ตอนที่ 110 ทักทายสัตว์ป่าของจริง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“โล่กำบัง!”

เจิ้งเชียนชิวตะโกนลั่น

บนกำแพงเมือง มือของทหารร่วมพันนายส่องแสงสีขาว ยกขึ้นแล้วตบไปที่ผิวกำแพง

ทันใดนั้น กำแพงเมืองก็มีม่านสีขาวบางหนึ่งชั้นปกคลุม

บัดนี้กองทัพสัตว์มาถึงตีนกำแพงเมืองและกำลังพุ่งชนแล้ว

การพุ่งชนอย่างแรงทำให้กำแพงเมืองสั่นสะเทือน แต่ไม่อาจทลายการป้องกันชั้นนี้ได้

สัตว์ประหลาดมีปีกร่วมร้อยตัวบินเหนือกำแพงเมือง อ้าปากกว้างจะเข้าไปกัดทึ้งเหล่าทหาร

ในตอนนั้นเอง เซียนกระบี่หลิงเซียวก็ก้าวเท้าออกไป ชักกระบี่แล้วตวัดฟัน ลำแสงยาวร้อยจั้งพุ่งผ่านอากาศ

ลำแสงกระบี่อันน่ากลัวทำให้มิติเริ่มสั่นไหว สัตว์ประหลาดนับร้อยถูกลำแสงกระบี่โจมตี กลายเป็นชิ้นเนื้อกองใหญ่ในพริบตา

อันหลินเพิ่งเคยเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาลงมือเป็นครั้งแรก อดพูดไม่ได้ว่าท่าทางเช่นนั้นช่างเท่เหลือเกิน!

ลูกศิษย์ใช้พลังเซียนระยะไกลโจมตีฝูงสัตว์ประหลาดบนพื้น

เพราะยามสัตว์อพยพ จำนวนของสัตว์ประหลาดเยอะและหนาแน่น

ยามพวกเขาปล่อยพลังเซียน แม้แต่แรงเล็งเป้าหมายยังเหลือเฟือ เพียงแต่จำเป็นต้องปล่อยพลังอย่างต่อเนื่อง

จอมขมังเวทย์บนกำแพงเมืองก็ปล่อยลูกไฟ ศรน้ำแข็งโจมตีสัตว์ประหลาดเบื้องล่างไม่หยุดไม่หย่อนเช่นกัน

ไม่นานก็มีสัตว์ประหลาดสองสามร้อยตัวถูกสังหาร

พลังเซียนที่มีอานุภาพร้ายแรงหนึ่งเดียวที่อันหลินใช้ได้ในตอนนี้ มีแต่หมัดสะเทือนขุนเขา

เมื่อใช้หมัดสะเทือนขุนเขา หากโชคดีละก็ จะทำให้สัตว์ประหลาดตายตัวหรือสองตัวได้

ด้วยเหตุนี้ อันหลินจึงปล่อยหมัดสะเทือนขุนเขาเจ็ดแปดครั้งอย่างไม่หยุดพัก หลังฆ่าสัตว์ประหลาดไปสิบตัวแล้ว ก็เหนื่อยจนแทบขาดใจ

เขายืนพิงกำแพงเมือง กินยาบำรุงกำลังไปสองเม็ด สังเกตสถานการณ์ศึกเงียบๆ

การดำรงอยู่ของเซียนกระบี่หลิงเซียว ทำให้สัตว์ประหลาดกลางอากาศโจมตีทหารยามไม่ได้

ส่วนสัตว์ประหลาดบนพื้น เพราะทำลายกำแพงเมืองไม่ได้ จึงกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำโดนระเบิดโจมตีใต้กำแพงเมือง

นักเรียนส่วนใหญ่ก็ยืนอยู่บนกำแพง กินยาพลางปล่อยพลังเซียนจำนวนมหาศาลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าสาแก่ใจ

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ อันหลินก็ลอบพยักหน้า

ศึกครั้งนี้…ชนะแน่!

ทว่าขณะที่เขาเพิ่งคิดว่าศึกนี้ไม่มีปัญหา จู่ๆ ก็มีหอกยาวสีดำพุ่งมาแต่ไกล

มันรวดเร็วยิ่งนัก ทิ้งร่องรอยสีดำเป็นทางยาวหลายร้อยจั้ง

สัตว์ประหลาดที่ไม่ระวังเผลอสัมผัสมัน ต่างก็ถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ

ตูม!

ม่านสีขาวถูกทลาย ประตูเมืองเหล็กบานหนาก็ถูกพลังอันน่ากลัวของหอกยาวทะลวง กลายเป็นรูใหญ่

เมื่อเห็นรูโหว่ขนาดใหญ่ เหล่าสัตว์ประหลาดก็พากันพุ่งตัวไปที่ช่องโหว่กันอย่างบ้าคลั่ง!

ใบหน้าของเซียนกระบี่หลิงเซียวขึงขังโดยพลัน ทอดมองออกไปไกลอย่างเย็นเยือก “ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ เซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋น พวกเจ้ารับผิดชอบดูแลน่านฟ้า!”

เซวียนหยวนเฉิงและซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าจริงจัง

เซียนกระบี่หลิงเซียวขี่กระบี่เหาะขึ้นฟ้า กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปไกล

ประตูเมืองถูกทลายกะทันหัน จอมขมังเวทย์จึงรัวกระสุนปืนใหญ่ใส่บริเวณประตูเมือง ขัดขวางไม่ให้สัตว์ประหลาดทะลักเข้าเมือง

พลทหารหอกนับพันรวมตัวกันที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว สังหารสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้ามาทีละตัว

เซวียนหยวนเฉิงขี่กระบี่ลอยขึ้นฟ้า พุ่งไปปลิดชีพสัตว์ประหลาดที่เหาะเหินบนอากาศ

ส่วนซูเฉี่ยนอวิ๋นกลับยืนนิ่งเหนือกำแพงเมือง กงจักรแสงจันทร์สีฟ้าลอยไปในอากาศ วาดวงโคจรที่มีอานุภาพรุนแรง ฟันสัตว์ประหลาดกลางอากาศเป็นสองท่อน

ขณะนั้นเอง อาชาสีนิลอาบไฟสีเขียวทั้งตัวก็พุ่งเข้าประตูเมือง

หอกยาวของพลหอกทิ่มแทงมัน ปานถูกเหล็กเสียบ มีเสียงดุจโลหะกระทบกัน

ลูกไฟจำนวนมากลอยเหนืออาชาสีนิล พุ่งไปหาพลทหารหอก

เหล่าทหารถูกลูกไฟโจมตี ใบหน้าเริ่มแก่ชราโดยพลัน

พลังปราณหลุดออกจากร่างของพวกเขา ภายชั่วอึดใจ ก็มีเสียงโหยหวนดังจากหลังประตูเมืองไม่ขาดสาย

“นี่…นี่มันสัตว์ภูต อาชานรก!” ทหารบางคนอุทานขึ้นมา

ทหารที่เฝ้าประตูเมืองได้ฟังก็ตื่นตระหนก ศัตรูระดับสัตว์ภูตไม่ว่าตัวใดก็รับมือได้ยาก

อาชานรกดูดพลังที่หลุดออกจากร่างของพลทหาร ใบหน้าแสดงอาการสุขสม “ชีวิตของนักพรตมนุษย์ ช่างเลิศรสเสียจริง”

แต่แม้จะเป็นสัตว์ภูต เหล่าทหารก็พุ่งตัวออกไปอย่างลืมตัวกลัวตาย

ด้านหลังพวกเขาเป็นประชาชนร่วมล้านชีวิต จำต้องรักษาที่นี่อย่างสุดชีวิต

อาวุธมากเหลือคณานับทิ่มแทงอาชานรก อย่าว่าแต่ทำอันตรายมันได้เลย จะถอยครึ่งก้าวยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“อ่อนแอเหลือเกิน ตอนนี้ให้ข้าได้กินอิ่มสักมื้อเถอะ…”

ขณะที่พูด เปลวไฟสีเขียวก็ก่อตัวเป็นพายุ เริ่มแผ่ขยายไปทั่วทุกสารทิศ

จู่ๆ ร่างองอาจผึ่งผายก็ลอยลงมาจากฟากฟ้า

กระบองสีเงินทะลวงเปลวไฟ ฟาดเข้าที่หัวของอาชานรก

อาชานรกตอบสนองอย่างรวดเร็ว กระโดดหลบไปข้างหลังทันที

ครืน!

ผิวดินสั่นสะเทือน วานรองอาจห้าวหาญตนหนึ่งเดินออกมาท่ามกลางฝุ่นตลบ มันคือราชาวานรเนตรทองแห่งเขาดอกผลนั่นเอง!

“เจ้าลิงงั่งจากแห่งหนใด ถึงได้ช่วยนักพรตมนุษย์!” อาชานรกเห็นราชาวานรอัปลักษณ์ก็พูดเสียงกร้าวทันที

“ลิงงั่งจากแห่งหนใดงั้นหรือ ข้าคือราชาวานรอัปลักษณ์จากเขาดอกผล ที่ฝันว่าสักวันจะได้ไปหาต้นแบบของข้าที่แดนตะวันตก!” ราชาวานรเนตรทองควงกระบองแล้วกระโจนใส่อาชานรก “เลิกพล่ามได้แล้ว ตายเสียเถอะ!”

เปลวไฟรอบตัวอาชานรกลุกโชน พุ่งเข้าไปหาราชาวานรเนตรทองเช่นกัน

สัตว์ภูตทั้งสองปะทะกัน ทำให้ผืนดินในรัศมีสิบจั้งแตกระแหงทันใด

เหล่าพลทหารหลีกหนีจากบริเวณที่พวกมันต่อสู้กันเป็นพัลวัน ไปสู้รบปรบมือกับสัตว์ประหลาดที่เหลือ

เมื่อมีเจ้าอัปลักษณ์กระโดดลงจากกำแพงเมือง นักเรียนหลายสิบชีวิตที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ระยะประชิดต่างก็พากันกระโดดลงพื้น ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเดินดิน

อันหลินก็กระโดดลงไปเช่นกัน กระโดดลงจากกำแพงเมืองสูงสิบจั้งช่างเป็นอะไรที่ตื่นเต้นดีจริง

แต่ตอนนี้เขาเป็นบุรุษที่มีพลังกายแห่งมรรคขั้นสิบ กายเนื้อแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อถึงพื้นก็มีเพียงสองเท้าที่สั่นเล็กน้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

“โฮก!”

ขณะนั้นเอง หมาป่าสีแดงฉานก็กระโจนใส่อันหลิน

อันหลินชักกระบี่แก้วสีทองออกมาจะฟันหมาป่า

เขาไม่ใช้หมัดสะเทือนขุนเขา แม้พลังเซียนชนิดนี้จะมีอานุภาพรุนแรง แต่ผลาญพลังปราณเป็นที่สุด สู้ศึกเป็นเวลานานไม่ได้ การต่อกรกับสัตว์ประหลาดทั่วไป ใช้เพียงกระบี่ฟันก็เพียงพอแล้ว จะได้ฝึกฝนเพลงกระบี่ด้วย

‘คู่มือรวมเพลงกระบี่พื้นฐานเฉพาะสำนัก’ ที่ซื้อมาจากเซียนหญิงเมิ่งอินในราคาห้าหินวิญญาณ เขาทำความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง

ลงมือในยามนี้ เริ่มมีมาดของมือกระบี่บ้างแล้ว

ไม่ว่าจะทะลวงจ้วงฟันล้วนมีท่วงท่างดงาม ปลิดชีพหมาป่าสีชาดตัวนั้นอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ หมีขาวยักษ์ที่แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกตัวหนึ่งกระโดดมาอยู่ตรงหน้าอันหลิน ง้างอุ้งมือแล้วตะปบลงมา

“กระบี่เทพพิฆาตไร้เทียมทาน!”

อันหลินตะโกนลั่น ลำแสงสีทองตัดอุ้งมือหมี

ตูม!

พลังมหาศาลแผ่กระจายมา เขาถูกอุ้งมือหมีตะปบจนกระเด็น

“สัตว์ภูต?”

อันหลินเพ่งมอง หมีขาวยักษ์ตัวนั้นกำลังแผ่พลังอันยิ่งใหญ่ เป็นสัตว์ภูตไม่ผิดแน่

หลังร่างของเขากระแทกพื้น ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาชั่วขณะ

เขามองหมียักษ์ที่กระโจนเข้ามาอีกครั้ง เปลี่ยนไปใช้อาวุธกึ่งเซียนอย่างกระบี่พิชิตมาร

หมีขาวยักษ์ยังคงใช้อุ้งมือตะปบ มันแฝงด้วยพลังอันหนาวเหน็บ

อันหลินไม่หลบ แต่พุ่งเข้าไปเผชิญหน้า ยกกระบี่พิชิตมารขึ้นแล้วฟันลงไปทันที

ฉัวะ!

เลือดสาดกระจาย แขนของหมีขาวยักษ์ถูกตัดจนหลุดออกมา!

“โฮก! เจ้ามนุษย์ บังอาจทำร้ายข้า!”

หลังหมีขาวเสียแขน ก็ตกใจจนถอยกรูด จ้องกระบี่ในมืออันหลินอย่างหวาดระแวง

มันคิดว่าตนหนังหนาแข็งแรง แม้จะเป็นนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณก็ยากจะฟันแขนของมันขาดได้ แต่นักพรตกายแห่งมรรคคนนี้ทำได้ ปัญหาต้องอยู่ที่กระบี่เล่มนั้นแน่นอน

อันหลินสะบัดกระบี่ รอยยิ้มมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ครืน…

ผิวดินเริ่มสั่นสะเทือน ช้างที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยหนามแหลมตัวหนึ่ง มาปรากฏตัวตรงหน้าอันหลิน จ้องเขาเขม็ง

จู่ๆ ก็มีกลิ่นอายชวนให้พรั่นใจโผล่มาด้านหลังเขา

ราชสีห์ที่แผ่รังสีทะมึนทึนทึบสองตัวกำลังเยื้องย่างมา ดวงตาแดงฉานกำลังจ้องมาที่เขา มันอ้าปากเผยคมเขี้ยวแหลมดำขลับ

หน้าผากของอันหลินเริ่มมีเหงื่อซึม

เขาพบว่า เหมือนเขาจะโดนล้อมเข้าให้แล้ว

แถมยังเป็นสัตว์ภูตถึงสี่ตัว…

ต้องรู้ว่า ในกองทัพสัตว์ครั้งนี้ จำนวนของสัตว์ภูตอาจมีไม่ถึงสิบตัวด้วยซ้ำ

ให้ตายสิ ทำไมถึงซวยขนาดนี้!

………………………..