บทที่ 102 กลยุทธ์ทุกข์กาย

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

หนึ่งร้อยสอง

กลยุทธ์ทุกข์กาย

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในเรือน และตกกระทบลงบนร่างของเสวี่ยเจียเยว่ ในขณะที่นัยน์ตาของเสวี่ยหยวนจิ้งเป็นประกาย ตะลึงงันอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา

เสวี่ยเจียเยว่สวมชุดฉีซงหรูฉวิน[1] เสื้อด้านบนเป็นสีชมพูอ่อน คอเสื้อและปลายแขนเสื้อเป็นสีชมพูเข้ม ตัวเสื้อปักลวดลายดอกไห่ถัง ส่วนที่เป็นกระโปรงยาวสีแดงอมชมพูเหมือนดอกไห่ถังก็ปักลายดอกไห่ถังหลายดอกอย่างเป็นระเบียบ

เสวี่ยหยวนจิ้งไม่เคยเห็นใครสวมชุดเช่นนี้มาก่อน สีสันดูหรูหราทว่าเรียบง่าย คอเสื้อไม่ใช่ทั้งแบบเฉียงและแบบตรง แต่น่าจะเป็นทรงสามเหลี่ยม และยิ่งทำให้ใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่เล็กลง เมื่อชุดนั้นอยู่บนตัวของอีกฝ่าย สีสันของมันก็ดูสดใสยิ่งนัก

บนอกมีเชือกผ้าไหมสองเส้นคือสีแดงกับสีชมพู และมีผ้าโปร่งสีแดงสดพาดบนแขนทั้งสองข้าง ผมสีดำขลับเรียบลื่นเกล้าเป็นมวยสองข้าง และประดับด้วยสร้อยร้อยไข่มุก ในขณะที่ก้าวเดินเชือกผ้าไหมบนอกและผ้าโปร่งที่พาดบนแขนของแม่นางน้อยปลิวเบาๆ ราวกับเทพธิดาลงมาเดินตรงหน้าเขาก็ไม่ปาน

เมื่อก่อนเขารู้ดีว่าเอ้อร์ยามีใบหน้างดงาม ทว่าแม่นางที่อยู่ในร่างนั้นมักจะสวมชุดเรียบง่าย เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กอยู่เสมอ แต่วันนี้จู่ๆ กลับแต่งตัวเช่นนี้ เสวี่ยหยวนจิ้งก็รู้เพียงว่าคนตรงหน้าคือดอกไห่ถังที่มีเสน่ห์ และงดงามที่สุดเมื่อผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ

แม่นางผู้นี้โตเป็นสาวแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อน…

เมื่อมีความหวั่นไหวในหัวใจ เสวี่ยหยวนจิ้งก็หลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นและเอ่ยถามอีกฝ่าย “นี่คือชุดที่ป้าเฝิงตัดให้เจ้าเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ”

วันนั้นเขาเอ่ยถามเสวี่ยเจียเยว่ว่าป้าเฝิงตัดชุดใดให้ ทว่าอีกฝ่ายเอาแต่เม้มปากพลางยิ้ม ก่อนจะบอกว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะรู้เอง

และวันนี้เขาก็ได้รู้ แต่…

“เจ้าต้องสวมชุดนี้ไปดูการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเลยหรือ” ใบหน้าของเสวี่ยหยวนจิ้งทะมึนลง

ผู้ใดจะไม่หลงใหลเมื่อเห็นใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่…

เมื่อครู่เสวี่ยเจียเยว่เห็นเสวี่ยหยวนจิ้งมองมาด้วยความตะลึง ในใจเธอรู้สึกมีความสุขไม่น้อย หลังจากได้ยินเขาเอ่ยถามเช่นนี้ เธอก็พยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม

“ใช่เจ้าค่ะ”

เธอยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยถามเสวี่ยหยวนจิ้ง “ท่านพี่ ชุดนี้ดูดีหรือไม่เจ้าคะ ลวดลายนี้ข้าวาดเองกับมือ และดอกไห่ถังบนชุดนี้ข้าก็ปักเองเลยนะเจ้าคะ เป็นเช่นไรบ้าง มันดูพิเศษแตกต่างจากแบบชุดที่อื่นหรือไม่”

เธอนึกในใจว่าแม้ป้าหยางจะนำชุดกระโปรงเหล่านั้นไปมอบให้เหล่าฮูหยินและคุณหนู เพื่อให้พวกนางสวมไปชมดอกเบญจมาศในเทศกาลฉงหยาง ทว่าตัวเธอเองก็สวมชุดกระโปรงอีกแบบไปเดินชมดอกเบญจมาศเช่นกัน เมื่อใครเห็นก็ต้องชื่นชมจนทำให้ร้านมีชื่อเสียงใช่หรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เธอจะไปชมการแข่งขันจีจวีรอบชิงชนะเลิศระหว่างสำนักศึกษาไท่ชูกับสำนักศึกษาถัวเยว่ ซึ่งจะมีเหล่าฮูหยินและคุณหนูมากมายอยู่ที่นั่น จึงถือเป็นโอกาสดีที่สุดในการเผยแพร่ชื่อเสียงของร้านเธอเอง

ด้วยเหตุนี้เธอจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการออกแบบชุดนี้ให้ตัวเอง สีสันสดใสไม่พอ แต่คอเสื้อยังตั้งใจทำเป็นทรงแหลมอย่างในภพที่จากมาเรียกว่า ‘รูปตัววี’ ซึ่งจะทำให้ใบหน้าของเธอเล็กลง

เสวี่ยเจียเยว่พอใจกับชุดบนตัวเธอมาก เมื่อกล่าวคำเหล่านั้นออกมาสีหน้าของเธอยังดูลำพองใจมิใช่น้อย เธอต้องการให้เสวี่ยหยวนจิ้งเอ่ยชมสักสองสามประโยค

เสวี่ยเจียเยว่เห็นเขามองพิจารณาเธอตั้งแต่ศีรษะจดเท้าหลายรอบ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมา “อือ ก็งดงามดี”

เธอดีอกดีใจไม่น้อย และในขณะที่กำลังจะเอ่ยบางอย่าง เสวี่ยหยวนจิ้งก็กล่าวขึ้นมาอีก

“แต่เจ้าไม่สามารถสวมชุดนี้ไปดูข้าแข่งขันได้”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่แข็งทื่อทันที ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าคะ”

‘เพราะเจ้าสวมชุดนี้แล้วงดงามเกินไป ข้าอยากให้เจ้าสวมมันให้ข้าดูคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ใดได้เห็น…’

แต่เขาจะเอ่ยคำเหล่านั้นออกไปได้อย่างไร ชายหนุ่มทำได้เพียงหาข้ออ้าง “การแข่งขันในวันนี้จะต้องมีคนเข้าชมเยอะมากแน่ๆ และแน่นอนว่าต้องแออัดเบียดเสียด ชุดของเจ้ามันยาวเกินไป คนอื่นอาจเหยียบเอาได้ ถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นเจ้าจะทำเช่นไร เจ้าควรกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดที่เคยสวมตามปกติจะดีกว่า”

เสวี่ยเจียเยว่ชอบสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายในวันปกติ สีสันก็ไม่ฉูดฉาด เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานต่างๆ บางครั้งกระทั่งกระโปรงยังไม่สวมด้วยซ้ำ

หลายวันที่ผ่านมาเธอต้องทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อให้มีชุดสำหรับสวมในวันนี้ และต้องการสวมออกไปข้างนอก เหตุใดจะต้องเปลี่ยนเป็นชุดอื่นเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเสวี่ยหยวนจิ้ง

ทว่าอีกใจก็สับสน เพราะถึงอย่างไรในใจของเธอก็มองว่าเสวี่ยหยวนจิ้งเป็นพี่ชาย เขาพูดอะไรเธอก็ต้องเชื่อฟัง ดังนั้นเธอจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขยับไปกอดแขนชายหนุ่มแล้วเอ่ยเบาๆ

“ท่านพี่ วันนี้เป็นวันแข่งรอบชิงชนะเลิศของท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ ในใจของข้านั้นวันนี้เป็นวันที่สำคัญมาก เพราะข้าให้ความสำคัญแก่ท่าน ดังนั้นข้าถึงได้ตั้งใจสวมชุดนี้ ท่านให้ข้าสวมชุดนี้ออกไปเถอะนะเจ้าคะ… นะเจ้าคะท่านพี่ ข้าสัญญาว่าจะระมัดระวังเป็นอย่างดี ไม่ให้ผู้ใดเหยียบชายกระโปรงจนทำให้ข้าล้มแน่นอนเจ้าค่ะ”

ในภพที่จากมา… เธอเคยไปท่องเที่ยวสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านในช่วงวันหยุด อยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายเช่นนั้น เธอยังสามารถเดินฝ่าไปได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนปลาที่แหวกว่ายในน้ำ แล้วในเมืองผิงหยางตอนนี้จะมีคนมากเท่าไรกันเชียว ไม่ใช่ว่าเธอกล่าวโอ้อวด แม้ว่าคนทั้งเมืองผิงหยางจะเร่งรีบไปดูการแข่งขันจีจวีในวันนี้เธอก็ไม่กลัว ใครเบียดใครยังไม่อาจรู้ได้แน่ชัด

หากเธอทำตัวออดอ้อนเหมือนที่ผ่านมา ไม่ว่าเรื่องใหญ่เพียงใด เสวี่ยหยวนจิ้งก็จะตอบตกลงทันที

ทว่าวันนี้ไม่รู้ว่าเขาไปกินยาผิดขวดมาจากที่ใด เธอเอ่ยออกไปแล้ว เขากลับยื่นคำขาดเสียงห้วน “ไม่ได้”

จากนั้นก็กล่าวเสริมอีก “ข้ารู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญแก่ข้า ต่อไปชุดนี้เจ้าก็สวมให้ข้าดูในเรือนแล้วกัน”

เขาชอบยิ่งนักที่ได้เห็นเสวี่ยเจียเยว่สวมชุดนี้ พลางคิดในใจว่าผิวของอีกฝ่ายขาวผ่องเป็นยองใย สวมชุดใดก็ดูดีไปหมด และเด็กสาวมีนิสัยร่าเริงน่ารัก สีแดงเข้มและสีแดงทับทิมต้องเหมาะกับแม่นางผู้นี้ไม่น้อย

ทันใดนั้นภาพในตำราที่เจี่ยจื้อเจ๋อให้เขาดูเมื่อหลายวันก่อนก็ผุดขึ้นมาในหัว นั่นคือภาพสตรีสวมตู้โต้ว[2] สีแดงเข้ม ด้านหน้าปักลายยวนยาง[3] กำลังเล่นน้ำ…

สายตาของเขามองไปยังหน้าอกของเสวี่ยเจียเยว่อย่างอดไม่ได้ ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มเติบโตแล้ว ไม่รู้ว่าได้ทำเสื้อเช่นนั้นไว้สวมด้านในหรือไม่ เสวี่ยหยวนจิ้งรู้ดีว่าเสวี่ยเจียเยว่เป็นคนประหยัดมาก แม้จะเปิดร้านตัดชุดและทำเงินได้บ้างแล้ว แต่ยังทำใจใช้จ่ายมากเกินไปไม่ได้ บอกเพียงว่าต้องเก็บหอมรอมริบเข้าไว้ เพราะในภายภาคหน้าเขาต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเข้าร่วมการสอบคัดเลือกขุนนาง แต่ถ้าต้องการทำตู้โต้ว ต้องลังเลที่จะใช้จ่ายเงินซื้อผ้าดีๆ อย่างแน่นอน

เสวี่ยหยวนจิ้งคิดจะไปร้านขายผ้าไหมในยามที่เขามีเวลาว่าง เพื่อเลือกผ้าดีๆ ให้เสวี่ยเจียเยว่ ควรเลือกสีใดดีล่ะ สีแดงเข้มก็ดี ฝีมือของเด็กสาวถือว่าใช้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงปักลายยวนยางกำลังเล่นน้ำได้แล้ว…

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หัวใจเขาพลันอ่อนยวบลงทันที สายตาที่ทอดมองเสวี่ยเจียเยว่ก็มืดมัวลง

เสวี่ยเจียเยว่ไม่รู้ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งผู้สง่างามกำลังคิดเรื่องเช่นไรอยู่ในใจ… หากรู้คงเสียใจไม่น้อย

เธอกำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก จะสวมอะไรแล้วเหตุใดต้องสนใจเสวี่ยหยวนจิ้งด้วยเล่า แม้แต่เรื่องเสื้อผ้าเธอก็ไม่มีอิสระขนาดนั้นเชียวหรือ

คิดแล้วสีหน้าของเธอก็ทะมึนลง น้ำเสียงยังหงุดหงิดมิใช่น้อย “ข้าไม่สน ข้าไม่สนว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ วันนี้ข้าต้องสวมชุดนี้ออกไปให้ได้”

นี่กลายเป็นความรู้สึกเดือดดาลระคนไร้เหตุผลไปเสียแล้ว

หากเป็นเรื่องอื่นๆ เมื่อเห็นเสวี่ยเจียเยว่ไม่พอใจเช่นนี้ เสวี่ยหยวนจิ้งจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้…

“ไม่ได้!” ท่าทางของเสวี่ยหยวนจิ้งขึงขังหนักแน่นยิ่งนัก “เจ้ากลับไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่แดงเรื่อเล็กน้อย จากนั้นเธอก็จ้องหน้าเสวี่ยหยวนจิ้ง ก่อนจะก้าวออกไปด้านนอกโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดกับเขาอีก

ความจริงแล้วเธอเพียงอยากเลี่ยงการทะเลาะกับเขา จึงเดินออกไปจากเรือน

เสวี่ยหยวนจิ้งรีบตามไปคว้าแขนคนร่างเล็กในทันใด เสวี่ยเจียเยว่คิดจะสะบัดมือเขาออก แต่เรี่ยวแรงเพียงเท่านี้ไหนเลยจะสู้กำลังอันแข็งแกร่งของเขาได้ เมื่อชายหนุ่มคว้าแขนเด็กสาวได้ก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือเพียงไม่กี่คืบ

เสวี่ยเจียเยว่ยังคงดิ้นรนไม่ยอมแพ้ ทว่าน่าเสียดาย… ไม่ว่าเธอจะดิ้นเพียงใดก็ไม่อาจหลุดพ้นจากฝ่ามือของเสวี่ยหยวนจิ้งได้ มือแข็งราวกับคีมเหล็กจับแขนเธอเอาไว้แน่น

หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อเห็นว่าเสวี่ยหยวนจิ้งโกรธ เธอจะทำสิ่งที่เขาต้องการทันที ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและทำตัวออดอ้อน รับรองว่าความโกรธที่อยู่ในใจเขาจะต้องหายไปทันที ทว่าวันนี้เธอโมโหเป็นอย่างมาก ดังนั้นแม้แต่ประโยคอ่อนโยนครึ่งประโยคเธอก็ไม่ยอมเอ่ย

พอเห็นว่าไม่อาจดิ้นให้หลุดจากมือของเสวี่ยหยวนจิ้งได้ เธอรู้สึกเดือดดาลเป็นที่สุด จึงไม่ไตร่ตรองสิ่งใดทั้งนั้น และก้มลงกัดแขนเขาทันที

ด้วยความสามารถของเสวี่ยหยวนจิ้ง หากเขาคิดจะหลบ อย่าว่าแต่เสวี่ยเจียเยว่จะกัดโดนแขนเขาหรือไม่ แค่เข้าใกล้ยังเป็นเรื่องยาก ทว่าตอนนี้เขาตะลึงงันจึงไม่ได้หลบ ปล่อยให้อีกฝ่ายกัดแขนเช่นนั้น และแม้เด็กสาวจะกัดแรงเพียงใด เขาก็ไม่ร้องสักคำ

ในที่สุดเสวี่ยเจียเยว่ก็ได้สติ จึงรีบถอนปากออกจากแขนเสวี่ยหยวนจิ้ง และพับแขนเสื้อของเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วรอยฟันเรียงเป็นระเบียบก็ปรากฏต่อสายตา ไม่เพียงเท่านั้น บนรอยฟันยังมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย

เสวี่ยเจียเยว่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจมิใช่น้อย ริมฝีปากของเธอสั่น คิดจะเอื้อมมือที่สั่นเทาไม่แพ้ริมฝีปากไปลูบรอยฟันของตน ทว่ายังไม่ทันได้สัมผัส เสวี่ยหยวนจิ้งพลันคว้ามือเรียวของเธอเอาไว้เสียก่อน

“หายโกรธแล้วหรือ” เสียงที่เอ่ยออกมาแฝงความอ่อนโยนจางๆ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโมโหร้ายเช่นนี้ เหมือนลูกสุนัขก็ไม่ปาน เวลาโกรธแล้วจะไล่กัดคนเสียให้ได้”

[1] ชุดกระโปรงรัดอก

[2] เสื้อชั้นในของสตรีในยุคจีนโบราณ

[3] นกเป็ดน้ำแมนดารินคู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ซื่อสัตย์