บทที่ 95 ศิษย์น้อง
ไม่อย่างนั้นก็ชื่อตำหนักสวรรค์แล้วกัน!

เสิ่นเทียนร่างซวนเซเกือบจะตกจากหัวเรือ มองไม่ออกเลยว่าสยงเหมิ่งเจ้าสมองหยาบกร้านจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ!

แค่กลุ่มพวกเจ้าแมวใหญ่แมวน้อยสองสามคนที่ไม่มีอะไรเลยก็กล้าตั้งชื่ออย่าง ‘ตำหนักสวรรค์’ หรือ

ไม่กลัวไปชนกับขุมอำนาจเหนือชั้นสูงสุดสักที่ จากนั้นดวงชะตาพลิกผันร่วงลงมาจากฟ้า พบเจอแต่เรื่องอัปมงคลหรือ

เดิมทีเสิ่นเทียนคิดว่าลัทธิปรมาจารย์เซียนก็เกินจริงไปมากแล้ว สร้างความแค้นที่ไม่จำเป็นให้เขาได้ง่ายแล้ว

ตอนนี้เอาล่ะ ไม่เรียกลัทธิปรมาจารย์เซียนแล้ว แต่เติมเงินแบบไม่มีขีดจำกัดอัปเกรดเป็นตำหนักสวรรค์

มีแฟนคลับอย่างพวกเจ้า ข้าคงไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะไม่เป็นศัตรูกับทั้งโลก!

ยังมาจะมาตำหนักสวรรค์ สู้เรียกว่า ‘สวรรค์ประณาม’ ดีกว่า

เสิ่นเทียนพูดด้วยอาการเหงื่อตก “ไม่เหมาะๆ มันเกินจริงไป”

จางอวิ๋นซีเอ่ยเช่นกัน “ตั้งว่าตำหนักสวรรค์ไม่ได้ ได้ยินมาว่าในบันทึกโบราณมีคำว่าตำหนักสวรรค์มาตั้งแต่โบราณแล้ว แม้มรดกนั้นจะหายไปนานแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์กับแดนเทวาส่วนใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก”

เสิ่นเทียนอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อก่อนโลกนี้มีตำหนักสวรรค์โบราณที่ว่านั่นอยู่พอดีเลยหรือ

ในนั้นจะมีจักรพรรดิสวรรค์หรือไม่ ใช่แบบท่านนั้นที่กินได้ทุกอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์รึเปล่า

……

เจินจื้อเจี่ยเอ่ยเช่นกัน “ตำหนักสวรรค์ไม่ได้ สู้เปลี่ยนชื่อปรมาจารย์เซียนเป็นปรมาจารย์สวรรค์ดีกว่า เรียกว่ากลุ่มปรมาจารย์สวรรค์แล้วกัน!”

หลิวไท่อี่เบะปาก “ปรมาจารย์สวรรค์ใช้เรียกท่านเซียนยังพอเหมาะสม แต่ใช้เรียกชื่อกลุ่มไม่ค่อยเพราะนัก ข้าว่านะ เพราะท่านเซียนเอาใจใส่ดูแล เราถึงได้โชควาสนาปรับแก้ดวงชะตา สู้เรียกกลุ่มชะตาสวรรค์ดีหรือไม่

กลุ่มชะตาสวรรค์มีปรมาจารย์สวรรค์เป็นผู้นำ ถ้าได้รับการดูแลจากท่านปรมาจารย์สวรรค์ก็จะพลิกฟ้าแก้ดวงชะตาได้รับมหาโชคสูงสุด”

พูดจบ หลิวไท่อี่มองเถ้าแก่ซ่งด้วยความลำพองใจ “ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ซ่งคิดเห็นอย่างไร”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความยั่วยุรุนแรงในแววตาหลิวไท่อี่แล้ว เถ้าแก่ซ่งจะทนไหวหรือ

เหอะๆ หากวันนี้ไม่ประจบท่านเซียนอย่างสวยงามสักครั้ง พวกเจ้าคงไม่รู้แน่ชัดว่าใครกันแน่คือผู้อาวุโสใหญ่!

เถ้าแก่ซ่งไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ท่านปรมาจารย์สวรรค์มีนามจริงว่าเสิ่นเทียน ข้ามองว่าชื่อนี้เป็นชื่อดี ทั้งยังพ้องเสียงกับคำว่าเทพสวรรค์ มีเกียรติสูงสุด!

สู้ตั้งกลุ่มเราว่ากลุ่มเทพสวรรค์ดีหรือไม่ ท่านปรมาจารย์สวรรค์ดูแล เทพเจ้าปกปัก สูงศักดิ์จนมิอาจกล่าว!”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกรัวๆ ยังมากลุ่มเทพสวรรค์อีก เถ้าแก่ซ่งเจ้าเองก็ทะลุมิติมาเหมือนกันสินะ!

กลุ่มเทพสวรรค์นี่ เหตุใดเจ้าไม่เสนอชื่อทีมอเวนเจอร์ไปเลยล่ะ!

ทำไม ข้าสวมชุดเกราะแรดดำถือค้อนม่วงทองแล้ว จะให้คอสเป็นเทพเจ้าสายฟ้าธอร์รึ

พวกเจ้าแต่ละคนมีวงรัศมีสีเขียว ส่องแสงสีเขียวทั้งตัวแล้ว คอสเป็นเดอะฮัคเรอะ!

แล้วกลุ่มเทพสวรรค์นี่โอ้อวดเช่นนี้ ไม่กลัวบนฟ้ามีเทพสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์จริงๆ ใช้นิ้วเดียวบดเจ้าตายรึ

…….

เสิ่นเทียนพูดแขวะในใจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะกล่าวด้วยความจนปัญญา “เรียกกลุ่มสวรรค์พิทักษ์แล้วกัน!”

หวังว่าจะได้เป็นสีเขียวในเร็ววัน อย่างดีที่สุดก็จากสีเขียวเป็นสีแดง จะได้รับการดูแลจากพระเจ้า

ถ้าไม่อย่างนั้นนั่งตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้างกายยังมีกลุ่มคนโง่มาประจบเลียแข้งเลียขาข้าอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ขืนศิษย์สายตรงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนอื่นๆ เห็นเข้า จะไม่ริษยาจนตาม่วงหรือ

ถ้าเกิดครั้งใดออกไปฝึกฝนเจออันตราย พวกเขาเอาข้าไปเซ่นไหว้สวรรค์ล่ะจะทำอย่างไร!

อยู่เงียบๆ หน่อย อยู่เงียบๆ หน่อย ชื่อกลุ่มก็ต้องเรียบๆ เช่นกัน!

เสิ่นเทียนเพิ่งพูดจบก็ได้ยินเสียงชม “ชื่อดีมาก!”

เสิ่นเทียนหันไปมองพบว่าเป็นเถ้าแก่ซ่ง “ท่านปรมาจารย์สวรรค์ ข้าเข้าใจแล้ว!”

เถ้าแก่ซ่งตื่นเต้นจนหน้าแดง “กลุ่มสวรรค์พิทักษ์นี่ก็คือกลุ่มที่สวรรค์เอาใจใส่ดูแล ได้ท่านปรมาจารย์สวรรค์ดูแลก็เหมือนได้สวรรค์ดูแล หรือว่าท่านจะมองตัวเองเป็นสวรรค์กัน สุดยอด สุดยอดไปเลย!”

เสิ่นเทียนกำหมัดแน่นทีละนิด สารภาพตามตรงตอนนี้เขาแปลกใจว่าเหตุใดพระเจ้าถึงไม่ส่งสายฟ้าลงมาผ่าเจ้าพวกนี้ให้ตายไปเลย

พวกเจ้าแต่ละคนมันไม่ใช่คน แต่เป็นสายล่อฟ้าตั้งตระหง่านอยู่รอบตัวข้า!

มีพวกเจ้าอยู่ข้างๆ ยังต้องกังวลว่าข้าจะไม่โดนโอรสสวรรค์ทุกคนในแผ่นดินเซียนเคียดแค้นร่วมมือกันเล่นงานข้าหรือ

เสิ่นเทียนเพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจก็เห็นว่าเริ่มมีฟ้าผ่าบนฟ้าจริงๆ

สายฟ้าอสุนีบาตพลันผ่าลงมากลางฟ้า ผ่าลงที่ตัวเถ้าแก่ซ่ง วินาทีนั้น เถ้าแก่ซ่งกลายเป็นคนดำโดยแท้จริง

เส้นผมพลันตั้งขึ้น แถมยังมีควันลอยโชย

……..

จางอวิ๋นซีพูดด้วยใบหน้าเฉยชา “บางคำพูดก็จะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ จะล่วงเกินสวรรค์ไม่ได้ เจ้าไม่รู้จักเป็นตายก็อย่าดึงบุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนไปด้วย วันนี้เป็นเพียงการสั่งสอนเล็กๆ จะได้ไม่ทำผิดมหันต์ เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ข้าแล้ว ห้ามพูดจาไม่ยั้งคิดเช่นนี้อีก!”

จางอวิ๋นซีกวาดสายตามองพวกหลิวไท่อี่เรียบๆ ใบหน้านางยังคงเย็นชาสูงส่ง

บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่กับพวกประจบสอพลอเช่นนี้ทุกวันได้อย่างไรกัน ไม่ได้เรื่องเลย

จะนั่งตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างมั่นคงต้องถกเถียงอภิปรายกับศิษย์พี่ที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำคนอื่นๆ พัฒนาไปด้วยกันถึงจะถูก

เฮ้อ ข้าเป็นศิษย์พี่หญิง จากนี้คงต้องไปหาศิษย์น้องเสิ่นเทียนบ่อยๆ เร่งให้เขาพยายามฝึกบำเพ็ญแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น โดนกลุ่มพวกผู้ชายประจบทุกวัน ไม่ช้าก็เร็วได้เสียเวลาฝึกบำเพ็ญแน่

สารภาพตามตรง จางอวิ๋นซีเสียใจนิดๆ ที่ดึงกลุ่มคนพวกนี้เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แม้จะมีคุณสมบัติกายแก่นรากอัสนีเทพที่ใช้ได้ แต่สภาวะจิตใจแย่เกินไป

รู้จักแต่ประจบ ประจบแล้วจะทำให้แกร่งขึ้นรึ

เกิดคนพวกนี้ทำศิษย์น้องเสียคน มันจะดีได้อย่างไรกัน

……

เรือเหาะเดินเครื่องไปอย่างรวดเร็ว ทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างเร็วไว

ฉู่หลงเหอเดินไปเดินมาบนดาดฟ้าเรือ เหมือนกำลังคิดว่าจะหาเงินใช้อย่างไร

หลิวไท่อี่ถือม้วนหยกหนึ่งในมือ กำลังตั้งใจจดบันทึกสำคัญบางอย่าง

‘วันนี้ ลัทธิปรมาจารย์เซียนเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มสวรรค์พิทักษ์อย่างเป็นทางการ ท่านเซียนก็ยอมรับว่าตัวเองคือสวรรค์ ปณิธานยิ่งใหญ่ทำให้ทุกคนนับถือ

เถ้าแก่ซ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าจริงๆ วันนี้ปะทะกันแม้จะตัดสินแพ้ชนะได้ยาก แต่สหายซ่งก็นำข้าหนึ่งก้าวเข้าใจเจตนาแท้จริงของท่านปรมาจารย์สวรรค์

ภายภาคหน้าเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะต้องจำไว้ว่าท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่ชอบเรื่องโอ้อวดเกินจริง จะต้องประจบท่านแบบไร้ร่องรอยเสมือนไม่ได้ตั้งใจ

เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านปรมาจารย์สวรรค์ วันข้างหน้าต้องแสดงออกแบบเงียบๆ ต้องเน้นการป่าวประกาศเยอะๆ ในตอนที่ท่านปรมาจารย์สวรรค์ไม่อยู่

แบบนี้ จนชื่อเสียงและบารมีของท่านปรมาจารย์สวรรค์เลื่องลือไปทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว จะต้องซาบซึ้งใจข้าแน่ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่ข้าหลิวไท่อี่จะกดอยู่เหนือเถ้าแก่ซ่ง ได้เป็นหัวใจสำคัญของกลุ่ม!’

หลิวไท่อี่จดบันทึกอย่างจริงจัง ยิ่งจดยิ่งตื่นเต้นจนหยุดไม่ได้แล้ว

เจินจื้อเจี่ยกับสยงเหมิ่งสองคน ตอนนี้อ้วกกันใหญ่เพราะเมาเรือ

ส่วนเสิ่นเทียนหลับตาพักผ่อนอยู่ในห้องพิเศษ

ใช่ จางอวิ๋นซีก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเขา

……

“ตอนนี้เจ้าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเราแล้ว จากนี้ต้องเจอการท้าสู้มากมาย”

จางอวิ๋นซีมองเสิ่นเทียนด้วยความเรียบนิ่งพลางกล่าว “ดังนั้นเจ้าต้องยกระดับศักยภาพให้เร็วที่สุด ตอนแยกกันครั้งก่อน ศิษย์พี่หญิงเคยถ่ายทอดเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมให้ หลายวันมานี้เจ้าได้ลองฝึกแล้วรึยัง”

ถามข้าว่าเคยฝึกเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมแล้วรึยัง

พอได้ฟังคำถามของจางอวิ๋นซี เสิ่นเทียนอดหัวใจบีบรัดตัวมิได้

ไม่ได้ จะให้ศิษย์พี่หญิงรู้ว่าข้าฝึกอัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้ารวดเร็วเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ถึงอย่างไรนกที่โผล่หัวมาจะถูกยิง มีแต่ในมือซ่อนไพ่ตายเอาไว้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีชีวิตมั่นคงมากเท่านั้น

อืม เอาไว้ก่อน ให้ทุกคนคิดว่าข้าเป็นไก่อ่อนจะดีที่สุด

แบบนี้ถึงจะเติบโตไปเงียบๆ แบบไม่มีพิษมีภัยได้!

………………………………………..