ตอนที่ 65 มิอาจทนได้อีกต่อไป

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ขอรับท่านผู้นำ”

หลังจากรับคำสั่ง ข้ารับใช้ก็ไปส่งข่าวที่จวนโอวหยาง

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็ก ๆ  แม้ว่าท่านพ่อของนางทิ้งสมบัติพัสถานไว้มากมาย ทว่ายาฟื้นฟูว่านหลิงเป็นยาที่นางคิดค้นปรุงขึ้นมาด้วยตนเอง

ในวันที่นางประลองฝีมือกับโอวหยางเหว่ย นางไม่เพียงแต่ทำให้โอวหยางเหว่ยบาดเจ็บภายนอก ทว่านางโปรยผงพิษใส่โอวหยางเหว่ยไปเล็กน้อยด้วย ผงพิษเป็นของนาง แน่นอนว่านางต้องมียาแก้พิษอยู่ในมือ

“อะไรนะ ?! มู่เฉียนซีมีวิธีรักษาอย่างนั้นหรือ ?” เมื่อโอวหยางจูผู้นำตระกูลโอวหยางได้ทราบข่าวก็ตกอกตกใจ

แต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ในแคว้นจื่อเยี่ยก็ไม่มีใครมีวิธีรักษาเลย แม้แต่นักปรุงยาแคว้นเพื่อนบ้านก็ไร้ซึ่งวิธีรักษา เวลานี้เกรงว่าจะมีแต่ผู้นำตระกูลมู่ที่จะรักษาได้

มู่เฟิงอวิ๋น ท่านพ่อของมู่เฉียนซีเคยสร้างสิ่งแปลกประหลาดไว้มากมาย ไม่แปลกใจว่าเหตุใดถึงทิ้งสมบัติอันล้ำค่าให้มู่เฉียนซีนานัปการ

“สินน้ำใจหรือ ?” โอวหยางจูพ่นวาจาอย่างตระหนก

ในคืนงานเลี้ยงเทศกาลจื่อหยวน มู่เฉียนซีก้าวร้าวมาก บีบบังคับให้ฮ่องเต้ซวนหยวนจือคืนสินสอดทองหมั้นสมบัติอันล้ำค่าให้นางนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังกำเริบเสิบสานยั่วเย้าให้พระองค์กริ้ว สุดท้ายกระอักเลือดสามระลอก ประชวรไปสามวันสามคืน

มาวันนี้ มู่เฉียนซีขอให้ตระกูลโอวหยางมอบสินน้ำใจให้แก่นาง ทำให้โอวหยางจูรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับความเจ้าเล่ห์ของสตรีผู้นำตระกูลมู่ อย่างไรก็ต้องระแวดระวังไว้

หากมู่เฉียนซีช่วยเหว่ยเหว่ยได้จริง มีหวังตระกูลโอวหยางต้องโดนปีศาจเจ้าเล่ห์อย่างนางปอกลอกเป็นแน่แท้

“ท่านพ่อ อย่ามัวลังเลอยู่เลยนะขอรับ อาการเหว่ยเหว่ยไม่ไหวแล้ว ” โอวหยางจื่อกล่าว สีหน้าทาบทาความกังวล

โอวหยางเฉียง คุณชายรองแห่งตระกูลโอวหยางกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า… “ให้ข้าไปแย่งชิงยาแก้พิษจากนางมาก็สิ้นเรื่อง นางมู่เฉียนซีสมควรตายนัก มียาแก้พิษอยู่แต่กลับไม่เอามาช่วยน้องข้า คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะกล้าต่อรองกับตระกูลโอวหยางของพวกเรา  นี่มันหยามเกียรติกันชัด ๆ”

“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าใช้อะไรคิด มู่อวู่ซวงอยู่ในจวนตระกูลมู่ หากเจ้าบุ่มบ่ามเข้าไป คิดหรือว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา” โอวหยางจูกล่าวเตือน

เมื่อนึกถึงมู่อวู่ซวง ความเย่อหยิ่งอวดดีของโอวหยางเฉียงพลันเหือดหาย

โอวหยางจูกล่าวอย่างเคร่งขรึม “จื่อเอ๋อร์ เจ้าไปที่จวนตระกูลมู่ ไปเชิญท่านผู้นำมา เชิญนางมาให้ได้!”

เหว่ยเหว่ยเป็นบุตรสาวคนเดียวของตน อีกทั้งยังมีความสามารถ มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชามากมาย อนาคตนางต้องไปได้ไกลกว่านี้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลโอวหยางทุ่มเทเพื่อฝึกฝนนางอย่างหนัก  เขาจะไม่ยอมให้การทุ่มเททั้งหมดสูญเปล่า

“ขอรับท่านพ่อ ข้าจะเชิญนางมาให้ได้”

ณ จวนตระกูลมู่

“ท่านผู้นำขอรับ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลโอวหยางมาขอพบ”

มู่เฉียนซีที่เหน็ดเหนื่อยจากการปรุงยามาสามวันติดต่อกันกำลังนอนพักผ่อนอยู่อย่างสบายอกสบายใจ เมื่อได้ยินว่าโอวหยางจื่อมาขอเข้าพบ นางกล่าวอย่างเกียจคร้าน

“โอ๊ะ! คนของตระกูลโอวหยางมารึ ? ช่างรวดเร็วทันใจจริง ๆ  บอกให้เขารอไปก่อน ข้าของีบสักพัก”

“ขอรับ”

หากเป็นเมื่อก่อน โอวหยางจื่อคงไม่รอ เขาต้องกลับจวนอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้โอวหยางเหว่ยตกอยู่ในอันตราย เขาต้องการยาแก้พิษจากมู่เฉียนซี  เขาจำต้องอดใจรอนาง

รอแล้วรอเล่า ผ่านไปกว่าชั่วยามยังไม่เห็นแม้เงาของมู่เฉียนซี…

คนอย่างโอวหยางจื่อแห่งตระกูลโอวหยางไม่เคยมีใครกล้าปล่อยให้รอนานขนาดนี้ ทว่าตอนนี้กลับโดนมู่เฉียนซีเล่นสงครามประสาท แน่นอนว่าใจเขาต้องโกรธประหนึ่งไฟสุมร้อน

“พ่อบ้าน ตกลงท่านผู้นำตระกูลมู่จะให้ข้ารอถึงเมื่อไหร่กัน ?”

พ่อบ้านยิ้ม ใบหน้าสงบ เขากล่าวว่า “คุณชายใหญ่โอวหยางก็ทราบดีว่าท่านผู้นำงานล้นมือ หากคุณชายใหญ่ต้องการพบท่านผู้นำจริง ๆ โปรดอดทนรออีกสักเถอะนะขอรับ”

โอวหยางจื่อกำหมัดแน่น ‘อดทนไว้ ข้อต้องอดทนเอาไว้…’

ทันใดนั้นเอง เงาร่างชายผู้หนึ่งในชุดสีฟ้าสว่างปรากฏตรงหน้าโอวหยางจื่อ

“เยวี่ยเจ๋อ เจ้ามาก็ดีแล้ว ไปบอกท่านผู้นำให้รีบออกมาพบข้าหน่อยเร็ว” โอวหยางจื่อได้ทีสั่งเยวี่ยเจ๋อไปตามให้

เยวี่ยเจ๋อมองเขาด้วยแววตาไม่แยแส กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย “พี่ใหญ่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ ข้าจะไปรบกวนการพักผ่อนของนางเพื่อเจ้าได้อย่างไรกันล่ะ ?”

— ปัง!  โครม! —

โอวหยางจื่อบันดาลโทสะ ตบโต๊ะจนพังด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ดวงตาดำมืดจ้องเยวี่ยเจ๋อเขม็ง

“เจ้าว่าอะไรนะ ? มู่เฉียนซี นาง… นางกำลังนอนอยู่อย่างนั้นรึ ?”

หากบอกว่านางกำลังคิดรายรับรายจ่าย หรือฝึกวิชาอยู่เขายังทนได้ แต่นี่บอกว่านางกำลังนอนอยู่  มิอาจทนได้จริง ๆ

‘มู่เฉียนซี เจ้าทำเช่นนี้มันมากเกินไปแล้ว!’

โทสะในใจของโอวหยางจื่อระเบิดขึ้น  มิอาจทนรอได้อีกต่อไป ในขณะที่กำลังย่างเท้าออกไป เยวี่ยเจ๋อรุดเข้าไปขวางหน้าไว้

เยวี่ยเจ๋อกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดิม “คุณชายใหญ่โอวหยาง หากจะไปข้าไม่ห้าม ทว่าต้องชดใช้ที่ทำข้าวของของตระกูลมู่เสียหายซะก่อน มิเช่นนั้นแล้วหากพี่ใหญ่รู้เข้า เกรงว่านางจะไม่พอใจ”

โอวหยางจื่อมองไปที่โต๊ะ ในใจพลันนึกถึงเรื่องราววันก่อนขึ้นมา เรื่องที่ซวนหยวนหลี่เทียนทำรถม้าของนางพังและนางเรียกค่าเสียหายสูงลิ่ว นึกได้เช่นนี้แล้ว โอวหยางจื่อปวดใจราวกับมีปลายมีดแหลมมาทิ่มแทง

‘บัดซบ! เหตุใดเมื่อครู่ข้าถึงไม่ระงับโทสะไว้’

เยวี่ยเจ๋อถามพ่อบ้าน “พ่อบ้าน โต๊ะนี่มีราคาเท่าไหร่หรือ ?”

หลังจากที่กลายเป็นน้องชายของมู่เฉียนซีได้ไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าเยวี่ยเจ๋อจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเรียนรู้เร็วและรู้ว่ามู่เฉียนซีน่าจะต้องการสิ่งใด

พ่อบ้านยิ้ม  กล่าวด้วยท่าทางอ่อนโยน “อันที่จริงก็ไม่แพงหรอกขอรับ แค่แสนสองหมื่นเหรียญทองคำเท่านั้นเอง”

“…”

โอวหยางจื่อปากอ้าตาค้าง “แสนสองหมื่นเหรียญทองคำ! คิดจะปล้นกันเลยหรืออย่างไร ?!”

เยวี่ยเจ๋อยังคงกล่าวอย่างเรียบเฉยเฉกเช่นเดิมมิเปลี่ยนแปลง “คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง หากไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้เรียบร้อย เกรงว่าเจ้าจะมิอาจออกไปจากที่นี่ได้”

“ไม่ไปก็ไม่ไป! หากวันนี้ข้าไม่ได้เจอกับมู่เฉียนซี ข้าก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

โอวหยางจื่อรู้ดีว่าตนหุนหันพลันแล่นไปเสียหน่อย หากทำให้มู่เฉียนซีไปจวนตระกูลโอวหยางไม่ได้ มีหวังโอวหยางเหว่ยหมดบุญวาสนาจะลืมตามาดูหน้าครอบครัวในวันพรุ่งนี้แน่

จะโกรธมากแค่ไหน… จะหงุดหงิดเพียงใด… ก็จำต้องทนรอมู่เฉียนซี

เวลาเดียวกันนั้น ในที่สุดมู่เฉียนซีก้าวออกมา

โอวหยางจื่อรีบกล่าวเสียงดัง “ผู้นำตระกูล! พักผ่อนเพียงพอแล้วก็รีบไปจวนตะกูลโอวหยางกับข้าเถอะ น้องสาวข้ากำลังรอความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่ ส่วนเรื่องสินน้ำใจของตระกูลโอวหยาง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

มู่เฉียนซีเหลือบมองโต๊ะที่พัง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นี่รึสินน้ำใจ ?  สินน้ำใจของตระกูลโอวหยางคือการมาทำลายข้าวของในจวนตระกูลมู่อย่างนั้นรึ หืม ?”

โอวหยางจื่อกำหมัดแน่น กล่าวอะไรไม่ออก

“ผู้นำตระกูลมู่ มู่เฉียนซี ขอเพียงแค่เจ้าไปจวนตระกูลโอวหยางกับข้า โต๊ะที่พังนี้ แสนสองหมื่นเหรียญทองคำนั่นตระกูลโอวหยางจะชดใช้ให้ไม่ให้ขาดแม้แต่เฟินเดียว! ตระกูลโอวหยางไม่ขาดเงินอยู่แล้ว”

“หากจะชดใช้ก็ชดใช้ให้เสียตอนนี้เลยสิ!  อ้อ ไม่ใช่แสนสองหมื่นนะ แต่เป็นสองแสนสองหมื่นเหรียญทองคำ”

“ฮะ ?! จะเป็นสองแสนไปได้อย่างไรในเมื่อเมื่อครู่นี้พ่อบ้านเป็นคนบอกเองว่าแค่แสนสองเหรียญทองคำ นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”

“โต๊ะนี่ซื้อเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สิบกว่าปีก่อนโต๊ะนี่มีราคาหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญทองคำ เวลาผ่านไปราคาก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ  นี่คิดเจ้าแค่สองแสนสองหมื่นเหรียญทองคำถือว่าถูกแล้วนะ”

เยวี่ยเจ๋อมองดูพี่ใหญ่ด้วยความชื่นชม นางช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ตัวเขานั้นมิอาจเทียบนางได้เลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว

ไฟที่โหมกระหน่ำกำลังลุกโชนในหัวใจของโอวหยางจื่อ โทสะนั้นเกือบแผดเผาตัวเขาเองจนสิ้นลม

ไม่แปลกเลยว่าเหตุใดนางจึงทำให้ฮ่องเต้กริ้วโกรธจนกระอักเลือดสามระลอก ขนาดเขาเองยังแทบทนไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องทำให้นางไปจวนตระกูลโอวหยางให้จงได้

“ผู้นำตระกูล หากข้าชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้า เจ้าก็จะไปจวนตระกูลโอวหยางเพื่อช่วยรักษาน้องสาวข้าใช่หรือไม่ ?”

“ใช่”

เมื่อได้ยินนางรับปาก เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอเพียงให้นางไปถึงจวนตระกูลโอวหยาง ค่าเสียหายเขาชดใช้ให้นางได้แน่

รีบไปเสียดีกว่าไหม ?  เกรงว่าขืนอยู่ที่จวนตระกูลมู่ต่อไป มีหวังเขาต้องบ้าคลั่งมากกว่าที่เป็นอยู่

โอวหยางจื่อ สมแล้วที่เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลโอวหยาง เป็นตระกูลที่ร่ำรวย  แม้ในใจจะกระอักเลือดเพียงใด ก็ยังยอมชดใช้ให้แต่โดยดี

“เยวี่ยเจ๋อ ไปจวนตระกูลโอวหยางกันเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ขอรับพี่ใหญ่” เยวี่ยเจ๋อพยักหน้า กล่าวตอบรับ

.