมสมบูรณ์และหลากหลายเป็นอย่างมาก ขอเพียงนางสามารถเข้าถึงสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายในนั้นได้  ยาชนิดใหม่ ๆ ใด ๆ นางก็หลอมก็ปรุงออกมาได้ไม่น้อย ไหนจะโอสถพิเศษ นางก็ปรุงออกมาได้ไม่น้อยเช่นกัน

“มานี่! จงพาซีเอ๋อร์ไปที่สวนสมุนไพรหลวง” ซวนหยวนจือกล่าวสั่งข้ารับใช้

หลังจากที่มู่เฉียนซีเดินจากไป ซวนหยวจือลอบกล่าวเบา ๆ “ในที่สุดนางเจ้าหนี้ปีศาจก็ไปได้เสียที”

ไม่พอ ซวนหยวนจือยังโบกสะบัดมืออย่างไร้เรี่ยวแรง กล่าวว่า “งานเลี้ยงเลิกแล้ว ทุกท่านแยกย้ายกันเถอะ”

ณ ตอนนี้ทุกคนต่างก็ได้พบว่า เยี่ยอ๋องผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้ที่สุด ไม่รู้ว่าได้ออกไปจากงานเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไร

เหตุการณ์กลับมาสงบไร้คลื่นอารมณ์

“ฮู่วววว!” หลายคนถอนหายใจยาวประหนึ่งดันลมในปอดออกมาทั้งหมด  ค่ำคืนนี้ช่างมีเรื่องให้ตื่นตะลึงมากเสียจริง

มู่เฉียนซีกับเยวี่ยเจ๋อเดินตามขันทีคนสนิทของซวนหยวนจือไปที่สวนสมุนไพรหลวงอย่างรวดเร็วดั่งบินได้ เยวี่ยเจ๋อสังเกตเห็นได้ว่าเวลานี้พี่ใหญ่ของเขาดูจะเบิกบานใจเป็นพิเศษ นางดูมีความสุขมากว่าตอนที่ประลองยุทธ์ชนะโอวหยางเหว่ยหรือตอนที่เรียกค่าสินสอดราคาสูงเสียดฟ้าเสียอีก

แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดจะสามารถทำให้นางตื่นเต้นไปได้มากกว่าวัสดุและวัตถุดิบในการปรุงโอสถ  เงินทองเป็นเพียงของนอกกาย แต่ทว่าโอสถนั้นเป็นสิ่งที่นางโปรดปรานจับจิตจับใจตั้งแต่ไหนแต่ไรมา

เมื่อขันทีเกาแสดงบัตรผ่าน ทหารระดับราชาแห่งภูตที่รักษาการณ์อยู่ก็ยอมให้เข้าไปในสวน

มู่เฉียนซี “เยวี่ยเจ๋อกับท่านเการออยู่ที่ด้านนอก ข้าเข้าไปข้างในประเดี๋ยวจะออกมา”

สวนหลวงบนเนื้อที่ผืนใหญ่ มีสมุนไพรวิญญาณชนิดทั่วไปมากกว่าพันชนิด และจำนวนของมันก็มากมายเหลือคณานับ เอาออกมาคงไม่หมด  อย่างมากคงเก็บสมุนไพรอกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นนั้นแล้วฮ่องเต้จึงได้วางใจปล่อยให้นางเข้าไป

เมื่อรอนางไปแล้วก็จะมีคนมาเก็บสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด ครั้งต่อไปที่นางต้องการมาเก็บสมุนไพรแล้วหาไม่เจอ ก็ไม่ถือว่าเขาไม่รักษาสัญญา

‘หึ ๆ!’ มู่เฉียนซีหัวเราะในใจ นางรู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าอย่างซวนหยวนจือจะมาไม้ไหน นางจะเก็บสมุนไพรในสวนหลวงไปทั้งหมดในคราวนี้คราวเดียว

“อาถิง เราสามารถเปิดที่ว่างของเจ้าสำหรับสวนสมุนไพรได้หรือไม่ ? ข้าอยากหาทางเอาสมุนไพรทั้งหมดนี่ยัดเข้าไปให้หมด”

“ฮะ ?!” อาถิงร้องเสียงแหลม “หญิงโง่! นี่เจ้าจะมาสร้างมลทินให้ทะเลสาบของข้าอีกแล้วรึ ?!  ข้าทำเวรทำกรรมกับเจ้ามาแต่ชาติปางไหนกัน ?”

อาถิงพร่ำบ่นต่อไปแต่มู่เฉียนซีมีหรือจะสนใจ

พื้นที่ของอาถิง นอกจากมีศาลาเล็ก ๆ แล้ว ยังมีทะเลสาบไร้ซึ่งขอบเขตอยู่ด้วย

เหมือนว่าอาถิงจะห่วงหวงทะเลสาบนั้นเป็นพิเศษ เมื่อคราวก่อนตอนที่นางได้ล้างไขกระดูกสันหลังแล้วมีคราบสกปรกออกมาจนทำให้ทะเลสาบของอาถิงสกปรก อาถิงเข้าไปถีบนางออกอย่างไม่เกรงใจ

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเข้มขรึม “ข้าจะย้ายพวกสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ หากเจ้าไม่ยอมละก็ ข้าว่าไปหาจื่อเยี่ยแล้วยกเจ้าให้เขาไปก็แล้วกัน เขาเก่งเสียขนาดนั้นน่าจะมีวิธีลบล้างพันธสัญญาระหว่างเราได้”

จิตใจอาถิงรู้สึกมืดฟ้ามัวดินขึ้นมาในทันใด

“มู่เฉียนซี เจ้ามันร้ายนัก คิดจะส่งให้ข้าไปอยู่กับชายที่น่ากลัวเช่นนั้นอีกแล้วรึ?เจ้าหัดเปลี่ยนลูกเล่นในการขู่ข้าบ้างได้ไหมเล่า ?!”

“พูดมาก สรุปเจ้าจะทำไม่ทำ ?”

“ข้ายังมีทางเลือกที่สามด้วยรึ ?”

“ไม่มี”

“หึ!”

“เหอะ!”

เกิดความเงียบอยู่นาน ในที่สุดอาถิงก็ยอมพ่ายแพ้ เขาคงไม่อยากตกอยู่ในน้ำมือของชายที่น่ากลัวผู้นั้น

“ก็ได้ ๆ ๆ! ข้าจะรีบย้ายที่ออกมาให้เจ้าผืนนึง เมื่อพลังวิญญาณของเจ้าปกคลุมไปทั่วท้องสวนสมุนไพร ก็สามารถนำมันออกมาได้”

“ทำถูกแล้ว!” มู่เฉียนซียิ้มอย่างมีความสุข

พลังจิตของมู่เฉียนซีปกคลุมไปทั่วทุ่งสมุนไพร แม้แต่นักปรุงยาระดับกลางก็ยังไม่มีพลังวิญญาณมหาศาลขนาดที่จะแผ่ให้ปกคลุมไปทั่วทั้งสวนสมุนไพรได้ แต่มู่เฉียนซีกลับทําได้อย่างง่ายดาย

เพียงชั่วพริบตาเดียว สวนสมุนไพรที่เดิมทีมีหญ้าวัชพืชนับพันต้นมากระจุกอยู่ด้วยกัน กลับไม่มีวัชพืชเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว

และเมื่อมู่เฉียนซีใช้ความรู้สึกทางวิญญาณมองไปยังศาลาเลือนรางเก้าชั้น ก็เห็นเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งลอยอยู่บนทะเลสาบ บนเกาะแห่งนั้นมีสมุนไพรวิญญาณที่นางเก็บมาจากสวนหลวงอยู่บนนั้น

ด้านล่างนั่นเป็นน้ำแห่งวิญญาณ  สมุนไพรวิญญาณที่ถูกน้ำแห่งวิญญาณไหลนองเข้าไปท่วมเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลาหนึ่งวันในที่แห่งนั้นเทียบได้กับเวลาหนึ่งปีในโลกภายนอก ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นสถานที่ล้ำค่าแห่งสมุนไพรวิญญาณ

ดวงตาของมู่เฉียนซีส่องประกายเมื่อมองดูมัน

สำหรับอาถิงที่เป็นผู้ทำพันธสัญญา กลับมีความรู้สึกธรรมดา ๆ  เขาพูดขึ้นเหมือนผู้ที่หวงของ “หญิงโง่ การถางเปิดทางขึ้นมาผืนหนึ่งนั้น มันใช้ความสามารถของข้าถึงขีดสุดไปแล้ว เจ้าไม่สามารถเปิดใช้ทะเลสาบวิญญาณของข้าได้อีก

ภายภาคหน้าหากทะเลสาบแห่งวิญญาณเต็มไปด้วยต้นสมุนไพรจนไม่สามารถมองเห็นน้ำใส ๆ นั้นได้ อาถิงคิดว่าตัวเขาคงจะเป็นบ้า

“มู่เฉียนซี เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก!”

“ฮี่ ๆ เจ้ายอม ๆ เถอะ  เดี๋ยวสักพักข้าออกจากวัง จะไปคุยกับจิ่วเยี่ยเสียหน่อย ในเมื่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ผู้ทำพันธสัญญายังไม่ยอมช่วย ต่อให้เป็นอาวุธที่ร้ายกาจสุดในตำนาน แต่หากช่วยอะไรข้าไม่ได้ จะเก็บไว้ข้างกายก็คงไม่มีประโยชน์อะไร” มู่เฉียนซีกล่าวออกมา ทำสีหน้าท่าทีราวกับแสนหนักใจ

“มู่เฉียนซีสตรีตัวร้าย ข้าเกลียดเจ้าจริง ๆ”

ด้วยความจนปัญญา อาถิงบุกเบิกเกาะที่กว้างขวางขึ้นมาอีกเกาะหนึ่ง แล้วจึงกล่าวเตือนน้ำเสียงดุดัน “ในตอนที่เจ้ายังไม่มีพลังมากพอในการบุกเบิกเข้าขั้นที่สอง ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าทำให้ทะเลสาบวิญญาณของข้าเสียหายอีกเป็นอันขาด”

“ได้! บุกเบิกพลังได้ถึงขั้นที่สองก็ขั้นที่สอง”

คราวนี้มู่เฉียนซีไม่ได้ดึงดันเหมือนเก่า  สายตาของนางเป็นประกายมองทอดผ่านไปยังสวนสมุนไพรวิญญาณ

“แม้ที่นี่จะมีสมุนไพรวิญญาณหลากชนิด แต่ก็ไม่เหมือนกับเรื่องลับที่ข้าได้ยินมาเลย สมุนไพรวิญญาณทั่วไปพวกนี้ไม่มีราคาพอจะเทียบกับหนี้ที่ฮ่องเต้ติดค้างข้าได้ แคว้นจื่อเยี่ยคงไม่ถึงขั้นไม่มีแม้แต่สมุนไพรวิญญาณระดับต้น ๆ หรอกกระมัง ?”

.