บทที่ 87 หน้าอกท่านนายพลจี๋ดีจริง (สองเท่า)

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

บทที่ 87 หน้าอกท่านนายพลจี๋ดีจริง (สองเท่า) Ink Stone_Romance

หลังจากหลงกู่ปู้วั่งอาบน้ำเสร็จแล้วก็มาหาซ่งชูอี เคาะประตูหลายครั้งก็ไร้เสียงตอบรับ เขารู้สึกกังวลจึงผลักประตูเข้าไป

ทันทีที่เข้าห้องมาก็เห็นซ่งชูอีนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าต่าง มีแผนที่กางอยู่ด้านหน้า ส่วนนางกำลังมองไปยังด้านนอกเงียบๆ คล้ายไม่รู้ว่าเขาเข้าห้องมาแล้ว

หลงกู่ปู้วั่งคิดไม่ตก นางอ่านแผนที่ผืนนั้นจนมันจะทะลุอยู่แล้ว มีอะไรน่าดูงั้นหรือ? ระหว่างทางที่มา ซ่งชูอีก็อ่านวันละหลายรอบ เมื่อเขาถามก็ตอบว่ากำลังดูความยิ่งใหญ่ของใต้หล้า ทว่าหลงกู่ปู้วั่งรู้ว่าซ่งชูอีความจำดีมาก ดูหลายรอบเช่นนั้น ไม่แน่ว่าแผนที่แผนนี้ประทับอยู่ในสมองของนางนานแล้ว แม้นจะใช้ในเวลาเดินทางก็ไม่จำเป็นต้องถืออ่านอย่างเอาเป็นเอาตายเยี่ยงนั้น

“อาจารย์” นั่งสักพัก หลงกู่ปู้วั่งอดไม่ได้ที่จะเรียกเสียงเบา

ซ่งชูอีหันมา สำรวจเขาขึ้นลงรอบหนึ่ง ในใจคิดว่า หลังจากเขาสวมเสื้อแล้ว ดูไม่ออกจริงๆ ว่ารูปร่างไม่เลว

หลงกู่ปู้วั่งเห็นว่าสีหน้าของนางไม่ใคร่ปกติ กล่าวอย่างเป็นกังวล “อาจารย์ หรือว่าแผนการประสบกับอุปสรรค? ฉินกงไม่รับปากหรือ?”

“ถ้าหากว่าเรื่องมันเป็นแค่นั้นก็ดีสิ!” ซ่งชูอีพ่นควันออกมา มันถูกลมหนาวจากนอกหน้าต่างพัดหายไป

“แค่นั้น?!” หลงกู่ปู้วั่งรู้สึกร้อนรนพร้อมขึ้นเสียงสูง

ซ่งชูอีแคะๆ หู เอ่ยขึ้นเชื่องช้า “เจ้าตะโกนอะไรน่ะ ข้าตกใจหมด”

การกล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะซ่งชูอีมีความมั่นใจมากเกินไป บัดนี้รัฐฉินกำลังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายเลือดภายในราชสำนักครั้งใหญ่ กองกำลังต่างๆ พร้อมที่จะเคลื่อนไหว หากฉินกงไม่รับปากโจมตีเว่ย นางมีเหตุผลร้อยแปดที่จะหว่านล้อมและสิ่งที่จะโน้มน้าวเขาได้นั้นมีมากมายเหลือเกิน ทว่าเรื่องที่นางกำลังประสบอยู่ในตอนนี้คล้ายหมอกควันที่มองไม่เห็นทิศทาง อีกทั้งมองไม่เห็นหนทางที่จากมา ความรู้สึกสับสนและโดดเดี่ยวเช่นนี้ ชวนให้หมดกำลังใจอย่างแท้จริง

“เจ้าลองดูสิว่าแผนที่นี้มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่?” ซ่งชูอีส่งแผนที่ให้หลงกู่ปู้วั่ง นางตัดสินใจที่จะคลี่คลายความคลุมเครือนี้ทันที

ที่จริง เมื่อครู่ซ่งชูอีไตร่ตรองอยู่นานมาก ในใจก็ราวกับมีคำตอบเลือนรางแล้ว แม้นหลงกู่ปู้วั่งไม่เคยออกจากบ้านไปไกล ทว่าเขาก็อ่านตำรามาไม่น้อย โดยเฉพาะสำนักพิชัยยุทธ ผู้ที่อ่านยุทธพิชัยสงคราม แทบไม่มีใครไม่อ่านแผนที่ หลายวันก่อนหน้านี้ นางอ่านแผนที่นี้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังอ่านด้วยกันกับหลงกู่ปู้วั่งอยู่บ่อยครั้ง เมื่อนิ้วนางเคลื่อนไปตามบริเวณนั้นโดยเจตนา เขาก็ไม่เคยกล่าวว่ามีขาดสิ่งใด

“แผ่นดินนี้ วาดถูกหรือไม่?” ซ่งชูอีชี้ไปที่สถานที่นั้นโดยตรง

หลงกู่ปู้วั่งดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ก็ถูกนี่นา? เพียงแต่เมืองจี๋กูถูกวาดให้อยู่ระหว่างฉินและเว่ย แยกไม่ออกว่าเป็นรัฐใด”

แม้นจะอยู่ในความคาดหวัง ทว่าเมื่อได้ยินคำตอบแล้ว ในใจก็ยังคงครุ่นคิด ถึงหลงกู่ปู้วั่งจะถูกนางแกล้งให้หัวหมุนอยู่บ่อยครั้ง ทว่านางไม่เคยสงสัยในสติปัญญาและความรู้ของเขาเลย

ชาติที่แล้ว หยางเฉิงเป็นเพียงผืนดินเล็กจ้อย ทว่าหากว่ากันทั่วไปแล้ว มันก็คือรัฐจูโหวเล็กๆ รัฐหนึ่ง หลายปีมานี้เจ็ดมหานครรัฐทำลายและผนวกรัฐเล็กๆ เป็นของตน ดุจฝูงหมาป่าไล่ล่าเนื้อ สุดท้ายแล้วหยางเฉิงก็เป็นเพียงชิ้นเนื้อที่อยู่ระหว่างฉินเว่ยก็เท่านั้น ผู้วาดแผนที่คงไม่สะเพร่าถึงขนาดลืมวาดมันและหลงกู่ปู้วั่งก็ไม่มีทางไม่รู้ว่ามีรัฐเล็กๆ แห่งนี้อยู่

จนถึงบัดนี้ นางจึงมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะรัฐหยางถูกกำจัด ทว่ามันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก เพราะบนแผนที่ผืนนี้ไม่มีสถานที่ที่เรียกว่าหยางเฉิงเลย

นี่ก็แสดงให้เห็นว่าซ่งชูอีคนเดิมก็ไม่มีอยู่เช่นนั้นหรือ?

แต่ว่าชายชราที่ตีดาบคนนั้น ยังจำนักดูดาวได้อย่างชัดเจน และนั่นก็คือบิดาในชาติที่แล้วของนาง…

“อาจารย์ แผนที่นี้ถูกวาดโดยผู้ชำนาญตอนที่ท่านพ่อข้าส่งคนออกไปทัศนศึกษา ไม่น่าจะมีความผิดพลาด” หลงกู่ปู้วั่งเอ่ย

ซ่งชูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะซ่อนเร้นอารมณ์ของตน “เจ้ารู้หรือไม่ว่าบัดนี้จวงจื่ออยู่ที่ใด? มีศิษย์กี่คน?”

“ไม่ทราบ จวงจื่อรักสันโดษอยู่ในหุบเขา อีกทั้งชื่นชอบการพเนจร ว่ากันว่าหากพบทัศนียภาพที่ถูกใจก็จะอยู่สักระยะหนึ่ง ด้วยเหตุนี้น้อยคนนักที่จะรู้ถึงแหล่งที่อยู่ของเขา ส่วนที่ว่ารับศิษย์มากน้อยเพียงใด เกรงว่าก็มีไม่กี่คนที่บอกได้ชัดเจน” หลงกู่ปู้วั่งอัศจรรย์ใจ ความคิดของซ่งชูอีกระโดดไปมาได้อย่างร้ายกาจ ถามเรื่องแผนที่อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถามถึงจวงจื่อได้?

“อาจารย์ เป็นอะไรไป?” หลงกู่ปู้วั่งถาม

“ไม่มีอะไร” ซ่งชูอีโยนแผนที่ไปอีกทาง เอ่ยขึ้น “ฉินกงเรียบง่ายและมีระบบกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้มาก บัดนี้ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว สองวันนี้เจ้าก็ไม่ต้องอ่านหนังสือดอก พักผ่อนให้เต็มที่ ประเดี๋ยวก็ต้องรีบออกเดินทางแล้ว”

หลงกู่ปู้วั่งเห็นว่านางกลับมาเกือบเป็นปกติ ตอบรับเสียงหนึ่งด้วยความงุนงงที่ถูกไล่ให้กลับไปพักผ่อน

ซ่งชูอีวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเองด้วยความรวดเร็ว ในเวลานี้สามารถนึกถึงความเป็นไปได้สองข้อ ข้อที่หนึ่ง เพราะว่านางกลับมาเกิดใหม่ จึงทำให้โลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็เพราะโลกต้องการการเปลี่ยนแปลง นางจึงได้โอกาสกลับมาอีกครั้ง ข้อที่สอง นางเกิดอีกครั้งในสถานที่ที่คล้ายกับโลกเดิม และโลกนี้กับโลกก่อนมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน นางเป็นตัวเองทว่าก็ไม่ใช่ตัวเองในโลกก่อน

“แม่งเอ๊ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!” ซ่งชูอีดึงๆ ผมที่ยุ่งเหยิงอย่างหมดความอดทน ตัดสินใจว่าจะไม่ไปคิดถึงมันอีก บางอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่สามารถใช้สมองคิดได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน สุดท้ายแล้วนางก็ไม่สามารถหาหลักฐานที่แน่นอนให้กับเรื่องเหล่านี้ได้ คิดมากไปก็จะเป็นเหมือนฝันผีเสื้อที่อาจารย์ว่า แยกไม่ออกว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ

ซ่งชูอีไม่ต้องการตกอยู่ในความสับสนเช่นนั้น ดังนั้นจึงมองปัจจุบัน มองความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้ายังดีเสียกว่า

“ท่านขอรับ ฉินกงเรียกเข้าพบ” จี๋อวี่เคาะประตูเอ่ย

“เอ๊ะ?” ซ่งชูอีดวงตาเป็นประกาย เปิดประตูทันที เอ่ยถาม “หรือว่าจะเรียกข้าไปพูดคุยใต้แสงเทียนยามราตรี?”

จี๋อวี่มองดูท่าทางกระวนกระวายใจของนางเงียบๆ พ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา กล่าวด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง “ข้ามิทราบ ทว่าท่านอาจต้องอาบน้ำเดี๋ยวนี้ อ่างน้ำหอมถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”

ซ่งชูอีกระแทกหน้าอกจี๋อวี่ด้วยกำปั้น กำลังจะชมว่าเขารอบคอบ แต่กลับสูดหายใจ ดวงตาเบิกโพลง “หน้าอกท่านนายพลจี๋ดีจริง”

“ชมเกินไปแล้ว เชิญขอรับ” จี๋อวี่หลีกทางให้นางพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ซ่งชูอีเลียปาก เดินไปยังห้องอาบน้ำ จี๋อวี่เรียกให้หนิงยาเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง

ระหว่างที่แช่น้ำ ซ่งชูอีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาเอ่อล้นขอบตา “ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆ! สวรรค์ใจดีกับข้าผู้แซ่ซ่งเกินไปแล้ว!”

ให้โอกาสนางให้เกิดใหม่ยังไม่พอ รู้ว่าวันนี้นางอารมณ์ไม่ดีหลังจากค้นพบความจริงจึงจงใจส่งชายรูปงามสามคนมาปลอบใจนางโดยเฉพาะงั้นหรือ? แม้นทำได้เพียงมองๆ ลูบๆ คลำๆ เล็กน้อย ทว่าก็สามารถทำให้ปิติยินดียิ่ง ไฉนเลยจะเหมือนเมื่อก่อน บิดามารดาสิ้นใจ ทำงานด้วยความยากลำบาก เกือบตายอยู่หลายหน อุตส่าห์รอดพ้นความตายมาได้สองวัน สุดท้ายก็ยังสิ้นลมหายใจเมื่ออายุยังหนุ่มแน่ม…ไม่สิ เมื่อยังเป็นสาวเป็นแส้ต่างหาก

ซ่งชูอีหาความสุขให้กับตัวเองแล้วรีบอาบน้ำโดยเร็ว หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยก็รีบขึ้นรถไปยังพระราชวังทันที

หลังจากประสบความขมขื่นมากมาย ซ่งชูอีก็ชินกับการค้นพบความสุขในความทุกข์มานานแล้ว สำหรับนางแล้วโลกใบนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เช่นการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งในโลก ล้วนไม่เทียบเท่าบทเพลงไพเราะ กลิ่นหอมรัญจวน หรือแม้แต่หน้าอกแน่นๆ…ของชายหนุ่ม

…………………………..