ตอนที่ 98 รสจัดจ้าน:ดึงหัวไชเท้า (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เสียง ‘เปรี้ยง’ดังขึ้น พร้อมคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงสมองตนคล้ายถูกสายฟ้าฟาดแตกออกเป็นเสี่ยง สมองพลันแหลกเหลว คิดสิ่งใดไม่ออกทันที

“อะไรนะ มือหรือ!”

เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอยู่นานกว่าจะตามหาเสียงของตนกลับมาได้ ก่อนเงยดวงตางดงามที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มองไปยังพญายม

เห็นเพียงเมื่อพญายมสบเข้ากับใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความปรารถนานั้นแดงฝาดและเขินอาย

ความจริงเรื่องระหว่างชายหญิง เขาก็ไม่เคยทำมาก่อน แต่เวลานี้เขาไม่มีทางเลือก

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงแสร้งเอ่ยพลางพยักหน้าให้กับเล่อเหยาเหยา

“ใช่ ใช้มือของเจ้า!”

“แต่บะ…บ่าวทำไม่เป็น”

เห็นสีหน้าจริงจังของพญายม เล่อเหยาเหยารู้ว่าสามารถรักษาความบริสุทธิ์ของตนไว้ได้ แต่เธอต้องเสียสละสองมือนี้ของตน

เมื่อให้เลือกระหว่างความบริสุทธิ์และมือ คนโง่ต่างรู้ว่าต้องเสียสละสิ่งใด

แต่เธอไม่เคยรู้เรื่องพรรค์นี้มาก่อน ใช้มือหรือ!

มันทำเช่นไรกันแน่!

เล่อเหยาเหยาทั้งสงสัยและข้องใจ ทันใดนั้น ยกสายตาที่ลนลานไม่เข้าใจ มองไปยังพญายม

เธอกลับไม่รู้ตัวว่า เวลานี้ท่าทางไร้เดียงสาข้องใจของตน เมื่อพญายมเห็นเข้า ทำให้ในใจเขาพลันเกิดความรู้สึกอยากทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนมึนงงและไร้เดียงสาของคนตัวเล็กตรงหน้า เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันรู้สึกว่าตนเสียสติขึ้นมา

โดยเฉพาะ เมื่อสบเข้ากับดวงตาแวววาวสุกใสตรงหน้า

‘เขา’ บริสุทธิ์ดั่งกระดาษสีขาวเช่นนี้

ทำให้ใจเขาอดทนที่ทำลายคนที่บริสุทธิ์เช่นนี้ต่อไปไม่ไหว

แต่เวลานี้ทรมานอย่างยิ่ง จนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

ดังนั้น หลังจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดกลั้นอยู่นาน ก็ยื่นแขนยาวออกมา จากนั้นฝ่ามือใหญ่ก็กุมมือเล็กอ่อนนุ่มของเล่อเหยาเหยา ขณะที่เล่อเหยาเหยามึนงงตกตะลึง  มือเล็กอ่อนนุ่มของเธอนั้นก็ถูกดึงไปวางบนนกใหญ่ที่บินสูงขึ้นนั้น

“ทำเช่นนี้ ค่อยๆ ลูบมัน”

“เอ่อ”

เป็นอีกครั้งที่ได้จับนกใหญ่ เล่อเหยาเหยาจึงสับสน กังวล ตื่นกระหนก และหวาดกลัว

น้ำตานองหน้าขึ้นมา

สวรรค์!

เธอจับนกใหญ่เข้าจริงแล้ว อีกทั้งยังได้รับอนุญาตจากพญายม!

เล่อเหยาเหยาสับสนสุดขีด

โดยเฉพาะ เมื่อรู้สึกว่านกใหญ่แข็งหยาบร้อนผ่าวอยู่ในฝ่ามือ ร้อนราวกับคบเพลิง แม้จะมีผ้ากั้นไว้ แต่ความร้อนนั้นยังทะลุออกมาถึงฝ่ามือของเธอ

อีกทั้งแม้จะไม่ฉีกกางเกงนั้นออกดู เล่อเหยาเหยารู้ว่านกใหญ่นั้นขนาดมหึมาระดับใด

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ทว่ายังรู้สึกปลาบปลื้มในใจ

โชคดีที่ตอนนี้เพียงใช้มือ หากโดนนกใหญ่ขนาดมหึมานี้เข้าไป เธอต้องตายแน่นอน

ขณะกำลังคิดอยู่ในใจ หูก็พลันได้ยินพญายมเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า

“ตั้งใจหน่อย เบาๆ อ่อนโยนหน่อย”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของพญายม เล่อเหยาเหยาก็เหงื่อตก

ทว่าเพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงต้องทำตามคำพูดของพญายม รูดมือเล็กขึ้นลงอย่างช้าๆ

ทันใดนั้น ทั่วห้องจึงเงียบสนิท คล้ายเสียงเข็มหล่นลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน

แต่เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่า ใจของตนยิ่งเต้นเร็วขึ้น

เพราะเธอรู้สึกว่านกใหญ่ในมือยิ่งนานยิ่งเกรียงไกรขึ้นไม่หยุด ขณะเดียวกันมันยังดีดไปมาอีกด้วย ทำให้เธอร้องตกใจออกมา ก่อนปล่อยมือออก

หลังเห็นการตกใจของเล่อเหยาเหยา ดวงตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาของพญายมกวาดมองไปที่ใบหน้าของเธอทันที

เมื่อได้รับดวงตาเย็นชาอันร้อนแรงนั้นของพญายม เล่อเหยาเหยากังวลใจขึ้นมา ทันใดนั้น ก็ไม่สนใจว่าตนกังวลหรือไม่ ยื่นมือเล็กออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะจับนกใหญ่นั้นอีกครั้งอย่างสั่นเทา

เพราะสายตาเมื่อครู่ของพญายมบอกกับเธอ หากเธอไม่ช่วยระบายมันออกมาให้เขา เขาจะใช้มันกับเธอ

เพื่อความบริสุทธ์ เธอต้องอดทน!

ดังนั้น ภายใต้สายตาตักเตือนของพญายม เล่อเหยาเหยาต้องเสียสละมือของตนอีกครั้งอย่างไม่พอใจ

อีกทั้ง เล่อเหยาเหยายังเอ่ยย้ำในใจไม่หยุด เพื่อปลอบใจจิตใจอันอ่อนแอบริสุทธิ์ของตน

ไม่กลัว ไม่กังวล คิดเพียงว่าดึงหัวไชเท้าก็พอ ถูกต้องดึงหัวไชเท้า!

เล่อเหยาเหยาสะกดจิตตนเองไม่หยุด  ก้มหน้าลงต่ำอย่างเขินอาย ไม่กล้ามองหัวไชเท้าในมือ

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เธอยังรู้สึกว่าตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ ต่างมีสายตาอันร้อนแรงจับจ้องอยู่บนตัวเธอ

สายตานั้น ร้อนแรงดั่งนั่งบนกองไฟ ราวมีตาข่ายที่ร้อนผ่าวล้อมตัวเธอเอาไว้ ทำให้เธออดหนังศีรษะชาวาบ เหงื่อชุ่มทั่วแผ่นหลังไม่ได้

ดังนั้น แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่มองใบหน้าของพญายม แต่เวลานี้เธอก็สังเกตทุกท่วงอากับกิริยาของพญายม

โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้สึกว่าร่างกายของพญายม เริ่มร้อนแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่ และหน้าอกกำยำนั้น กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด คล้ายกำลังอดกลั้นบางอย่าง

และหูพลันได้ยินเสียงหายใจที่สับสนเข้ามา ทำให้เล่อเหยาเหยาใจเต้นระรัวยิ่งขึ้น กระทั่งฝ่ามือยังชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ไม่รู้ว่าเธอต้องดึงหัวไชเท้าไปอีกนานเพียงใด เพราะพญายมเพียงพึมพำ หายใจติดขัดเท่านั้น จึงทำให้เธออดแปลกใจไม่ได้

ดวงตางดงามอดมองจากหน้าอกกำยำขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงใบหน้าหล่อเหลาของพญายม

เห็นเพียงพญายมที่ก่อนหน้านี้เย็นชาดุจน้ำแข็งหมื่นปี เวลานี้ใบหน้ากลับแดงเลือดฝาด คิ้วงดงามนั้น เวลานี้คล้ายอดกลั้นทรมานอย่างใหญ่หลวง ขมวดแน่นจนเป็นปม

ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้น เวลานี้หรี่ลงเล็กน้อย ภายในแอบความมีปรารถนาวาบขึ้นมา

ส่วนใต้จมูกโด่งนั้น คือริมฝีปากรูปกระจับบางเฉียบ เด่นชัดสมบูรณ์แบบคู่หนึ่ง แสดงความทรมานออกมาไม่หยุด แต่ว่ากลับเหมือนมีความสุขและอึดอัด

เขากำลังทรมานหรือมีความสุขกันแน่

เธอมองเช่นไร พญายมคล้ายมีทั้งความสุขและทรมาน!  มองแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก!

เล่อเหยาเหยาไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้ อันที่จริงสิบแปดปีที่ผ่านมา เธอเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมาย แต่กลับไม่เคยเรียนเรื่องระหว่างชายหญิงพวกนี้

หลังหายหวาดกลัว และเห็นท่าทางแปลกประหลาดของพญายม ความกลัวในใจเล่อเหยาเหยาค่อยๆ สลายไป ก่อนถูกแทนที่ด้วยความแปลกใจ

อันที่จริง ท่าทางของพญายมเวลานี้ ยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น!

อีกทั้งมือของเธอ เวลานี้คล้ายเป็นรีโมทที่สามารถควบคุมอารมณ์ของพญายม

เมื่อเพิ่มน้ำหนักมือขึ้น สีหน้าพญายมดูมีความสุข ทว่าเมื่อน้ำหนักบนมือลดลง พญายมดูคล้ายไม่พอใจ

สีหน้าเช่นนี้ของพญายม ทำให้เล่อเหยาเหยาที่เห็นรู้สึกประหลาด และตื่นตระหนกในใจ และคิดว่าน่าสนใจยิ่งนัก

ดังนั้น บางครั้งเธอจึงเพิ่มน้ำหนักขึ้นหลายส่วน บางครั้งปล่อยน้ำหนักมือออก และดวงตางดงามคอยสังเกตอารมณ์ของพญายม

จนกระทั่งมุมปากโค้งกว้างขึ้น โดยที่เธอไม่รู้ตัว

แต่เธอไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่รู้

เวลานี้พญายมที่อยู่ในไฟปรารถนา ร่างกายผิดปกติ แปลกประหลาด ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับทำให้เขามีความสุข

โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของมือเล็กด้านล่างที่เคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด เลือดทั่วร่างกายเขาคล้ายพลุ่งพล่านขึ้นมา

ความรู้สึกซาบซ่านและมีความสุข ทะลักออกมาจากส่วนล่างเขาไม่หยุด

เขาอยากระบายสิ่งนี้ พร้อมโห่ร้องออกมา

เพราะความรู้สึกนี้ ช่างวิเศษยิ่งนัก

อีกทั้งเวลานี้ เขาพบว่าเดิมทีเรื่องพวกนี้ ช่างงดงามอย่างยิ่ง

แม้ใช้เพียงมือ แต่เขาไม่เคยทำมาก่อน

ใช้ชีวิตมาสิบแปดปี ในโลกของเขา เรื่องความรักแรงปรารถนาต่างถูกโยนไว้ด้านหลัง เพราะคิดว่าชีวิตช่างไร้สีสัน

แต่พอคนตรงหน้าปรากฎตัวขึ้นมา เขาคล้ายพบว่าตนเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

และคิดว่าความจริงชีวิตก็ไม่ได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้น อย่างน้อยข้างกายตนยังมี ‘เขา’

โดยเฉพาะเวลานี้!

เมื่อรู้สึกว่ามือเล็กที่อ่อนนุ่มของคนตัวเล็กนั้น เวลานี้อยู่บริเวณตรงกลางต้นขาของตน และขยับไปมาตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคบพบพานมาก่อน

ทำให้เขาอยากร้องตะโกน และปลดปล่อยบางอย่าง

ทว่าคนตัวเล็กนี้ ช่างไม่เชื่อฟังเสียจริง

เมื่อกวาดสายตาเย็นชาไป เห็นสีหน้าซุกซนของเล่อเหยาเหยาเข้าพอดี ทำให้พญายมขวยเขินและกลัดกลุ้มอีกครั้ง

ช่างน่าตายนัก รู้สึกว่าเขาถูกทำให้กลายเป็นของเล่นไปแล้ว!

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกโมโห ทว่าไม่นาน เขาคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาเย็นชาปรากฎความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

ขณะที่เล่อเหยาเหยายังเล่นดึงหัวไชเท้าอย่างสนุกอยู่นั้น เห็นเพียงพญายมพลันยื่นมือใหญ่ออกมา จากนั้นจับลงบนมือของเธอที่กำลังดึงหัวไชเท้า

“เอ่อ!”

มือเล็กของเล่อเหยาเหยาถูกมือใหญ่ของพญายมกุมเอาไว้ เล่อเหยาเหยาจึงมีสีหน้าตกตะลึง แววตาดูสงสัย

ทำสิ่งใด

หรือจะไม่ให้เธอดึงหัวไชเท้าแล้ว!

เมื่อครู่เธอกำลังเล่นอย่างสนุกสนานอยู่เลย!

เล่อเหยาเหยาคล้ายยังอยากเล่นสนุก จึงกระพริบตางดงามครู่หนึ่งอย่างน่ารัก

แต่เธอกลับไม่รู้ว่าความคิดในใจของตน เวลานี้ปรากฏออกมาบนใบหน้าเล็กของเธอจนหมดสิ้นแล้ว

พญายมจึงใจสั่นไหวเมื่อเห็น แววตาพลันระยิบระยับทันที

จากนั้น ขณะที่เล่อเหยาเหยายังไม่ได้สติ เขายื่นมือดึงกางเกงชั้นในออก แล้วนำมือเล็กของเล่อเหยาเหยากลับมาวางบนนกใหญ่ขนาดมหึมาของตนอีกครั้ง

และครั้งนี้คือเปิดเปลือย ไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้นอีกแล้ว

“เอ่อ”

เมื่อก้มลงเห็นนกใหญ่ขนาดมหึมาในมือนั้น เล่อเหยาเหยาคล้ายเสียสติ

มุมปากอดยิ้มออกมาไม่ได้

เพราะจับนกใหญ่ ไม่ใช่จับมือ

พญายม ช่างจัดจ้านเสียจริง…

เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตาออกมาในใจ อยากชักมือกลับ แต่กลัวจะรักษาความบริสุทธิ์ไว้ไม่ได้ แต่ถ้าชักมือกลับ นกใหญ่นี้ก็ดูจัดจ้านเกินไป

เล่อเหยาเหยาสับสนในใจ กระทั่งใบหน้าเรียวเล็กที่ยิ้มอย่างซุกซน กลายเป็นทุกข์ใจแทน

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ ทว่าพญายมกลับยิ้มอย่างภูมิใจ

เด็กน้อย คิดแกล้งเขาหรือ! ยังอ่อนด้อยเกินไปยิ่งนัก!

เหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดอย่างภูมิใจในใจ แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยอย่างยิ่ง

“ทำต่อไป!”

………………………….