หลังผ่านไปหนึ่งเดือน เป็นงานเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีอีกปีหนึ่ง

ยังคงมีเสียงเพลงดังสนั่น หิมะตกนั้นเป็นลางบอกว่าปีหน้าจะอุดมสมบูรณ์

ลู่ฝานนั่งตรงที่นั่งตำแหน่งหลัก มองลูกหลานตระกูลลู่ ทดสอบอยู่ด้านล่างอย่างต่อเนื่อง

ปีที่ผ่านๆ มา ลู่ฝานก็อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ ชกหมัดไปที่หินศิลาดำ แต่ปีนี้ เพราะพละกำลังของเขา เกินกว่าขอบเขตที่หินศิลาดำจะทดสอบได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องทดสอบต่ออีกแล้ว นั่งเงียบๆ อยู่ตรงที่นั่งหลักกับผู้เป็นพ่ออย่างลู่หาว เหมือนเขาไม่ใช่รุ่นเด็กของตระกูลลู่ แต่สองสามวันมานี้ สายตาที่พวกลูกหลานตระกูลลู่มองเขา ยิ่งเหมือนมองผู้อาวุโสขึ้นไปทุกวัน

แต่ลู่หมิงกลับนั่งอยู่ตรงตำแหน่งพวกรุ่นเด็ก เหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา ลู่หมิง แบบอย่างของพวกลูกหลานตระกูลลู่ ทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา กับพละกำลังแดนฝึกร่างชั้นเก้า

แต่ปีนี้ ทุกคนไม่ค่อยตกใจหรือเชียร์พละกำลังของลู่หมิงสักเท่าไร เพราะทุกคนรู้ว่าคนที่เป็นผู้นำทางของตระกูลลู่ ถึงขนาดที่จะเป็นเจ้าตระกูลคนต่อไป ต้องเป็นลู่ฝานอย่างไม่ต้องสงสัย สายตาแต่ละคน มองไปยังลู่ฝาน ที่อยู่ด้านบน มีทั้งความเลื่อมใส อิจฉา และศรัทธา

เมื่อทดสอบเสร็จสิ้น งานเลี้ยงเริ่มขึ้น เจ้าดำวิ่งกินไปทั่ว เห็นแก่ที่มันเป็นสัตว์เลี้ยงของลู่ฝาน ทุกคนล้วนหลีกให้เจ้าดำ ให้มันกินอย่างมีความสุขจนผิดปกติ

ทุกครั้งที่ถึงงานเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี เป็นช่วงที่เด็กๆ มีความสุขที่สุด กินดื่มอย่างปลดปล่อย มีแต่ความยินดีปรีดา

“ลู่ฝาน ผ่านเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีไป นายจะต้องไปสถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว ตระกูลเตรียมเงินและสมุนไพรไว้ให้นาย เมื่อถึงตอนนั้นนายเอาไปด้วย แม้เป็นสถาบันสอนวิชาบู๊ ของพวกนี้ก็ใช้งานได้อยู่ดี”

ลู่เฮ่าหรานพูดพลาง บอกให้ลู่หาวเอาของออกมา

ลู่ฝานมองแวบหนึ่ง ด้านในเป็นสมุนไพรชั้นดี อีกทั้งยังมีการ์ดเหรียญทองอีกด้วย

แค่ห่อผ้าธรรมดาๆ แต่ด้านในเต็มไปด้วยทรัพย์สินของตระกูล

ลู่ฝานไม่ได้พูดอะไร เก็บมันเอาไว้เงียบๆ เพราะนี่เป็นกฎของตระกูล ตอนลู่หมิงไปสถาบันสอนวิชาบู๊ ตระกูลก็ทำแบบนี้ ตอนนี้ถึงตาลู่ฝานแล้ว ตระกูลก็ทำเช่นเดียวกัน

“ใช่สิ ลู่ฝาน ยาที่ได้จากน่าหลานรั่ว นายกินหรือยัง พละกำลังยกระดับขึ้นไหม” ลู่หาวยิ้มแล้วถามขึ้น

ลู่ฝานส่ายหน้า พูดว่า “ยังไม่ได้กินครับ ยาขวดนั้นเป็นยาฟื้นฟูพลัง ไม่ใช่ยาที่ใช้ยกระดับพละกำลัง เป็นยาที่ฟื้นฟูพละกำลังการต่อสู้”

ลู่หาวตอบรับอย่างเข้าใจ ฟังดูแล้ว เหมือนยาขวดนี้จะใช้งานได้มาก

แต่เมื่อพูดถึงยา สีหน้าลู่เฮ่าหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ

ลู่ฝานรู้สึกผิดปกติ ทำไม่เหมือนปู่ดูกลุ้มใจ

ลู่ฝานเอ่ยถามว่า “ปู่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

ลู่เฮ่าหรานพูดช้าๆ ว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ลู่เฟิง นายมาพูดสิ”

ลู่เฟิงพยักหน้าตอบ แล้วพูดว่า “เหมือนช่วงนี้ ตระกูลโม่เชิญผู้ฝึกชี่มาคนหนึ่ง พ่อเลยกลุ้มใจกับเรื่องนี้”

เมื่อได้ยินคำว่าผู้ฝึกชี่ ลู่ฝานแววตาวูบไหวเล็กน้อย

“ผู้ฝึกชี่งั้นเหรอ เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่เคยได้ยินเลย”

ลู่หาวขมวดคิ้วถาม

สองสามวันก่อน ลู่เทียนกังกับคนของตระกูลโม่มีเรื่องกันบนถนนเพราะสมุนไพรต้นเดียว สุดท้ายแพ้อย่างน่าเวทนา คนยังบาดเจ็บอีกด้วย เดิมทีเราคิดว่าเป็นฝีมือของคนอายุน้อย ที่เก่งกาจของตระกูลโม่อย่างโม่หยุนเฟย ไม่ก็โม่หง แต่เมื่อสอบถามดู จึงรู้ว่า

ลู่หาวพูดว่า “เพราะผู้ฝึกชี่อย่างนั้นเหรอ”

ลู่เฟิงพยักหน้าพูดว่า “ถูกต้อง เพราะผู้ฝึกชี่นั่นแหละ ฉันตรวจสอบมาแล้ว ไม่เพียงแค่โม่ไห่ ลูกหลานตระกูลโม่ล้วนได้รับผลดีจากผู้ฝึกชี่ พละกำลังเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งเหมือนว่าโม่หยุนเฟย ฝึกพลังปราณได้ เพราะยาด้วย ฉันถามลู่หมิงมา น่าจะเป็นเพื่อนที่เป็นผู้ฝึกชี่ที่โม่หยุนเฟยรู้จักในสถาบันสอนวิชาบู๊ เฮ้อ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พละกำลังโดยรวมของพวกเด็กตระกูลโม่ ต้องเหนือกว่าตระกูลลู่ของเราแน่นอน”

ลู่เฮ่าหรานยกมือขึ้นมา พูดว่า “พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว กำลังอยู่ในงานเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปี อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุข ลู่ฝาน นายเข้าสถาบันสอนวิชาบู๊แล้ว ทำความรู้จักผู้ฝึกชี่ไว้สักคนก็พอแล้ว ผู้ฝึกชี่คนหนึ่ง สามารถช่วยตระกูลเล็กๆ อย่างเราได้เยอะมาก เดิมทีโม่หยุนเฟยจะไล่ตามนาย อย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปี ตอนนี้แค่ยาเม็ดเดียว ทำให้เขาไล่ตามนายทันแล้ว หวังว่าผู้ฝึกชี่คนนั้น แค่ช่วยตระกูลโม่เอาไว้แค่นั้น ถ้าเขาอยู่ในตระกูลโม่นาน คงต้องวุ่นวายแน่”

ลู่หาวถอนหายใจตาม แล้วพูดว่า “ตระกูลโม่โชคดีจริงๆ ว่ากันว่าในสถาบันสอนวิชาบู๊ มีผู้ฝึกชี่แค่ไม่กี่คน คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคุยกันได้ แต่ผู้ฝึกชี่คนนั้นต้องกลับสถาบัน อยู่นานไม่ได้ พ่อไม่ต้องกังวล”

ลู่เฮ่าหรานพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก