ตอนที่ 122 ยี่สิบแปดต่อยี่สิบเจ็ด

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนนี้การประชุมของวงศ์ตระกูลเจียง ได้มีการแบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองฝั่ง บางคนรวมถึงปู่ของเจียงต้ายาคิดว่าเจียงต้ายาทำตัวขัดต่อศีลธรรมประเพณี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลเจียงและจะก่อให้เกิดผลร้ายแรงอย่างยิ่งตามมา พวกเขาจึงเรียกร้องให้นำตัวเจียงต้ายาแช่กรงหมูเพื่อปฏิบัติตามหลักประเพณีของวงศ์ตระกูล ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการตักเตือนคนรุ่นหลังว่าอย่าทำเรื่องอะไรที่ทำให้เสียชื่อเสียงตระกูลอีก

 

 

 

 

 

และมีบางคนคิดว่าถึงแม้ว่าการที่เจียงต้ายามั่วโลกีย์โดยไม่ผ่านมือแม่สื่อจะมีความผิด แต่โทษก็ไม่ถึงขั้นต้องตาย เพียงแค่ไล่นางออกจากวงศ์ตระกูล นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนางก็จะไม่ใช่คนในตระกูลเจียงแล้ว และไม่ถือว่าเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลเจียงแล้วด้วย

 

 

 

 

 

ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันไปมาไม่จบไม่สิ้น

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่รู้สึกว่าตอนนี้หนังศีรษะของเขาชาเพราะเสียงเอะอะโวยวายของผู้คน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะออกแรงตำไม้เท้าและตวาดขึ้นมาอย่างเปี่ยมไปด้วยพลัง “พอแล้ว! อย่าพูดอะไรกันอีก ข้าหนวกหูแล้ว!” 

 

 

 

 

 

คนในตระกูลเจียงเคารพอาเจียงซานไท่มาก พวกเขาจึงค่อย ๆ เงียบเสียงลงอย่างช้า ๆ

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่ให้คนไปแก้มัดเจียงต้ายา “เราลองฟังกันก่อนว่าเจียงต้ายานางมีความเห็นอย่างไร”

 

 

หลังจากที่เจียงต้ายาถูกแก้มัดแล้ว นางก็รีบดึงผ้าขี้ริ้วที่ถูกยัดอยู่ในปากออก นางนั้นรู้สึกคลื่นไส้อยู่บนพื้นเล็กน้อย

 

 

 

 

 

สีหน้าของบางคนเปลี่ยนไปทันที “ประเดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่านางท้องหรอกนะ”

 

 

 

 

 

เมื่อคำนี้ถูกพูดออกไปก็เกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้นทันที

 

 

 

 

 

เจียงต้ายาน้ำตาคลอเบ้า นางรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง “ไม่! ข้าไม่ได้ท้อง” จากนั้นนางก็เดินด้วยเข่าและไปคุกเข่าลงตรงหน้าอาเจียงซานไท่ แล้วโน้มศีรษะให้ติดพื้นสองสามครั้ง

 

 

 

 

 

อาจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ตัดสินความเป็นความตายของชีวิต ตอนนี้สมองของเจียงต้ายาจึงกระจ่างมาก และนางรู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจมากที่สุด ณ ที่นี้

 

 

 

 

 

“ท่านซานไท่ ข้า… ข้าถูกบังคับเจ้าค่ะ” เจียงต้ายาร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล “เป็นเพราะหม่าเฉิงหยวนคนนั้นใช้คำหวานหลอกล่อข้า แล้วเขายังบังคับข้าอีกด้วย ข้า… ข้าไม่ได้อยากทำจริง ๆ นะเจ้าคะ”

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่เห็นเจียงต้ายารุ่นราวคราวเดียวกับเหลนของตัวเอง นางร้องไห้เศร้าโศกถึงขนาดนี้ และกระเเทกศีรษะลงพื้นจนหัวถลอกแล้วเล็กน้อย จึงเกิดความสงสารขึ้นในใจของเขา

 

 

 

 

 

“แต่การที่เจ้าทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษไปจนหมดสิ้น” อาเจียงซานไท่พูดด้วยเสียงหนักแน่น

 

 

 

 

 

“ใช่ ๆ ๆ” ทุกคนต่างคล้อยตามกัน

 

 

 

 

 

“แต่…” น้ำเสียงของอาเจียงซานไท่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “หากว่าเจ้าถูกบังคับจริง ๆ ก็น่าสงสารอย่างมาก”

 

 

 

 

 

เมื่อเจียงต้ายาเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นางก็คิดจะคว้าโอกาสนั้นไว้ และนางก็ตัดสินใจในใจว่าจะไปตายเอาดาบหน้า

 

 

 

 

 

เจียงต้ายาร้องไห้อย่างเศร้าโศก “ข้าถูกหม่าเฉิงหยวนคนนั้นบังคับเจ้าค่ะ ไม่กี่เดือนก่อนเขาขืนใจข้า จากนั้นข้าก็ตั้งท้อง แต่ครอบครัวของเขาไม่ยอมมาสู่ขอข้า เดิมทีข้าอยากไปตายพร้อมลูก แต่กลับแท้งลูกเสียก่อน… ข้าพักฟื้นอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายวัน เขาก็ได้มาหาข้าอีกและหยิบยกเรื่องเมื่อก่อนมาบีบบังคับข้า ข้าจึงทำได้เพียงมีสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง… แต่นั่นก็เพราะข้าถูกบังคับล้วน ๆ เลยเจ้าค่ะ”

 

 

 

 

 

เกิดเสียงฮือฮาของคนในวงศ์ตระกูลเจียง

 

 

 

 

 

ท่านปู่เจียงในเวลานี้หน้าดำคร่ำเครียด เขาไม่คิดว่าเจียงต้ายาจะกล้าได้ถึงขนาดนี้ กล้าที่จะหยิบยกเรื่องอื้อฉาวเมื่อก่อนออกมาพูด

 

 

 

 

 

เจียงป่าวชิงพูดในใจว่าเจียงต้ายาเด็ดขาดจริง ๆ ที่ตัดทางหนีทีไล่ออกก่อน เพื่อจะได้ตัดสินใจและประสบความสำเร็จได้ …ถ้าหากจะพูดอีกอย่างก็คือเริ่มดีดกลับอย่างแข็งแกร่งเมื่อถึงจุดต่ำสุดนั่นเอง

 

 

 

 

 

ตอนนี้นางถูกคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในวงศ์ตระกูลตัวเองกดไปถึงริมขอบของวิธีแช่กรงหมูแล้ว นางจึงแอบแต่งเติมเสริมเรื่องเมื่อก่อนและหยิบยกมันออกมาพูด เพราะร้ายแรงที่สุดก็คือถูกแช่กรงหมู ซึ่งไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านั้นแล้ว

 

 

 

 

 

นี่เป็นการเสริมคำพูดของตัวเองที่ว่า ‘หม่าเฉิงหยวนบังคับนาง’ 

 

 

 

 

 

มีหลายคนตกใจจนพูดไม่ออกแล้วจริง ๆ แต่ก็มีบางคนพูดขึ้นว่า

 

 

 

 

 

“โห! ข้าไม่คิดเลยว่านางจะเคยแท้งลูก”

 

 

 

 

 

“สกปรกจริง ๆ! น่าสะอิดสะเอียนมาก หญิงที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ เหตุใดถึงยังให้นางมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เพื่อทำให้ตระกูลเจียงของเราขายหน้าอยู่อีก ?!”

 

 

 

 

 

“รีบจับนางแช่กรงหมูเร็วเข้า แล้วนำไปถ่วงบ่อน้ำ ไม่อย่างนั้นนี่ก็จะเป็นเป็นความอัปยศอดสูของวงศ์ตระกูลเจียงของเรา”

 

 

 

 

 

บางคนยังคงโกรธเคืองและตะโกนขึ้นว่า “จับนางผู้ไร้ความบริสุทธิ์คนนี้ไปแช่กรงหมูเร็วเข้า!” แต่บางคนกลับรู้สึกเวทนาเจียงต้ายาอย่างมาก 

 

 

 

 

 

แม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลที่เพิ่งตะโกนให้จับเจียงต้ายาแช่กรงหมูเมื่อสักครู่ก็มีความลังเลอยู่เล็กน้อย “เด็กคนนี้คงไม่ได้พูดโกหกหรอกใช่หรือไม่… เรื่องอื้อฉาวที่ท้องก่อนแต่งทั้งยังมาแท้งลูก หากพูดออกไปก็จะเป็นเรื่องอื้อฉาวมาก นางเลือกที่จะพูดมันออกมา ก็แสดงว่าเด็กคนนี้ นางถูกบังคับจริง ๆ”

 

 

 

 

 

เวลานี้เหตุการณ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ อาเจียงซานไท่จึงต้องยืนขึ้นเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสถานที่ เพราะผู้คนฮึกเหิมและเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลก็พากันเอะอะโวยวายไม่จบไม่สิ้น อาเจียงซานไท่จึงต้องคิดหาวิธีแก้ไข สุดท้ายเขาก็ให้คนที่อยู่ ณ ที่นี้แสดงความคิดเห็นโดยการยกมือ

 

 

 

 

 

ก่อนที่ทุกคนจะยกมือแสดงความคิดเห็น อาเจียงซานไท่ถามเจียงต้ายาอีกครั้ง “ต้ายา เจ้ายังอยากจะพูดอะไรอีกหรือไม่ ?”

 

 

 

 

 

เจียงต้ายาคุกเข่า โน้มศีรษะลงกับพื้นต่อหน้าผู้คน จากนั้นนางก็พูดและร้องไห้ไปด้วย “ท่านลุง ป้า น้า อา น้องชายและน้องสาวทั้งหลาย ตอนนี้เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว มันเป็นความผิดของข้าเองที่ข้าไม่ตายทันทีเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ไว้ ข้ามีเพียงหนึ่งคำขอร้อง ไม่ว่าทุกคนจะตัดสินใจให้จับข้าแช่กรงหมูหรือไล่ข้าออกจากวงศ์ตระกูล ข้าก็อยากขอร้องว่าถึงตอนนั้น ให้ไปที่หมูบ้านวัวเหลือง ไปหาหม่าเฉิงหยวนเพื่อขอความยุติธรรมให้แก่ข้า เพราะว่าข้านั้นถูกบังคับ”

 

 

 

 

 

เจียงต้ายาคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น

 

 

 

 

 

ตอนที่พวกเขาถูกจับได้ว่าเล่นชู้ หม่าเฉิงหยวนเอาแต่ปฏิเสธและผลักเรื่องนี้มาที่นาง แล้วยังมิวายบอกว่านางให้ท่าเขาด้วย และตอนที่เขาหนีเตลิดไป ในใจของเจียงต้ายาก็มองทะลุนิสัยโดยแท้จริงของหม่าเฉิงหยวนโดยสิ้นเชิงแล้ว

 

 

 

 

 

‘แม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็จะไม่ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขเลยคอยดู!’

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่กวาดตามองผู้คนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “พอแล้ว! ตอนนี้ใครเห็นด้วยที่จะจับเจียงต้ายาแช่กรงหมูขอให้ยกมือขึ้น”

 

 

 

 

 

ในบรรดาผู้อาวุโสในตระกูลทั้งแปดคนที่นั่งอยู่ มีสี่คนที่ค่อย ๆ ยกมือขึ้น

 

 

 

 

 

ในฝูงชน มีคนจำนวนมากที่ยกมือขึ้น แต่คนที่ยกมือแล้วบางคนกลับมีความลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็เอามือลง เช่นเดียวกับที่มีบางคนลังเลในทีแรก แต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะจนได้

 

 

 

 

 

หนึ่งในนั้นมีมือของท่านปู่เจียงผู้เป็นปู่ของเจียงต้ายาด้วยเช่นกัน เขานั้นยังกลัวว่าจะมีคนสงสัยในความแน่วแน่ที่ไม่เห็นแก่ความเป็นญาติมิตรของเขา เขาจึงพูดขึ้นเสียงดัง “เจ้าคนเลวทรามที่ขัดต่อศีลธรรมประเพณีที่ท้องก่อนแต่งแบบนี้ไม่ใช่หลานสาวข้า! ตระกูลเจียงของเราไม่สามารถมีเจ้าคนที่ทำให้ขายขี้หน้าเช่นนี้ได้!”

 

 

 

 

 

เจียงต้ายามองท่านปู่เจียงเงียบ ๆ กลับกัน ท่านปู่เจียงไม่กล้ามองเจียงต้ายาแม้แต่นิดเดียว

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่หรี่ตาลงเพื่อนับจำนวนคน

 

 

 

 

 

ยี่สิบแปดคน

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่พูดต่อ “ผู้ที่เห็นด้วยที่จะไล่เจียงต้ายาออกจากวงศ์ตระกูลและลบชื่อของนางออกจากลำดับวงศ์ตระกูล จากนั้น นางก็จะไม่ใช่คนในตระกูลเจียงอีก เชิญยกมือขึ้น”

 

 

 

 

 

ผู้อาวุโสในตระกูลอีกสี่คนที่เหลือยกมือขึ้น

 

 

 

 

 

คนในฝูงชนพากันลังเลเล็กน้อย ข้ามองเจ้า… เจ้ามองข้า… จากนั้นก็ยกมือขึ้นอย่างบางตา

 

 

 

 

 

“เหตุใดถึงยังจะให้คนแบบนี้มีชีวิตอยู่อีก ? นางทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลเจียงไปจนหมดสิ้นแล้วนะ”

 

 

 

 

 

“ก็ข้า… ข้าคิดว่านางน่าสงสารมาก…”

 

 

 

 

 

“ใช่ ถูกบังคับเป็นการไม่สมัครใจ ไล่ออกจากวงศ์ตระกูลก็ได้แล้วนี่นา”

 

 

 

 

 

“ถึงอย่างไรนี่ก็ชีวิตคนคนหนึ่ง”

 

 

 

 

 

เจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงยกมือขึ้น เจียงป่าวชิงนั้น นางยังคงไม่ชอบเจียงต้ายา แต่นางจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองกลายเป็นหนึ่งในผู้สังหารในระบบศักดินาที่เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาเด็ดขาด

 

 

 

 

 

เจียงเฟยก็ยกมือเช่นกัน ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ในตระกูลเจียงเห็นพี่น้องบ้านตัวเองยกมือ พวกเขาลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นก็ยกมือขึ้น

 

 

 

 

 

สายตาของเจียงต้ายาไปหยุดอยู่บนมือข้างนั้นของเจียงป่าวชิง แล้วจู่ ๆ ในดวงตาของนางก็มีน้ำตาทะลักออกมา นางก้มหน้าและกัดริมฝีปากอย่างแรง

 

 

 

 

 

เจ้าปัญญาอ่อนนั่นกำลังสงสารนางใช่ไหม ?

 

 

 

 

 

ญาติที่พึ่งพาทางสายเลือดของนางละทิ้งนางอย่างไร้ความปราณี คนอย่างนางกลับต้องมานั่งยอมรับความสงสารจากเจ้าปัญญาอ่อนป่าวชิงคนนั้น

 

 

 

 

 

เจียงต้ายารู้สึกตื้นตันใจมาก

 

 

 

 

 

อาเจียงซานไท่ประกาศคำตอบออกมาว่า “ยี่สิบเจ็ด”

 

 

 

 

 

ยอดนี้น้อยกว่ายี่สิบแปดคนที่เห็นด้วยกับการแช่กรงหมูไปหนึ่งคน เจียงต้ายาล้มลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวังทันที

 

 

.