ตอนที่ 263 ละครฉากหนึ่ง / ตอนที่ 264 ลูกสาวของคุณเหมือนคุณจริงๆ

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 263 ละครฉากหนึ่ง 

 

 

“ล่ามหวาง ระวัง!” เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่ใกล้กับหวางเมี่ยวเมี่ยวที่สุด เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนไม่อยู่แล้ว จึงยื่นมือไปประคองเอาไว้ 

 

 

พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อมบนใบหน้า 

 

 

“ไม่ใช่แค่ต้องระวังเวลาเดินนะคะ ตอนพูดก็ยิ่งต้องระวังด้วย โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างการไปรับลูกค้าที่สนามบินแบบนี้ บอกเวลาสิบโมงเป็นสิบเอ็ดโมง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะคะ” 

 

 

“…” 

 

 

“อีกอย่าง ความหมายของล่าม คือช่วยคนที่ไม่เข้าใจในภาษานั้นๆ สื่อสารได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ให้คุณทำเรื่องเจ้าเล่ห์ หรือคอยขัดคอ ถ้าไม่มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ยังไงคุณก็ต้องเสียงานนี้ไปไม่ช้าก็เร็ว และต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำ!” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ประคองหวางเมี่ยวเมี่ยวอยู่ ทั้งสองคนแทบจะตัวติดอยู่ด้วยกัน 

 

 

เธอพูดเสียงเบา ให้หวางเมี่ยวเมี่ยวได้ยินชัดเจนเพียงคนเดียวเท่านั้น 

 

 

หลังจากพูดจบ ก็ปล่อยล่ามสาวเหมือนไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

ทันใดนั้นทุกคนเห็นหวางเมี่ยวเมี่ยวถอยหลังไปเองหลายก้าว ก่อนจะนั่งนิ่งสนิทอยู่บนพื้นพร้อมสีหน้าซีดขาว 

 

 

“เป็นไปไม่ได้…ทำไมเธอถึง…” 

 

 

หวางเมี่ยวเมี่ยวเหมือนถูกกระตุ้นอะไรบางอย่าง เธอดึงสติกลับมา แล้วรีบมองไปทางเหวินหย่าไต้ 

 

 

จริงสิ เธอยังมีตัวช่วย! 

 

 

เหวินหย่าไต้เป็นผู้จัดการของแผนกประชาสัมพันธ์ ถึงแม้เหนียนเสี่ยวมู่เก่งแค่ไหร ก็ต้องยอมให้หัวหน้าของตนเอง 

 

 

ครั้งนี้เธอประเมินศัตรูต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าซูเปอร์ไวเซอร์ตัวเล็กๆ จะพูดภาษาอิตาลีได้ด้วย 

 

 

แต่ขอเพียงมีเหวินหย่าไต้อยู่ เธอไม่มีทางถูกไล่ออก… 

 

 

“ผู้จัดการเหวิน ฉัน…” 

 

 

“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ฉันจะขอคำแนะนำจากคุณชายหาน ให้เขาตรวจสอบให้ชัดเจน ปกปิดเพราะเห็นแก่เพื่อนไม่ได้ ส่วนเธอ ในเมื่อซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนพูดภาษาอิตาลีได้ ก็ไม่ต้องให้เธอคอยแปลแล้ว เธอถูกพักงานชั่วคราว รอการตรวจสอบ” 

 

 

เหวินหย่าไต้ขัดจังหวะคำพูดของหวางเมี่ยวเมี่ยวอย่างเย็นชา เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะพูดมาก 

 

 

จากนั้นก็ส่งสายตาเตือนไปอีกครั้งหนึ่งด้วย เพื่อให้ล่ามสาวออกไปก่อน 

 

 

สุดท้ายก็หันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ 

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน งานต่อไปคงต้องลำบากคุณแล้ว” 

 

 

“เป็นความรับผิดชอบของฉันอยู่แล้วค่ะ” 

 

 

สายตาของเหนียนเสี่ยวมู่มองผ่านหวางเมี่ยวเมี่ยวไป และมองเหวินหย่าไต้เป็นคนสุดท้าย 

 

 

สายตานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย 

 

 

เธอรู้สึกไปเองอย่างนั้นเหรอ 

 

 

คิดไม่ถึงว่าเหวินย่าไต้ที่ปฎิบัติกับคนอื่นอย่างอ่อนโยน และชอบปกป้องเพื่อนร่วมงาน จะจบเรื่องได้อย่างเด็ดขาดเป็นพิเศษในวันนี้ 

 

 

ราวกับกลัวว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวจะพูดมากกว่านี้… 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตาเป็นประกาย แต่ไม่นานสายตาของเธอก็สงบนิ่งดังเดิมอย่างรวดเร็ว 

 

 

จากนั้นก็เรียกเพื่อนร่วมงานกลุ่มย่อย พามิสเตอร์ลอมบาร์ดีเริ่มเยี่ยมชมบริษัทตระกูลอวี๋… 

 

 

อำนาจของบริษัทตระกูลอวี๋นั้น ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย 

 

 

หลังจากทั้งสองฝ่ายเจรจาด้านการดำเนินงานต่างๆ แล้ว มิสเตอร์ลอมบาร์ก็ตกลงร่วมงานอย่างอารมณ์ดี และเซ็นชื่อบนสัญญาทันที 

 

 

“ขอบคุณที่คุณไว้วางใจค่ะ เชื่อว่างานในอนาคตจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” เหนียนเสี่ยวมู่มองลายเซ็นบนสัญญา พลางยื่นมือออกไปด้วยความดีใจ 

 

 

เมื่อคิดดูแล้ว เธอก็เสริมอีก 

 

 

“ไม่ใช่แค่การร่วมมือในครั้งนี้นะคะ ยังมีละครที่คุณร่วมเล่นเมื่อตอนกลางวันด้วย” 

 

 

ถ้ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ยอมร่วมมือกับเธอ และตั้งใจแสดงท่าทีโมโหอย่างสุดขีดตอนจะไป หวางเมี่ยวเมี่ยวก็คงไม่ติดกับง่ายดายอย่างนี้ 

 

 

นั่นทำให้ล่ามสาวคิดว่าการร่วมมือครั้งนี้พังแล้ว และรีบร้อนกลับมารายงานพฤติกรรมของเธอที่บริษัท 

 

 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ก่อนจะจับมือของเธอพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

 

 

จากนั้นก็พูดด้วยภาษาอิตาลีขนานแท้ “จัดการปัญหาของคุณแล้ว ก็เป็นข้อดีต่อการร่วมงานของพวกเรา ตอนนี้ผมคาดหวังมาก ว่าในอนาคตคุณจะพาผมไปกินอาหารอร่อยๆ ที่ไหน” 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีชะงักไป แล้วมองเธอทันที 

 

 

“ขอถามสักหน่อยได้ไหม คุณเรียนภาษาอิตาลีกับใคร ถ้าฟังแค่เสียงของคุณ ผมยังคิดว่าคุณเป็นคนอิตาลีเลยนะเนี่ย” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 264 ลูกสาวของคุณเหมือนคุณจริงๆ 

 

 

“…” 

 

 

เมื่อได้ยินมิสเตอร์ลอมบาร์ดีพูดอย่างนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็เหม่อลอยไปในทันที 

 

 

ในหัวของเธอมีบทสนทนาที่คุยกับเสี่ยวเสี่ยวในตอนแรกแวบเข้ามา 

 

 

ตอนนั้นเธอพูดไม่ได้ และเธอไม่ได้โกหก เธอไม่มีความประทับใจกับภาษาอิตาลีมากนักจริงๆ 

 

 

จนกระทั่งได้ศึกษาข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดี เธอถึงพบว่าตนเองมีความคุ้นเคยต่อภาษาอิตาลีอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

หลังจากนั้นก็พบว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวขัดขาอีก… 

 

 

ภาษาอิตาลีเหมือนซ่อนอยู่ในส่วนลึกของสมองเธอ ค่อยๆ ถูกกระตุ้นออกมาทีละนิด 

 

 

“ขอบคุณที่ชมค่ะ!” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ก่อนจะกะพริบตาอย่างขี้เล่น 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่ได้ถามต่อ เขาปล่อยมือ และส่งสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยแล้วให้คนที่อยู่ข้างๆ 

 

 

จากนั้นก็กอดเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความกระตือรือร้นครั้งหนึ่ง 

 

 

“ทีมของผมขอตัวก่อนนะ เมื่องานร่วมมือเดินหน้าแล้ว เชื่อว่าต้องได้พบกันอีกแน่” 

 

 

“ฉันรอคอยที่จะได้พบกับคุณครั้งหน้านะคะ เดี๋ยวฉันออกไปส่งพวกคุณเองค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่เดินอยู่ข้างหน้า นำมิสเตอร์ลอมบาร์ดีและสมาชิกทีมของเขาออกจากแผนกประชาสัมพันธ์ไป 

 

 

ระหว่างทางเธอแนะนำอาหารจีนให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีด้วย 

 

 

ทั้งสองคนเหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งๆ ที่พบกันเป็นครั้งแรก ก่อนจะจากกันก็นัดเรียบร้อยว่าเจอกันครั้งหน้าจะกินอะไรดี 

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ไม่ต้องส่งแล้วล่ะ” ผู้ช่วยของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีเห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่มาส่งพวกเขาถึงริมถนนแล้ว จึงเอ่ยปากอย่างมีมารยาท 

 

 

หลังจากเปิดประตูรถ มิสเตอร์ลอมบาร์ดีกำลังจะบอกลาเหนียนเสี่ยวมู่ แต่อยู่ๆ ก็เห็นรถมินิแวนหรูราคันหนึ่งจอดที่ข้างทาง 

 

 

ป้ายทะเบียนรถอันโอเวอร์ เหนียนเสี่ยวมู่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นรถของใคร 

 

 

ขณะกำลังอึดอัดใจ ว่าทำไมอวี๋เยว่หานึงได้ปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้ เธอก็เห็นประตูรถถูกเปิดออก 

 

 

เงาร่างเล็กนุ่มนิ่มลอดออกมาจากในรถ 

 

 

เด็กหญิงมัดผมมวยน่ารัก ใส่กระโปรงเจ้าหญิงน่ารักด้วย 

 

 

ใบหน้าเล็กสะสวยเจือสีแดงระเรื่อ 

 

 

ดวงตากลมโตโค้งตามรอยยิ้ม.. 

 

 

“พี่สาวคนสวย!” เสี่ยวลิ่วลิ่วเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่ยืนอยู่ข้างทางทันทีที่ลงจากรถ ก่อนจะวิ่งถลาเข้ามาหาเธอด้วยความตื่นเต้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง 

 

 

ก่อนจะโผเข้ามาในอ้อมกอดของเธอ 

 

 

แขนขาเล็กๆ เกี่ยวอยู่บนตัวของเธอ เหมือนกับจี้ที่อยู่บนขา พลางทำท่าน่ารักบ้องแบ๊ว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 

 

 

“นี่ลูกสาวของคุณเหรอ” มิสเตอร์ลอมบาร์ดีฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วสนิทกับเหนียนเสี่ยวมู่ขนาดนี้ จึงถามออกมาตามสัญชาตญาณ 

 

 

เขาไม่รอให้เหนียนเสี่ยวมู่ตอบ ก่อนจะยิ้มเอ็นดู 

 

 

แล้วยื่นมือมาลูบหัวของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “เหมือนคุณจริงๆ” 

 

 

“คุณว่าอะไรนะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งก้มลงอุ้มเหนียนเสี่ยวมู่ขึ้นมา จึงถามออกไปโดยจิตใต้สำนึก เพราะไม่ทันฟังเขาพูดให้ชัดเจน 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพูดทวนทันที “ผมบอกว่าลูกสาวของคุณเหมือนคุณจริงๆ ไม่ได้เหมือนที่หน้าตานะ แต่นิสัยเหมือนกัน” 

 

 

“…” 

 

 

“ฉลาดแสนซนเหมือนกัน ส่วนตอนยิ้มเนี่ย ในตาเหมือนมีทะเลดวงดาว” 

 

 

มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพูดภาษาอิตาลี 

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก แถมยังฟังไม่รู้เรื่อง เพียงแต่รับรู้ได้รางๆ ว่ามีคนกำลังชมตนเองอยู่ 

 

 

ใบหน้ารูปไข่สีแดงระเรื่อหันไปมองมิสเตอร์ลอมบาร์ดี เหมือนจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเสียงหวาน 

 

 

“สวัสดีค่ะคุณปู่!” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ถูกเสียงสดใสเรียกสติกลับมา และระลึกได้ว่าต้องอธิบาย 

 

 

ขณะที่จะบอกว่าเธอไม่ใช่แม่ของเสี่ยวลิ่วลิ่ว ก็พบว่าเด็กหญิงที่อยู่ในอกพาดตัวอยู่บนไหล่ของเธอ กำลัวเรียกคนที่อยู่ข้างหลังด้วยความดีใจ 

 

 

“ปาปา พวกเราอยู่ตรงนี้!” 

 

 

“…” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันกลับไป เห็นอวี๋เยว่หานที่อยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนจะตัวแข็งทื่อไปในทันที! 

 

 

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองคือ เขาคงไม่ได้ยินที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพูดเมื่อครู่หรอกใช่ไหม