ตอนที่ 126 อยากได้ไข่!

ความจริงแล้วซูตานหงมีความประทับใจที่ดีต่อจี้เจี้ยนเหวินผู้เป็นน้องชายสี่ของสามีอยู่ แม้บางครั้งเขาจะทำตัวไม่เรียบร้อยและไม่ใช่คนละเอียดอ่อน แต่จิตสำนึกของจี้เจี้ยนเหวินนั้นดีกว่าพี่ชายคนโตสองคนนั้นมาก

กล่าวว่าเขาขอยืมเงินเงียบ ๆ จำนวน 500 หยวนจากพ่อแม่เพื่อนำไปซื้อบ้าน แต่เขาก็บอกว่ากำลังหาใช้คืนอยู่จนถึงตอนนี้

อวิ๋นลี่ลี่อาจจะอยากฮุบเงินส่วนนั้นไว้ แต่จี้เจี้ยนเหวินไม่เคยคิดแบบนั้นเลย

ความจริงแล้ว จี้เจี้ยนเหวินนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง

เป็นอวิ๋นลี่ลี่ผู้เป็นภรรยาที่ไม่ปฏิบัติต่อเรื่องต่าง ๆ อย่างจริงจังมากพอ หล่อนมักจะเอาใจญาติ ๆ อยู่เสมอ ถ้าเก็บได้ก็จะเก็บ แต่ถ้าเก็บไม่ได้ก็จะใช้จ่าย แล้วหล่อนก็จะรอจนกระทั่งมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้วถึงจะจ่ายเป็นสองเท่าตัว

ซูตานหงเองก็ไม่เข้าใจความคิดของหล่อนเอาเสียเลย

ในตอนนี้เองก็ได้สร้างยุ้งเก็บอาหารสัตว์ขึ้นอีกยุ้งหนึ่ง ซึ่งตรงกับจังหวะที่งานยุ่งพอดี แต่โชคดีที่พวกเขามีกำลังคนบนภูเขาในตอนนี้มากพอ

นอกจากจี้เจี้ยนเหวินแล้วก็ยังมีคุณพ่อจี้ จี้หงจวิน สวี่อ้ายตั๋ง และจี้เจี้ยนเหอจากครอบครัวของคุณลุงจี้อีกคน ตอนนี้จี้เจี้ยนเหอเริ่มทำงานบนภูเขาแล้ว โดยเขาทำงานร่วมกับพวกของสวี่อ้ายตั๋ง เพราะตอนนี้มีการขยายเล้าไก่ เช่นเดียวกับคอกแกะที่ขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีคนเพิ่ม

ที่นี่มีสิ่งอื่นให้ทำอีก เพียงแค่ระยะสั้น ๆ สวนผลไม้แห่งนี้ก็มีงานให้ทำยาวตลอดทั้งวันแล้ว

เหมือนอย่างเช่นครั้งนี้ ที่ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งทั้งหลายล้วนอยากทำงาน

อากาศทุกวันนี้กำลังหนาวเย็น พื้นดินก็แข็งขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้กำลังขุดมากขึ้น

บรรดาชายฉกรรจ์ต่างง่วนอยู่กับการทำงานยาวนานถึง 7 หรือ 8 วัน แล้วพวกเขาก็พยายามสร้างยุ้งเก็บอาหารสัตว์จนเสร็จก่อนที่หิมะจะตก จากนั้นก็จุดเตียงเตาและโรยเมล็ดมู่สวี่ไว้

จากการที่มีงานยุ้ง คุณพ่อจี้จึงมีอารมณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับคุณแม่จี้ที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องคิดมากนัก

คุณพ่อจี้ยุ่งกับการทำงาน ส่วนคุณแม่จี้ก็ไปช่วยหุงหาอาหารด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ต่างยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนทั้งหมด

คุณแม่จี้ไม่ได้ลงจากภูเขาในวันนั้น จี้เจี้ยนเหวินเองก็บอกเช่นกันว่าวันนี้แม่ของเขาจะไม่ลงมากินอาหารเย็น

ดังนั้นที่บ้านหลักจึงมีแค่เขา อวิ๋นลี่ลี่ จี้อวิ๋นอวิ๋น และเยียนเอ๋อร์

“ตอนนี้แม่ก็เป็นไปกับเขาด้วย ทำไมเราถึงไม่ได้กินอาหารฝีมือท่านตลอด รู้สึกเหมือนไม่ใช่ครอบครัวตัวเองเลย!” วันนี้เป็นคราวทำอาหารของจี้อวิ๋นอวิ๋น ซึ่งหล่อนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำกับพี่สะใภ้สี่

“ได้ยินมาว่าอาหารของสะใภ้สามดีมากนะ” อวิ๋นลี่ลี่พูด

มันดีมากจริง ๆ ทุกมื้อล้วนมีผักกับเนื้อ ซึ่งพี่ชายสามจะเป็นคนไปจับปลาในแม่น้ำมาให้เธอท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ ปลาที่เพิ่งจับได้นั้นมีความสดมาก และขาดไม่ได้ในอาหารทุกมื้อ ทำให้อาหารที่เธอทำนั้นดูน่ากินมากขึ้น

ตอนที่หล่อนท้องเยียนเอ๋อร์ หล่อนก็ได้กินเช่นกัน แต่แหล่งปลาสด ๆ นั้นอยู่ห่างจากหล่อนมาก

คิดถึงตรงนี้แล้ว หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา

“หึ ไม่ใช่ว่าเอาเงินพี่สามไปใช้จ่ายเพื่อสร้างภาพให้ตัวเองหรอกเหรอ พี่สะใภ้สี่ยังไม่รู้อะไร หล่อนมักจะเอาของไปให้บ้านแม่หล่อนเป็นประจำ แล้วบางครั้งก็เอาเนื้อกลับไปให้ด้วย ฉันเห็นมากับตาเลยค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นขบฟันกรอด

อวิ๋นลี่ลี่เหลือบมองหล่อน แล้วก็คิดว่าถ้าฉันมีเงิน ฉันก็จะสนับสนุนบ้านแม่ของฉันเหมือนกันนั่นแหละ บ้านแม่เป็นคนเลี้ยงฉันมา ฉันก็ต้องกตัญญูกับพวกท่านสิ

แต่เมื่อฟังน้ำเสียงของเด็กสาวแล้ว ตอนที่หล่อนแต่งงานไป บ้านแม่ของหล่อนก็คงจะไม่อยากได้อะไรดี ๆ จากหล่อนแม้แต่นิดเดียวเป็นแน่

“อาหารสามมื้อของเรามีแต่หัวไชเท้าหรือไม่ก็ผักกาดขาว หล่อนไม่คิดจะเอาเนื้อมาที่นี่เลยสักนิด!” จี้อวิ๋นอวิ๋นยังคงบ่นต่อไป

คราวที่แล้วที่เกิดเรื่องวิวาทกันใหญ่โตที่บ้าน ทำให้วันต่อมาพี่ชายสี่ของหล่อนต้องออกไปซื้อเนื้อมาเป็นจำนวนมาก แต่เนื้อพวกนั้นก็ถูกแม่ของหล่อนคลุกเกลือและตากอยู่ข้างนอก บอกว่าเก็บไว้กินตอนถึงปีใหม่ หล่อนจึงไม่เคยได้กินเนื้อที่สดใหม่เลย หลังกลับมาอยู่บ้านตั้งนาน หล่อนไม่เคยได้กินเนื้อเต็มคำแม้แต่ครั้งเดียว จนตอนนี้ปากของหล่อนแทบไม่รู้รสชาติอะไรแล้ว

“บนภูเขามีไก่อยู่เยอะแยะเลย บอกได้ว่าน่าจะมีไข่อยู่ไม่ขาด” ในตอนนี้เองอวิ๋นลี่ลี่ก็เอ่ยขึ้นมา

หล่อนเองก็อยากกินเนื้อเหมือนกัน แต่จะกินได้อย่างไรล่ะ เหลืออีกตั้งครึ่งเดือนกว่าจะถึงปีใหม่

ตอนนี้ในบ้านไม่มีอะไรเหลืออยู่มากแล้ว ครั้งนั้นที่ซื้อเนื้อก็หมดเงินไปจำนวนมาก หล่อนจึงลังเลที่จะใช้จ่ายอีก แต่บนภูเขาของพี่ชายสามมีไก่อยู่เยอะเลยไม่ใช่เหรอ? ถึงจะนำไก่ลงมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็พอมีไข่ให้กินบ้างถูกไหมล่ะ?

“งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นภูเขาไปเอาไข่มาค่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด

หล่อนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

หลังกินอาหารเย็นแบบง่าย ๆ จี้อวิ๋นอวิ๋นก็เดินขึ้นภูเขาไปคนเดียว เมื่อหล่อนมาถึง คุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็เพิ่งกินข้าวเสร็จจนปลาเหลือแต่ก้าง เพียงเหลือบตาแวบเดียวก็รู้ว่าต้องมีน้ำแกงเนื้อ แล้วก็ขึ้นฉ่ายผัด ที่เหลือก็เป็นแกงจืดไข่น้ำใส่สาหร่าย!

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อแม่ของหล่อนถึงไม่อยากกลับไปกินอาหารเย็นที่บ้านอีก พวกท่านมีชีวิตที่ดีบนนี้นี่เอง ดูพ่อของหล่อนสิ ปีนี้เขาดูอ่อนเยาว์กว่าปีที่แล้วเสียอีก แล้วแม่ของหล่อนก็มีรูปร่างท้วมขึ้นด้วย!

ไม่สนใจเลยว่าลูกสาวของพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในทุกวัน!

“แกขึ้นมาบนนี้ทำไม?” คุณพ่อจี้ถามเมื่อเห็นหล่อน

“พ่อ ทำไมพ่อพูดอย่างนั้นล่ะ นี่สวนของพี่สามนะ หนูจะขึ้นมาดูหน่อยไม่ได้หรือไง?” จี้อวิ๋นอวิ๋นน้อยใจและพูดโพล่งขึ้นมา

“แค่ขึ้นมาเฉย ๆ ก็ดีแล้ว อย่าก่อเรื่องอะไรอีก หรือไม่ก็กลับไปอยู่ที่บ้านแทนฉัน!” คุณแม่จี้พูด

ในตอนนี้นางรู้สึกได้แล้วว่าชีวิตดีขึ้นมากหลังจากเชื่อฟังเจี้ยนอวิ๋น อย่างอื่นนั้นนางกับสามีไม่คาดหวังอะไรหรอก อย่ามาโทษนางก็แล้วกัน

จี้อวิ๋นอวิ๋นเองก็รู้ตัวว่าครั้งนี้ไม่อาจบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ไข่กลับไป หล่อนจึงพูดขึ้น “แม่คะ หนูโตแล้วนะคะ หนูไม่ก่อเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว” คุณแม่จี้บอก

“แม่คะ ที่บ้านตอนนี้ไม่มีอะไรกินแล้ว หนูกินของที่มีอยู่ทุกวันจนปากไม่รู้รสอะไรแล้ว จะขอกินเนื้อที่แขวนตากไว้ข้างนอกได้ไหมคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด

“เนื้อนั่นเก็บไว้กินตอนที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าในวันปีใหม่ เพื่อไม่ให้ใครบางคนพูดได้ว่าพี่สี่ของแกไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาบ้าน”คุณแม่จี้บอก

พูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของคุณแม่จี้ก็ไม่สู้ดีนัก

จากความคิดของเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานแล้ว พวกหล่อนต้องหยิบมาพูดแน่ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องนานขนาดไหน การทำเช่นนี้จึงเป็นความวางใจอย่างหนึ่ง นางจึงตั้งใจไม่เคลื่อนย้ายเนื้อจนถึงวันสิ้นปีแล้วค่อยนำออกมากิน

“ในเมื่อกินเนื้อไม่ได้ งั้นหนูกินอะไรอย่างอื่นแทนก็ได้ค่ะ บนภูเขานี้มีไข่อยู่บ้างไหม? หนูไม่ได้กินเนื้อมาทั้งวัน ไม่มีอะไรมาบำรุงร่างกายแล้ว” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด

คุณพ่อจี้เหลือบมองหล่อน จากนั้นก็พูดกับคุณแม่จี้ “เอาไข่ให้ลูกกลับไปสักตะกร้าเถอะ”

คุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้เองก็รักลูกสาวคนเดียวอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน พวกเขามีลูกชายสี่คนก่อนจะมีลูกสาวคนนี้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่รักหล่อนได้อย่างไร แต่ความรักที่พวกเขามีให้ก็ไม่อาจหักล้างความดื้อด้านของเด็กสาวคนนี้ที่คอยตามรังควาญสะใภ้สามอยู่ตลอดได้

ตอนนี้ชัดเจนว่าพวกเขารักใคร่ลูกชายสามและภรรยามากกว่าใคร จากใจจริงของสองผู้เฒ่าแล้ว กล่าวให้จริงก็คือลูกชายคนอื่น ๆ ก็ยังสู้ไม่ได้ อย่าว่าแต่ลูกสาวคนเดียวที่ถูกเลี้ยงดูจนนิสัยเสียเมื่อโตขึ้นคนนี้เลย

“ไข่ตะกร้านั้นนี่ขายได้เงินเยอะมากเลยนะคะ” คุณแม่จี้บอก

แต่นางก็แค่พูดเท่านั้น นางเดินไปหยิบไข่ตะกร้านั้นที่มีน้ำหนักราว 2-3 ชั่งมาแล้วยื่นส่งให้ “เอากลับไป แล้วกินอย่างประหยัดด้วยล่ะ!”

“รู้แล้วค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นยินดีมากที่เห็นไข่ แล้วก็เอ่ยขึ้น “มีไข่แค่นี้เองเหรอคะแม่? ไก่บนภูเขามีอยู่ตั้งเยอะ ต่อไปก็น่าจะมีไข่มาอีกสิ”

“ตอนนี้อากาศเย็นแล้ว แม่ไก่มันเลยออกไข่กันไม่เยอะน่ะสิ!” คุณแม่จี้เอ่ยเสียงขุ่น

ยังมีไก่บางตัวที่ยังออกไข่อยู่ ซึ่งก็เป็นเพราะว่าอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ดี จึงรับรองได้ว่าจะต้องออกไข่สักฟอง แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ออกไข่กันไม่มากนัก

ไข่จำนวนมากถูกเก็บไว้ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ซึ่งกิจการร้านของซูจิ้นตั๋งที่อยู่ในเมืองตอนนี้ก็ถือว่าดีมาก เพราะมีไข่มาขายราวหนึ่งหรือสองตะกร้าทุกวัน

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แปลตอนนี้แล้วก็งงกับความคิดยัยอวิ๋น ๆ ย้อนแยงมากเลยค่ะ เกลียดสะใภ้สามเข้าไส้แต่ดันบ่นว่าทำไมเขาไม่เอาเนื้อมาให้ ถ้าผู้แปลแปลวกไปวนมาก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ บทนางอวิ๋นอวิ๋นมันวกวนจริง ๆ

ความรักพ่อแม่อะนะ ถึงลูกจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ยังให้นู่นให้นี่อยู่

ไหหม่า(海馬)