“ทำไมหม่ามี๊จะกลับมา?”
“เพราะว่าโรงเรียนเลิกแล้วน่ะสิคะพี่ โรงเรียนอนุบาลที่นี่วันพุธเรียนแค่ครึ่งวัน คุณครูบอกแล้ว ว่าจะมีการฆ่าเชื้อ เด็กๆจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ รินจังก็เลยรีบโทรหาย่าจันทร์แสงให้มาพาหนูไปหาพี่”
ตอนที่รินจังพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ดูภูมิใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากว่าเบอร์ที่พี่ชายทิ้งเอาไว้ให้เธอนั้น หาย่าจันทร์แสงเจอ จึงให้ออกมาพาเธอไปหาพี่ชาย
รินจังจูงมือพี่ชายกระโดดโลดเต้นเดินไปในห้องเรียน
และเป็นอย่างที่คิด เพิ่งจะเข้าไปข้างใน คุณครูของห้อง2ก็โบกมืออยู่ตรงนั้น : “รินจัง หนูหาพี่ชายเจอแล้วเหรอคะ มานี่เร็ว หม่ามี๊ของหนูจะถึงแล้ว พวกหนูสะพายกระเป๋าแล้วออกไปกับคุณครูนะคะ”
“ได้ค่ะ”
รินจังตอบรับด้วยเสียงเด็กๆของเธอ แล้วหยิบกระเป๋าหนังสือใบเล็กออกมาจากโต๊ะเรียนสะพายขึ้นมา
ชินจัง : “…….”
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับมันได้เลย แล้วก็ไม่เคยเห็นชีวิตในโรงเรียนอนุบาลอีกด้วยเช่นกัน
เกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล ความจริงแล้วชินจังเองก็มี แต่ที่นั่นเป็นโรงเรียนอนุบาลระดับสูงของทั้งเมืองAที่นั่ง สภาพแวดล้อมสวยงามมาก อุปกรณ์เครื่องมีคุณภาพสูง คนที่เข้าไปนั้นล้วนแต่เป็นคนมีเงินทั้งสิ้น
ดังนั้น ในสถานการณ์แบบนี้ คุณครูติดดินแบบนี้ เพื่อนๆก็สามัคคีปรองดองกันแบบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
ชินจังสะพายกระเป๋าหนังสือใบเล็กตามที่รินจังให้มา หลังจากนั้นก็ถูกคุณครูพาออกไป
“หม่ามี๊มาแล้ว!”
หลังจากที่ถูกพาออกมาจากห้องเรียนแล้ว ดวงตาที่เฉียบคมของรินจังก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนรออยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนอนุบาลแล้ว และทันใดนั้นเอง เธอก็แยกเท้าออกแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ชินจัง : “…….”
หม่ามี๊?
นั่นไม่ใช่คุณน้าหมอที่บ้านเธอหรอกเหรอ? เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาเพิ่งจะแยกกันตรงประตูบริษัทของแด๊ดดี้อยู่เลย ทำไมถึงกลายเป็นหม่ามี๊ของพวกเขาไปแล้ว?
ชินจังรู้สึกงงเล็กน้อย เป็นเวลานาน เขามองไปยังทั้งสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ ไม่ขยับ
“คิวคิว? ทำไมไม่มาล่ะลูก? งงเหรอ? หม่ามี๊ไงครับ รีบออกมาเร็วเข้า เรากลับบ้านกันนะ!”เส้นหมี่สังเกตเห็นลูกชายคนนี้ไม่ยอมมา ก็รีบโบกมือให้เขา
แปลกจัง วันนี้ทำไมลูกชายถึงไม่ยิ้มเลย โกรธอีกแล้วใช่ไหม? เพราะเธอมาช้าไปอย่างนั้นหรือ?
เส้นหมี่วางลูกสาวลง แล้วเดินเข้ามาหาเอง
“คิวคิว ทำไมหนูไม่ดีใจเลย? โทษหม่ามี๊ที่มาไม่ทันใช่ไหม? ขอโทษนะลูก คิวคิว หม่ามี๊ไม่รู้ว่าวันนี้ที่โรงเรียนเรียนแค่ครึ่งวัน ตอนรับสายก็เลยช้าไปแล้ว หนูอย่าโกรธเลยนะคะ?”
เส้นหมี่ยื่นมือออกมา จะลูบศีรษะของลูกชาย
แต่เธอที่เพิ่งจะขยับ ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะมีปฏิกิริยาตอบโต้โดยเอียงศีรษะหลบเธอแบบนี้
เส้นหมี่ : “…….”
และในขณะนั้นเอง เธอคิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี้ไม่ใช่คิวคิวของเธอ แต่เป็นลูกชายอีกคนที่เธอเพิ่งจะไปหามาเมื่อช่วงสาย—ชินจัง!
“คิวคิว?”
“….ผมเดินเองได้!”
สุดท้ายแล้วชินจังตอบเธอกลับไปอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็ก้าวขาเล็กๆเดินไป
เส้นหมี่มองอย่างอึ้งๆ ซักพักหนึ่งได้สติขึ้นมาแล้ว ถึงได้รีบพาลูกสาวตามไป
“คิวคิว โกรธจริงๆเหรอลูก? เอาล่ะๆ อย่าโกรธเลยนะ หม่ามี๊รู้แล้วว่าหม่ามี๊ผิด แบบนี้ดีกว่า หม่ามี๊เลี้ยงไอศกรีมโคนที่หนูชอบดีไหมคะ?”
“ดีค่ะดีเลย หม่ามี๊ หนูอยากกินรสสตรอเบอร์รี่ค่ะ แล้วหนูก็อยากกินไส้กรอกย่างหอมๆด้วยค่ะ”
ชินจังไม่ได้ตอบ หลังจากที่รินจังที่อยู่ข้างๆได้ยินแล้ว ก็ปรบมือเล็กๆขึ้นอย่างดีใจ
และหลังจากนั้นยี่สิบนาที เส้นหมี่ที่ซื้อกับข้าวแล้ว ก็พาลูกทั้งสองคนกลับมายังบ้านเช่าของพวกเขา และเวลานี้ ลูกทั้งสองคนจัดการไอศครีมโคนทั้งสองอัน ไส้กรอกย่างสองอัน และยังมีทาร์ตไข่ที่เพิ่งออกจากเตาหนึ่งกล่อง
“พี่คะ อร่อยไหม?”
รินจังลูกรักเป็นนักกินคนหนึ่ง หลังจากที่เข้ามากับพี่ชายแล้ว ในปากนั้นยังคงยัดของกินอยู่เต็มปาก แต่ก็เอ่ยถามพี่ชายขึ้นมาอีกครั้ง
เรื่องพวกนี้ความจริงแล้วเป็นกิจวัตรของพวกเขาสองพี่น้องอยู่แล้ว
ในมือของชินจังกำลังถือทาร์ตไข่อยู่หนึ่งชิ้น เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความเย้ายวนกับรสชาติดีๆของมันได้
อร่อยจริงๆ เมื่อก่อนเขาไม่เคยกินของพวกนี้เลย แด๊ดดี้ไม่ให้ บอกว่าสุขภาพของเขาไม่ดี ดังนั้น หลายปีมานี้ เขาออกจากบ้านที่บ้านก็จะเตรียมของพวกนั้นให้เขาโดยเฉพาะ อาหารข้างนอกเขาจึงไม่เคยได้กินเลย
เส้นหมี่เห็นลูกทั้งสองคนกินกันอย่างมีความสุข ตัวเองก็เข้าไปทำอาหารในห้องครัว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที จู่ๆโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้นมา
“คิวคิว ช่วยรับโทรศัพท์ให้หม่ามี๊หน่อยนะ หม่ามี๊กำลังทำกับข้าวอยู่ ดูว่าใครโทรมา?”
“…….”
ชินจังมองไปยังโทรศัพท์ที่กำลังดังอยู่บนตู้ทีวีที่อยู่ไม่ไกลแล้ว ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นแล้วยกหูขึ้นรับสาย : “ฮัลโหล?”
“ชินจัง?”
คิดไม่ถึงว่าเมื่อรับสายแล้ว คนที่อยู่ในสายจะเรียกชื่อเขาออกมา!
ตาคู่สวยของชินจังเบิกขึ้น : “นายเป็นใคร?”
“เราก็คือคิวคิวน่ะสิ ตอนนี้นายอยู่ที่บ้านของเราใช่ไหม? หม่ามี๊กับน้องสาวของเราเรียกนายว่าคิวคิวใช่ไหม?”
เสียงในสายมีความหยอกล้ออยู่เล็กน้อย เสียงคล้ายๆเขาอยู่บ้าง แต่ฟังแล้วกลับดูเบาและเร็วกว่ามาก เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังหัวเราะอยู่
คิวคิว?
ที่แท้เขาก็คือคิวคิวนั่นเอง?
ในที่สุดชินจังก็เข้าใจแล้ว ใบหน้าเล็กๆของเขาก็มืดมนลงในทันที!